"Anne Boleyn" พระราชินีที่ถูกปรักปรำว่า “คบชู้” กับน้องชายตนเอง..จนต้องถูกประหารชีวิตด้วยการ "ตัดพระเศียร"
"แอนน์ โบลีน" (Anne Boleyn) นั้นถือเป็นเรื่องราวของสตรีที่สูงศักดิ์อีกพระองค์หนึ่งก็ว่าได้ แต่กระทู้นี้ไม่ได้มากล่าวถึงความเฮี้ยนของพระนาง เพราะนั่นมันเป็นเรื่องเก่าที่พอจะคุ้นกันอยู่แล้ว กับวิญญาณที่ปรากฎร่างที่ไร้ศีรษะที่หอคอยลอนดอน แต่กระทู้นี้จะมากล่าวถึงจุดเริ่มต้นของ "ความรัก" และการถูกปรักปรำจากสามี (กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8) จนเป็นสาเหตุทำให้พระนางต้องถูกโดนบั่นพระเศียรด้วยคมดาบ
แอนน์ โบลีน เป็นใคร ? มาจากไหน ?
วันที่เกิดนั้นไม่ได้มีบันทึกแน่ชัด แต่เกิดเมื่อปี 1507 บิดาคือ "เซอร์โธมัส โบลีน" (Thomas Boleyn) ซึ่งเป็นเอิร์ลแห่งวิลต์เชียร์และออร์มอนด์ (Earl of Wiltshire and Ormonde) มารดาคือ "เลดี้เอลิซาเบธ โฮเวิร์ด" (Lady Elizabeth Howard) มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน เสียชีวิตแต่เล็ก 2 คน จึงเหลือพี่สาวชื่อ "แมรี โบลีน" และ น้องชายคือ "จอร์จ โบลีน" พระนางใช้ชีวิตในช่วงวัยเด็กที่ฝรั่งเศส ก่อนจะเดินทางกลับอังกฤษในปี ค.ศ. 1522
ด้านชีวิตคู่ครอง
ซึ่งก่อนจะมาได้เป็นพระเมหสีองค์ที่ 2 ของของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 นั้น พระนางถูกบิดาสั่งให้แต่งงานกับญาติของพระนางคือ "เจมส์ บัทเลอร์" (ในปี ค.ศ. 1521) แต่เจมส์กลับมาเสียชีวิตซะก่อน พอในปี ค.ศ. 1526 จึงทำให้พระนางแอนน์ฯ ถูกส่งตัวเข้าราชสำนักเพื่อเป็นนางกำนัล ในการรับใช้ "สมเด็จพระราชินีแคทเธอรีน แห่งอรากอน" (Catherine of Aragon) ในเวลาต่อมา จึงเป็นเหตุทำให้ได้พระนางได้อยู่ใกล้ชิดกษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ในราชสำนักนั้นเอง
ชีวิตของพระนางแอนน์ฯ ในราชสำนัก และการถูกขัดขวางมิให้ได้หมั้นหมาย
เนื่องด้วยพระนางแอนน์ โบลีน มีรูปโฉมที่งดงามรูปร่างเพรียวบาง หน้าผากและกรามมีขนาดเล็กแต่มีรูปร่างดี พระนางแอนน์ฯจึงเป็นที่สนพระทัยของพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 เพราะพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 นั้นเป็น "นักรัก" (เจ้าชู้ตัวพ่อเลยก็ว่าได้) แม้แต่พี่สาวของพระนางแอนน์ฯ ที่แต่งงานไปแล้ว ก็ยังแอบมีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆกับพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 มาก่อน
ซึ่งเดิมทีพระนางแอนน์ โบลีน ได้หมั้นหมายไว้กับ "ลอร์ดเฮนรี่ เพอร์ซี" (Lord Henry Percy) แต่กลับโดนพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ขัดขวาง โดยให้ "พระคาดินัลด์วอลซี" (Cardinal Wolsey) ประกาศให้การหมั้นหมายของทั้งคู่เป็นโมฆะไป เพื่อพระองค์ที่จะได้ตัวพระนางแอนน์ โบลีน มาให้ได้
อุปสรรคของกษัตริย์เฮนรี่ที่ 8
เนื่องด้วยกษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ทรงสมรสแล้วกับสมเด็จพระราชินีแคทเธอรีน แห่งอรากอน ในการจะขอหย่าร้างในสมัยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ พระองค์จะต้องได้รับการยินยอมจากสมเด็จพระสันตะปาปาแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกซะก่อน และเหตุผลสำคัญที่กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ใช้เป็นข้ออ้างก็คือ...พระราชินีแคทเธอรีนฯ ไม่สามารถให้กำเนิดทายาทที่เป็นพระโอรสได้ แต่ก็ทำให้สมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 7 บอกปัดฎีกาของพระองค์มาโดยตลอดการหย่าร้างจึงไม่สำเร็จ
แรงปรารถนาที่..ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ
ความรักที่ถูกขวางกั้นด้วยจารีตประเพณีก็ยิ่งทำให้กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 นั้นพลุ่งพล่าน จึงได้แอบสมรสอย่างลับๆกับพระนางแอนน์ฯ (ในช่วงปลายเดือน ม.ค. ค.ศ. 1533) พอจากนั้น (ในวันที่ 23 พ.ค. ค.ศ. 1533) กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ก็ให้ "อาร์ชบิชอปแห่งแคนเทอร์เบอรี โธมัส แครนเมอร์" (Thomas Cranmer) ประกาศให้การสมรสของพระองค์กับพระราชินีแคทเธอรีน นั้นเป็นโมฆะ
ทั้งนี้เพราะพระราชินีแคทเธอรีนฯ เคยสมรสกับ "เจ้าชายอาเธอร์" (Prince Arthur) มาก่อน ซึ่งเป็นโอรสองค์โตของกษัตริย์เฮนรี่ที่ 7 เมื่อเจ้าชายอาเธอร์สิ้นพระชนม์ พระราชินีแคทเธอรีนฯ จึงมาสมรสกับเจ้าชายเฮนรี่ โอรสองค์ที่สองของกษัตริย์เฮนรีที่ 7 ซึ่งภายหลังได้ขึ้นครองราชย์เป็น "กษัตริย์เฮนรีที่ 8" พระองค์จึงเอาบัญญัติของคัมภียร์ไบเบิลพันธสัญญาเก่า (เลวีนิติ 20:21) มาเป็นข้ออ้างว่า..
“ถ้าชายใดเอาเมียของพี่ชายหรือน้องชายไปเป็นเมียตน ผู้นั้นต้องตายโดยไร้ทายาท บุคคลนั้นได้ทำเรื่องอันเป็นมลทินและสร้างความอัปยศต่อพี่หรือน้องตนเอง”
ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงอ้างว่าการสมรสครั้งแรกของพระองค์กับพระราชินีแคทเธอรีนฯ ถือเป็นการขัดต่อประสงค์ของพระเจ้า จึงทำให้การสมรสในครั้งนั้นตกเป็นโมฆะไป
พระราชินีแคทเธอรีน แห่งอรากอน สวรรคต
ต่อมาในวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1536 พระราชินีแคทเธอรีนฯ ก็สวรรคต จึงทราบถึงกษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 และพระนางแอนน์ โบลีน แต่การชันสูตรพระศพกลับพบว่า "หัวใจของพระนางกลายเป็นสีดำ"
