สงครามการทูต!!! เมื่อจีนสั่งแบนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไต้หวันขอหาสนับสนุนการแบ่งแยกประเทศ
เมื่อทางจีนประกาศจะควบรวมไต้หวันให้ประสงความสำเร็จโดยเร็ว ในขณะที่อเมริกาพยายามผลักดันไต้หวันให้มีบทบาททางการเมืองระหว่างประเทศเพื่องัดข้อกับมังกรจีน บัดนี้ทางการจีนได้สั่งแบนเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไต้หวันในการทำธุรกรรมกับจีนเพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนจุดยืนที่ไต้หวันควรจะมีต่อจีนครับ
การแทรกแซงของพญาอินทรี
หลังจากการประกาศตอบโต้กันไปมาระหว่างทางการจีนและไต้หวันเรื่องอธิปไตยและการปกครองตนเองของชาวไต้หวัน ทางรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ คุณ Antony Blinken ได้ออกมาเรียกร้องให้ไต้หวันมีบทบาทมากขึ้นในเวทีนานาชาติเช่น องค์การสหประชาชาติ (United Nations) และหน่วยงานต่างๆ เช่น องค์การอนามัยโลก (World Health Organization) หรือ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization)
การท้าทายครั้งใหญ่ในการดึงให้ไต้หวันให้มีบทบาทในเวทีโลกโดยการเสนอให้เหล่าผู้นำโลกที่มาประชุมสุดยอดเกี่ยวกับสภาพแวดล้อม COP26 ให้มีการประชุมกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมจากไต้หวันนอกรอบ ทางคุณ Shen Chih-hsiu รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของไต้หวันมองว่าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงทางความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับกลุ่มประเทศมหาอำนาจอย่างอเมริกาและสหภาพยุโรป ทำให้เขาเชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ไต้หวันจะเข้ามาเป็นผู้ผู้สังเกตการณ์ใน COP ในท้ายที่สุดครับ นอกจากนี้คุณ Shen ยังเน้นย้ำว่าความรับผิดชอบต่อปัญหาสภาพแวดล้อมเป็นหน้าที่ของทุกประเทศในโลก และหากมี “ประเทศ” ไหนถูกกีดกันออกไป การประชุมดังกล่าวจะสมบูรณ์ได้อย่างไร การกีดกันไต้หวันออกจากการประชุมนี้เป็นเรื่องอยุติธรรมมากๆ ครับ
การโต้กลับของจีน
ทางการจีนได้ออกมาประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าพวกเขาจะลงโทษอย่างถึงที่สุดกับเหล่าผู้สนับสนุนการแยกตัวเป็นอิสระ โดยทางการจีนจะบังคับใช้ข้อกฎหมายต่างๆ เช่น ห้ามไม่ให้พวกเขาเข้ามาในอาณาเขตของแผ่นดินใหญ่รวมถึงเขตปกครองพิเศษฮ่องกงและมาเก๊า นอกจากนี้บริษัทใดที่ให้เงินทุนพวกเขาในการต่อต้านทางการจีนจะถูกห้ามการกระทำการใดๆ เพื่อแสวงหาผลกำไรที่แผ่นดินใหญ่
ทางการจีนมองว่าเหล่าคนที่พยายามจะแยกไต้หวันให้เป็นอิสระล้วนเป็นคนอกตัญญูต่อเหล่าบรรพชน ทรยศต่อแผ่นติดแม่ และมีจุดจบไม่สวยแน่นอน ทางการไต้หวันได้ออกมาสวนกลับทันทีว่าไต้หวันเองปกครองด้วยกฎระเบียบของตนเอง ไม่ได้ถูกปกครองในเงื้อมมือของทางการปักกิ่ง
อย่างไรก็ตามเรื่องราวดังกล่าวไม่น่าจะกระทบกับทางผู้ที่ถูกแบนเท่าไร สาเหตุมาจากทางการเจ้าหน้าที่ระดับสูงของไต้หวันก็น่าจะไม่เดินทางไปที่ประเทศจีนหรือทำธุรกิจกับทางการจีนอยู่แล้ว แต่ในทางกลับกันหากไต้หวันต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของจีนขึ้นมาจริงๆ อาจจะต้องมีการลี้ภัยทางการเมืองก็เป็นได้ครับ คงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปครับ