รีวิว "บทสวดมนต์" ที่สวดก่อนนอนประจำ ได้ "อานิสงส์" จิตใจสงบเยือกเย็นมากขึ้น
เมื่อจะเข้านอน ชาวพุทธมักสวดมนต์ไหว้พระ ก่อนที่จะทิ้งตัวลงนอน เพื่อที่จะได้ละจากเรื่องราวที่เครียดกันมาทั้งวัน เป็นการตัดจากโลกปัจจุบัน เพื่อมุ่งเข้าสู่การนิทรา บางคนก็ว่าขอให้นอนหลับฝันดี ฝันเห็นเลขท้ายสามตัวตรง ๆ บ้างก็ดี บางคนก็ว่าขอให้นอนหลับสนิทตลอดทั้งคืน โดยที่ไม่ต้องฝัน เพราะเมื่อหลับแล้วฝัน จะเหมือนนอนหลับไม่สนิท ตื่นมาจะรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่สดใสไปตลอดทั้งวันทีเดียว หากฝันนั้นเป็นฝันร้าย
"บทสวดมนต์ที่สวดก่อนนอนประจำ" แต่ละคนจะมีบทสวดที่ความแตกตางกันไป ผู้เขียนเมื่อตอนเด็ก ๆ จะท่อง "บทสวดนะโมตัสสะ" บทสวดนอบน้อมพระพุทธเจ้า
"นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธธัสสะ"
ท่อง "บทสวดนะโมตัสสะ" สามจบ แล้วกราบลงบนหมอนสามครั้ง ผู้เขียนถูกผู้ใหญ่สอนให้ท่องจำมาตั้งแต่เด็ก ๆ โดยที่ไม่รู้ความหมาย รู้แค่ว่าท่องให้ครบสามจบ และอธิฐานว่า ขอให้นอนหลับในดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ แล้วผู้ใหญ่ก็บอกว่าถัดจากสองประโยคนี้ จะขออะไรก็ขอ ผู้เขียนก็เลยเติมเข้าไปอีกประโยค "ขอให้เรียนหนังสือเก่ง ๆ ไม่โดนคุณครูดุ" ที่ขออย่างนั้นก็เพราะโดนคุณดุเป็นประจำ โดยเฉพาะครูสอนภาษาอังกฤษ ดุด้วย หยิกเก่งด้วย เลยต้องไหว้พระขอพรสักหน่อย
เมื่อเติบโตขึ้นมา ก็เริ่มเข้าใจความหมายว่า "บทสวดนะโมตัสสะ" เนื้อหาหมายถึงการการขอนอบน้อมแด่พระพุทธเจ้า เป็นบทสวดเริ่มต้น ที่จะใช้เป็นบทสวดบทแรก ก่อนสวดบทสวดอื่น ๆ เมื่อไปโรงเรียน ก็จะมีหนังสือสวดมนต์เล่มเล็ก ๆ เป็นฉบับนักเรียน ที่ติดตัวไว้ เพราะจะมีวันที่เข้าห้องประชุมเพื่อสวดมนต์ไหว้พระ ผู้เขียนชอบฟังเสียงของผู้นำสวดมนต์ ซึ่งมักจะเป็นนักเรียนรุ่นพี่ ที่สวดนำได้ไพเราะจับใจ ทำให้การสวนมนต์ในห้องประชุมแต่ละครั้งเหมือนมีมนต์ขลัง มีความสงบ ได้รับอานิสงส์ ผลบุญ จิตใจสงบเยือกเย็นมากขึ้น และเป็นการย้ำเตือนให้อยู่ในศีล ในธรรม ใช้ชีวิตอย่างมีคุณงามความดี
เมื่อผู้เขียนเติบโตขึ้นมา ก่อนเข้านอน เมื่อ "สวดนะโมตัสสะ" 3 จบ ก็จะตามด้วยบทสวดอื่น ๆ แบบสั้น ๆ ที่ท่องจำขึ้นใจอยู่แล้ว ไม่ต้องเปิดหนังสืออ่าน ก็คือ
- บท บูชาพระรัตนตรัย
"นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (กล่าว 3 ครั้ง)
กล่าวบทสักการะพระรัตนตรัย
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา, พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)
สุปฏิบันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ, สังฆัง นะมามิ (กราบ)
- บทแผ่เมตตา ให้ตนเอง
การแผ่เมตตาให้ตัวเอง ก็คือการขอให้ตัวเรามีความสุขทั้งกายและใจ ไม่มีความทุกข์ ไม่มีอุปสรรคเข้ามาในชีวิต ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย ไม่เกิดอุบัติเหตุ
"อะหัง ตตสุขิโต โหมิ
นิททุกโข โหมิ
อะเวโร โหมิ
อัพยาปัชโฌ โหมิ
อะนีโฆ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ"
- บทแผ่เมตตา ให้ผู้อื่น
ผู้อื่นในที่นี้หมายถึงคนและสัตว์ ที่เราจะไม่เบียดเบียนต่อกัน หากใครมาเบียดเบียนเรา ให้อภัยได้ก็ให้ไป อะไรที่ปล่อยวางได้ก็ควรปล่อยวาง
"สัพเพ สัตตา
อเวรา โหนตุ จงเป็นสุขๆ เถิด
อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย
อัพยาปัชฌา โหนตุ
อะนีฆา โหนตุ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ"
"การสวดมนต์" ทำให้เกิดอานิสงส์หลาย ๆ ด้าน เกิดกับร่างกายของเราก่อนเข้านอน ที่จะทำให้จิตใจสงบ ส่งผลให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทำให้มีสมาธิที่จะเรียนหรือทำงานได้ดี ทำให้ได้รับพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมื่อท่องบืแผ่ดมตาผู้อื่น ก็สามารถแผ่บุญแผ่ส่วนกุศลให้กับผู้อื่นได้ด้วย การสวดมนต์จึงมีแต่เรื่องดี ๆ หากใครมีเวลาก็สามารถสวดบทที่ยาวมากขึ้นได้ อย่าง "คาถาชินบัญชร" สมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี, "บทสวดพาหุง" ฯลฯ เพื่อเสริมสิริมงคล เสริมความมั่งคั่งร่ำรวย เสริมความสุขให้กับชีวิตของเราเอง
♠♣♥♦♠♣♥♦♠♣♥♦♠♣♥♦♠♣♥♦