ซึ่งทำให้บางคนเชื่อว่าไม่กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 หรือไม่ก็คือพระนางแอนน์ โบลีน น่าจะลอบวาง "ยาพิษ" แต่กระนั้นการสวรรคตของพระราชินีแคทเธอรีนฯ ก็ทำให้กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ทรงเสียพระทัยอย่างมากอยู่เช่นกัน
ความพยายามจะมีพระโอรสสืบทายาทนั้นสูญเปล่า
กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 และพระนางแอนน์ฯ แต่งงานกันอย่างเป็นทางการ (เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ค.ศ. 1533) หลังจากที่แต่งงานกันลับๆ (ในวันที่ 14 พ.ย. ค.ศ. 1532) และเป็นพระราชินีแห่งอังกฤษคนที่ 2 ของกษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 (ในวันที่ 1 มิ.ย. ค.ศ. 1533) ในเวลาต่อมา แต่พระนางแอนน์ฯ กลับให้กำเนิดพระธิดาแทน (ซึ่งก็คือพระราชินีอลิซาเบธที่ 1 ในอนาคต-ภาพด้านล่างนี้)
กษัตรย์เฮนรี่ที่ 8 รู้สึกผิดหวังที่มีลูกสาว จึงเริ่มมีพระทัยออกห่าง พอถึงปี ค.ศ. 1534 พระนางแอนน์ฯ ก็ตั้งครรภ์อีกครั้งแต่ก็กลับทรงแท้งลูกทารกชายในครรภ์ที่มีอายุเพียง 15 สัปดาห์ สาเหตุที่ทำให้ทรงแท้งลูกนั้นเพราะพระนางแอนน์ฯ ทราบว่ากษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ทรงตกม้าจากการแข่งขันทำให้ทรงบาดเจ็บมาก ทำให้พระนางแอนน์ฯ ตกพระทัยมากจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ถึงขนาดแท้งลูกตามมา
กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ก็เริ่มมองหาคนใหม่
หลังจากกษัตริย์เฮนรี่ฯ ผิดหวังที่จะได้พระโอรสสืบสกุลจากพระนางแอนน์ฯ ก็ทำให้รู้สึกผิดหวังและก็เริ่มตีตัวออกห่างจนทำให้มีใจเปลี่ยนไป เมื่อได้พบกับหญิงคนใหม่คือ "นางเจน เซมัวร์" (เป็นธิดาของเซอร์จอห์น ซีมอร์ และ มาร์เกอรี เวนต์เวิร์ท) ที่ได้เข้ามารับใช้ในพระราชวัง
และเนื่องด้วยความถือพระองค์ของพระนางแอนน์ฯ ทำให้ไม่ได้รับความนิยมในราชสำนักแต่แรกอยู่แล้ว แถมไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้อีก ก็ยิ่งทำให้สถานะเริ่มเสื่อมทรามลงอย่างรวดเร็ว จึงเป็นเหตุที่ทำให้เกิดการใส่ร้ายป้ายสีในเวลาต่อมา
พระนางแอนน์ฯ กลับการถูกปรักปรำว่า "คบชู้"
คนที่ 1 นักดนตรีชื่อ "มาร์ก สเมียตัน" ชาวเฟลมมิชที่พระนางแอนน์ฯ เรียกรับใช้ก็ถูกจับกุมถูกทรมานร่างกาย โดนตั้งข้อหาว่าคบชู้กับพระนางแอนน์ฯ
คนที่ 2 พอเดือน พ.ค. ก็ชาวต่างชาติชื่อ "เฮนรี่ นอร์ริส" ก็ถูกจับแต่เนื่องจากเขาเป็นชนชั้นสูงจึงไม่ถูกทรมาน และเขาได้ปฎิเสธและสาบานว่าไม่ได้กระทำผิด
คนที่ 3 ก็คือ "เซอร์ฟรานซิส เวสตัน" ก็ถูกจับกุมในข้อกล่าวหาเดียวกัน
คนที่ 4 ก็คือ "วิลเลียม แบร์ตัน" (บ่าวรับใช้ของกษัตริย์เฮนรี่ที่ 8) ก็ถูกจับกุมในข้อกล่าวหาเดียวกัน
