หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

“มาร์กอท โวล์ค” นักชิมอาหารของ “ฮิตเลอร์” อาหารแต่ละมื้ออาจเป็นมื้อสุดท้ายของชีวิตเธอ

เนื้อหาโดย Amity609

เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องเผชิญชีวิตที่เลวร้าย กับการที่เธอเกลียดชังผู้นำอย่าง "อดอล์ฟ ฮิตเลอร์" (Adolf Hitler) แต่กลับต้องมาโดนเกณฑ์ให้มาเป็น "นักชิมอาหาร" ของผู้นำ ที่ผู้นำอย่างเขาก็ "รักตัวกลัวตาย" หวาดระแวงว่าใครจะแอบใส่ "ยาพิษ" ในอาหารแต่ละมื้อที่ตัวเองต้องกิน

เธอคือใคร ?

เธอมีชื่อว่า "มาร์กอท โวล์ค" (Margot Wölk) (เกิดเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 1917-เมษายน 2014) เป็นเลขานุการชาวเยอรมัน และเป็นหนึ่งในหญิงสาว 15 คนที่ได้รับเลือกให้ชิมอาหารของผู้นำอย่าง "อดอล์ฟ ฮิตเลอร์" ที่อยู่ในป้อมปราการที่เปรียบเสมือนเซฟเฮ้าส์ส่วนตัวที่เรียกว่า "ถ้ำหมาป่า" (Wolf's Lair) ตั้งอยู่ในโปแลนด์ (ในปี ค.ศ. 1942) ในรัสเซียตะวันออกเป็นเวลา 2 ปีครึ่งเพื่อความปลอดภัย

เธอเกิดที่ "วิลเมอร์สดอร์ฟ" (Wilmersdorf) ซึ่งเป็นเขตเมืองชั้นในของ "กรุงเบอร์ลิน" (ในปี ค.ศ. 1917) ซึ่งเธอเป็นคนเดียวในจำนวนผู้หญิง 15 คน ที่รอดจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จากการบุกของกองทัพโซเวียต และเธอปฎิเสธที่จะเข้าร่วมกับ "League of German Girls" (Bund Deutscher Mädel หรือ BDM) โดยเป็นกลุ่มเยาวชนของฮิตเลอร์ จึงทำให้พ่อของเธอได้รับการประณามที่ปฎิเสธจะเข้าร่วมกับ "พรรคนาซี"



Margot Wölk (By Wikimedia Commons)

 



Adolf Hitler (By Wikimedia Commons)

ผู้นำก็รักตัวกลัวตายเช่นกัน

ถึงแม้ฮิตเลอร์จะเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่และเลวร้ายที่สุด แต่ก็ต้องมีกิจวัตรประจำวันเฉกเช่นคนทั่วๆไป ไม่ว่าจะต้องเข้าห้องน้ำ ต้องนอน และต้องกิน ต้องดื่ม เพราะยังไงก็ยังคงมีจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์อยู่ดี ฮิตเลอร์ก็เช่นกันแต่ต่างจากพวกเราส่วนใหญ่ เพราะตัวเขานั้นหวาดระแวงเกี่ยวกับการถูกวาง "ยาพิษ" ดังนั้นเขาจึงต้องระมัดระวังมันเป็นพิเศษอย่างจริงจัง

ซึ่งหนึ่งในคนที่คิดจะลอบสังหารเขาก็คือ "เคลาส์ ฟ็อน ชเตาฟินแบร์ค" เป็นนายทหารบกเยอรมัน มีชื่อเสียงเป็นผู้นำแผนลับ 20 กรกฎาคม  ค.ศ. 1944 เพื่อจะสังหาร "อดอล์ฟ ฮิตเลอร์" และยึดอำนาจจากรัฐบาลพรรคนาซี และยังถือเป็นบุคคลสำคัญของขบวนการต่อต้านนาซีในเยอรมนี แต่ภายหลังแผนการล้มเหลว เขาจึงถูกประหารชีวิตพร้อมกับผู้ก่อการคนอื่นๆ



Claus von Stauffenberg (1907-1944) (By Wikimedia Commons)


ฮิตเลอร์ใช้เวลากว่า 800 วันในสงครามโลกครั้งที่ 2 พักอยู่ที่ถ้ำหมาป่า ประเทศโปแลนด์ มันเป็นสถานที่ลับสุดยอดและยังเป็นบังเกอร์ที่ทำหน้าที่เป็นสำนักงานใหญของเขา ซึ่งภายในนั้นจะมีผู้คนราว 2,000 คนที่ทำงานอยู่ภายในถ้ำหมาป่านี้

โดยเขาเป็นคนกินมังสวิรัติ ดังนั้นภายในถ้ำหมาป่านี้เขาจะมีสวนผักและผลไม้เป็นเรือนกระจกล้ำสมัย 2 แห่ง ซึ่งสามารถจัดหาและปลูกผักสดได้ตลอดทั้งปี และเนื่องจากเขากลัวการถูกวางยาพิษ เขาจึงมีนักชิมอาหารไม่ใช่เพียงแค่คนเดียว แต่มีถึง 15 คนซึ่งล้วนแต่เป็นหญิงสาว

เธอได้กล่าวว่า..
“เรารู้เรื่องข่าวลือเรื่องยาพิษทั้งหมดแล้ว และไม่สามารถที่จะเอร็ดอร่อยกับอาหารได้ ทุกวันเรากลัวว่ามันจะเป็นมื้อสุดท้ายของเรา”



Wolf's Lair (By Wikimedia Commons)


ชีวิตของเธอกับการมาเป็นนักชิมให้ผู้นำ

ตอนนั้นเธอมีอายุเพียง 24 ปี และก็เป็นหนึ่งในหญิงสาว 15 คนที่จะต้องชิมอาหาร ก่อนจะเสิร์ฟถึงปากฮิตเลอร์ โดยเธอมีสามีชื่อ "คาร์ล" เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ในกองทัพ และได้เข้าร่วมกองทัพเยอรมันในปี ค.ศ. 1939 ภายหลังสงคราม 2 ปี เธอไม่ได้ข่าวคราวอะไรจากสามีเลย จึงทำให้เธอคิดว่าสามีได้เสียชีวิตไปแล้วในสนามรบ

หลังจากการทิ้งระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตรในปี 1941 ก็ได้ทำลายอพาร์ตเมนท์ของพ่อแม่เธอในกรุงเบอร์ลิน เธอจึงหนีไปโปแลนด์ เพื่อไปอาศัยอยู่กับพ่อแม่บุญธรรมของเธอในชนบท แต่บังเอิญว่าบ้านที่เธออาศัยอยู่นั้นห่างจาก "ถ้ำหมาป่า" เพียงแค่ 3 กิโลเมตร (1.8 ไมล์) ในไม่ช้าเธอก็ได้รับการคัดเลือกจาก SS (Schutzstaffel ในกองคุ้มครองเยอรมัน) ให้เป็นนักชิมอาหารของฮิตเลอร์

ทุกๆวันพวกนาซีจะมารับเธอโดยรถบัสและพาเธอไปที่ถ้ำหมาป่า ที่นั่นเธอและหญิงสาวอีก 14 คน จะต้องชิมอาหารตั้งแต่ 11 โมงไปจนถึงเที่ยงคืน พวกเขาจะรอเป็นเวลา 1 ชม. เพื่อดูว่ามีหญิงสาวคนใดจะแสดงอาการป่วยหรือไม่ ก่อนที่อาหารจะปลอดภัยแล้วจึงค่อยเสิร์ฟอาหารให้ฮิตเลอร์กิน

อาหารแม้จะอร่อย..แต่ชีวิตกลับขมขืน

เพราะงานที่ทำเป็น "นักชิม" นั้นมันไม่ได้ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินกับสิ่งที่ทำ เพราะพวกเธอไม่รู้ว่าอาหารทุกมื้ออาจจะเป็นมื้อสุดท้ายของชีวิตหรือเปล่า ? มันอยู่กับความหวาดกลัวในขณะที่จะต้องชิมอาหารเหล่านี้ พวกเธอจะดีใจออกมาได้ก็ต่อเมื่ออาหารแต่ละมื้อนั้นปลอดภัยดี มันเป็นวิธีการที่เลวร้ายและต้องทำซ้ำๆ ทุกๆวันเป็นเวลาเกือบ 2 ปีครึ่ง

มันเป็นเรื่องตลกที่เธอเคยปฎิเสธไม่เข้าร่วมโครงการเยาวชนสำหรับเด็กผู้หญิงของฮิตเลอร์ ตัวเธอเกลียดชังเขาแต่โชคชะตาก็กลับมาเล่นตลกพลิกผันให้เธอต้องมาทำงานเพื่อช่วยชีวิตผู้นำอย่าง "ฮิตเลอร์"

ชีวิตเธอเลวร้ายจากการถูกข่มขืน

หลังจากมีความพยายามลอบสังหารฮิตเลอร์ที่ล้มเหลว (เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 1944) เธอและหญิงสาวคนอื่นๆ ก็ไม่ได้รับอนุญาติให้กลับบ้าน ต้องอาศัยอยู่ในโรงเรียนร้างใกล้กับถ้ำหมาป่า และได้รับการปกป้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด จนคืนหนึ่งก็ถูกเจ้าหน้าที่ SS ใช้บันไดปีนเข้าไปในห้องของเธอ และจับเธอข่มขืน ด้วยความหวาดกลัวต่อชีวิตเธอจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบเสีย

กองทัพโซเวียตบุก..ฮิตเลอร์หนี

พอวันที่ 20 พฤศจิกายน ค.ศ. 1944 กองทัพโซเวียนตอยู่ห่างจากถ้ำหมาป่าเพียงไม่กี่กิโลเมตร จึงทำให้ฮิตเลอร์จึงต้องหนีไปเยอรมนี เจ้าหน้าที่คนหนึ่งจึงได้พาเธอขึ้นรถไฟหนีไปเบอร์ลิน แต่ผู้หญิงที่เหลือไม่รอดจากสงครามในครั้งนี้้ พวกโซเวียตได้ฆ่าพวกเธอเหล่านั้นตายหมด

แต่พอหลังจากกองทัพโซเวียตมายึดเบอร์ลินได้ เธอก็ตกเป็นเหยื่อทางเพศเหมือนกับผู้หญิงอีกหลายราย เธอถูกพวกทหารโซเวียตจับข่มขืนอย่างโหดร้ายเป็นเวลา 2 สัปดาห์ติดต่อกัน มันทำให้เธอต้องเจ็บปวดทั้งกายและใจอย่างแสนสาหัส และส่งผลให้เธอไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไป

แต่ในความหมดหวัง..เธอก็พบความโชคดีในชีวิต

เธอคิดว่าชีวิตนี้คง "หมดหวัง" แล้วแต่โชคดีที่ฟ้ายังมีตาเห็นใจเธอ สามีของเธอไม่ได้ตายสามีของเธอรอดชีวิตจากสงครามและถูกจองจำ จนเขาทั้ง 2 ได้พบกันอีกครั้งในปี 1946 ทั้งคู่ต่างก็ได้รับความบอบช้ำจากร่างกายและจิตใจจากภัยสงครามที่แสนจะเลวร้าย แต่บั้นปลายชีวิตพวกเขาก็ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จนกระทั้งสามีของเธอได้เสียชีวิตไปในปี 1980


Margot Wölk At Ninety-Five


ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเธอต้องค่อยๆ เรียนรู้ปรับตัวเองที่จะอยากกลับมามี "ความสุข" กับการอยากกินอาหารให้ได้อีกครั้ง เธอเก็บงำบทบาทเรื่องราวของเธอในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มานาน จนกระทั้งเดือนธันวาคม 2555 เมื่อนักข่าวท้องถิ่นชาวเบอร์ลินจากหนังสือพิมพ์ "Berliner Zeitung" ไปเยี่ยมเธอ เธอจึงได้ตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ในตอนอายุ 95 ปี และเธอเสียชีวิตในปี ค.ศ.2014 (พ.ศ. 2257) ด้วยวัย 97 ปี

และนี่ก็คืออีกหนึ่งเรื่องราวของหญิงสาวธรรมดาๆคนหนึ่ง ที่ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านการเผชิญชีวิตที่แสนจะเลวร้ายในชีวิต ความสุขของเธอมันคงเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้นที่เหลืออยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิต ซึ่งถ้าเทียบกับชีวิตที่พบเจอกับ "ความทุกข์ระทม" ที่แสนจะขืนขมบอบช้ำทั้งทางกายและทางใจแล้วละก้อ ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านๆมาของเธอนั้น สำหรับเธอแล้วมันช่างยากจะลืมเลือนอดีตได้จริงๆ

เรียบเรียงเนื้อหาใหม่โดย: amity 86
ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก : กูลเกิล, วิกิพีเดียร์, ฮิตสโตรี่ออฟเยสเทอะเดย์
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Amity609's profile


โพสท์โดย: Amity609
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
20 VOTES (5/5 จาก 4 คน)
VOTED: daydeedee, มือพิฆาตสลิ่ม, แหวนดอกไม้วงนั้น, คุณท่าน
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"หนุ่ม กรรชัย" ช่วยส่องนาฬิกาปาเต็ก 2 ล้านให้ "เจนนี่" สรุปปลอมไหม ?สถิติ หวย 10 ปี ย้อนหลัง เดือน 10 งวด 1 ตุลาคมองค์หญิงถัง ฉือเสีย (ภรรยาคนเเเรกของผู่เจี๋ย น้องชายผู่อี๋)จ่อออกหมายจับ “คนขับรถบัส”ยินดีด้วย! หมอสองเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงานท่ามกลางหิมะ หรูหราอลังการมากด่วน! ไฟไหม้รถบัสนักเรียน ถนนวิภาวดี เด็กนักเรียนเสียชีวิต 25 ราย บาดเจ็บอื้อ! นายกฯ ยื่นมือช่วยค่ารักษา (คลิป)
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
จ่อออกหมายจับ “คนขับรถบัส”นายกฯ แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสนักเรียน พร้อมสั่งการเจ้าหน้าที่ดูแลเต็มที่ด่วน! ไฟไหม้รถบัสนักเรียน ถนนวิภาวดี เด็กนักเรียนเสียชีวิต 25 ราย บาดเจ็บอื้อ! นายกฯ ยื่นมือช่วยค่ารักษา (คลิป)
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
อังกฤษประกาศด่วน เตือนพลเมืองห้ามเข้าไทย ชาวเน็ตสงสัยกำลังมีแผนอะไรหรือเปล่าวงการสะเทือน เปิดรายชื่อดาราดังระดับโลก พัวพันปาร์ตี้ฉาวของ ‘ดิดดี้’ โดนขุดคลิปสะท้านวงการจักรพรรดิ​นี​หว่านหรง(พระ​อัครมเหสี)​ เเละ เหวินซิ่ว​(ซูเฟย)พระมเหสี​ ใน​จักรพรรดิ​ผู่อี๋​ ราชวงศ์​ชิง​14 แนวคิดดี ๆ ที่ใช้ได้ผลกับทุกปี
ตั้งกระทู้ใหม่