คนที่ 5 ก็คือ "จอร์จ โบลีน" การจับกุมน้องชายแท้ๆของพระนางแอนน์ฯ ในข้อหาคบชู้กับสายเลือดเดียวกัน
วันที่ 2 พ.ค. ค.ศ. 1536 พระนางแอนน์ฯ ก็ถูกจับกุมและส่งไปที่หอคอยแห่งลอนดอน นักโทษคนอื่นๆได้รับการปล่อยตัว แต่พระนางแอนน์ฯกับน้องชาย (จอร์จ โบลีน) 3 วันต่อมาก็ถูกกล่าวหาว่าได้คบชู้สู่ชายกับสายเลือดเดียวกันและเป็นผู้ทรยศ วันที่ 17 พ.ค. ค.ศ. 1536 ก็ตัดสินประหารน้องชายพระนางแอนน์ โบลีน ก่อน
วาระชีวิตสุดท้ายของพระนางแอนน์ โบลีน
ตามบันทึกกล่าวว่าพระนางแอนน์ฯ ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะได้รับการประหาร แต่พระนางแอนน์ฯ ได้ขอเป็นครั้งสุดท้ายว่า..ขอให้จ้างเพชรฆาตจากฝรั่งเศสมาทำการประหารโดยใช้ดาบตามธรรมเนียมฝรั่งเศส เพราะกลัวจะไม่ขอประหารด้วยขวานทื่อๆตามธรรมเนียมอังกฤษ กษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ก็ทำตามคำขอให้
พอเช้าวันที่ 19 พ.ค. ค.ศ. 1536 ทหารก็ได้เชิญพระนางแอนน์ฯ เข้ารับการประหาร โดยพระนางสวมฉลองสีแดง พระเกศารวบด้วยผ้าลินินสีขาวซึ่งเป็นธรรมเนียมฝรั่งเศส และมีนางกำนัลที่สนองโอษฐ์ 4 คนเดินตามจนถึงแท่นประหาร คำสวดมนต์ครั้งสุดท้ายของพระนางแอนน์ โบลีน ได้กล่าวว่า...
“แด่พระเยซูคริสต์ ข้ายินดีที่จะมอบวิญญาณของข้า องค์เยซูโปรดรับวิญญาณข้า”
จากนั้นก็นำผ้ามาปิดพระเนตร แต่เพชรฆาตนั้นตื่นเต้นและรู้สึกว่าการจะประหารให้สำเร็จนั้นยาก เนื่องจากพระศอของพระนางนั้นสั้น เพื่อเป็นการเบนความสนใจของพระนางแอนน์ฯ เพชรฆาตจึงได้ตะโกนเสียงดังว่า..
"ดาบข้าอยู่ไหน" แล้วก็ทำการบั่นพระเศียรพระนางแอนน์ โบลีน โดยที่พระนางไม่ทันรู้ตัวว่าคมดาบลงมาเมื่อไร เป็นการประหารที่รวดเร็วภายในพริบตา และเมื่อชูศีรษะของพระนางแอนน์ โบลีนขึ้นมา ก็พบว่าดวงตากลมโตยังเปิดโพลงอยู่ แถมปากก็ยังขมุบขมิบอยู่คล้ายกับกำลังสาปแช่ง
พระศพไม่ได้รับเกียรติเพราะมีโลงอย่างดีบรรจุ
ว่ากันว่ากษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ไม่สามารถหาโลงพระศพที่ดีเยี่ยมได้ หลังประหารเสร็จก็ให้นางกำนัลนำศพมาใส่ในหีบธนู ศพอยู่ในสภาพงอเข่าคู้ หัวซุกวางอยู่ที่อก และฝังโดยไม่มีการสวมหน้ากาก และฝังไว้ในห้องสวดมนต์ของโบสถ์เซนต์ปีเตอร์ แอด วินคิวลา
ซึ่งมีคำกล่าวว่ากษัตริย์เฮนรี่ที่ 8 ให้ความสนใจกับฉากประหาร แต่กลับไม่ได้เตรียมพิธีศพพระนางแอนน์ โบลีน ในฐานะพระราชินีแห่งอังกฤษไว้แม้แต่น้อย แต่กลับบรรจุลงในหีบเก็บลูกธนูที่ทำจากไม้ ไม่ใช่โลงศพอย่างดีที่ควรจะเตรียมไว้ให้สมพระเกียรติ ซึ่งก็คงเป็นหีบเก็บลูกธนูที่หาได้จากลานประหารซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณหอคอยแห่งลอนดอนนั้นเอง
โดยมีคำกล่าวว่าเฮนรี่ที่ 8 ให้ความสนใจกับฉากประหาร แต่ไม่ได้เตรียมการพิธีศพของพระนางแอนน์ฯ ไว้ เพราะร่างและศีรษะของพระนางถูกพันด้วยผ้า ก่อนบรรจุลงในหีบเก็บลูกธนูทำจากไม้เท่านั้น ไม่ใช่โลงศพอย่างดีที่ถูกเตรียมไว้สำหรับพระราชินีแห่งอังกฤษ เป็นไปได้ว่าการจัดการพระศพของพระนางแอนน์ฯ อาจไม่ถูกเตรียมการไว้เลยด้วยซ้ำไป
และนี่ก็คือเรื่องราวของพระนางแอนน์ โบลีน ที่น่าสงสารอีกพระองค์หนึ่ง ที่ "ความรักกับความจงรักภักดี" ก็ใช่ว่าจะมีค่าในสายตาผู้เป็นสามีเมื่อหมดรัก กับความ "ไม่สมหวัง" ในการมีพระโอรสให้แก่สามีนั้น กลับต้องมากลายเป็นจุดจบจากการถูกปรักปรำว่า "คบชู้" จนนำมาซึ่ง "ความตาย" บนแท่นประหาร
ขอบคุณภาพและเนื้อหา : กูลเกิล, วิกิพีเดีย, ทีนเอ็มไทย, ศิลปวัฒนธรรม
4 นักษัตรดวงเศรษฐี ยิ่งอายุมากยิ่งเงินไหลมา—ช่วงพีคอยู่ที่วัยกลางคน
ทหารไทยพบหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ ยืนยันว่า มี "มหาอำนาจ" แอบส่งอาวุธหนักทันสมัยให้เขมร
AI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปี
นางเอกดัง "เหอ ชิง" เสียชีวิตแล้ว
เกิดเหตุเตาแก๊สกระป๋องระเบิดในร้านอาหาร
11 นายกรัฐมนตรีไทย ที่วาระการดำรงตำแหน่งไม่ครบปี
ทรัมป์ยันจะตอบโต้ หลังทหารมะกัน 2 นาย และ ล่ามพลเรือน 1 ราย เสียชีวิตในซีเรีย
เหตุผล❗ที่ต้องทำลายสะพานจัยจุมเนี้ยะ ของกัมพูชา
"ฝนดาวตกเจมินิดส์" กับคำอธิษฐานบนฟากฟ้า
ดาราดัง "ดิก แวน ไดก์" อายุครบ 100 ปีแล้ว!!
มาเลเซียเตรียมจัดการประชุมพิเศษอาเซียน ว่าด้วยเหตุปะทะบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย
เครื่องบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ประสบเหตุขัดข้องกลางอากาศ เลยบินวกกลับที่เดิม
แนะนำ! เว็บไซต์ ai สามารถวาดรูป [l8+](สร้างฟรี) ผู้ใหญ่เท่านั้น
"ฝนดาวตกเจมินิดส์" กับคำอธิษฐานบนฟากฟ้า
เกิดเหตุเตาแก๊สกระป๋องระเบิดในร้านอาหาร
ธงไทยโบกสะบัด 14 ธ.ค. 68 เวลา 07.00 น. นาวิกโยธิน ปักธงชาติไทย ยึดคืนและควบคุมพื้นที่บ้านสามหลัง จ.ตราด สำเร็จ!
ทหารไทยพบหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ ยืนยันว่า มี "มหาอำนาจ" แอบส่งอาวุธหนักทันสมัยให้เขมร
“นายกฯ” ยืนยันเดินหน้าทางทหารจนพ้นภัยคุกคาม โต้ “ทรัมป์” ว่าระเบิดไม่ใช่อุบัติเหตุ
11 นายกรัฐมนตรีไทย ที่วาระการดำรงตำแหน่งไม่ครบปี
19 ฮีโร่ที่ไม่เคยกลับบ้าน เรื่องจริงสุดพีคของ Granite Mountain Hotshots
ใบหูที่กลับชาติมาเกิดบน “หลังเท้า” ภารกิจแพทย์จีนที่โคตรพีคจนโลกต้องทึ่ง
ผู้หญิงที่อยู่บนต้นไม้ 738 วัน เรื่องจริงที่ทำให้ทั้งโลกต้องเงยหน้ามองป่าเรดวูด









