หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เจาะลึกพิธีกรรมทำ ”มัมมี่" ของชาวอียิปต์โบราณ

เนื้อหาโดย Amity609


ในสมัยอียิปต์โบราณเมื่อมีคนตายก็จะนำศพไปฝังไว้ในทะเลทรายอันร้อนระอุ ความร้อนและความแห้งแล้งจะทำให้ร่างกายแห้งอย่างรวดเร็ว โดยที่แบคทีเรียไม่มีโอกาสได้ย่อยสลายศพเสียก่อน จึงกลายเป็นมัมมี่ไปตามธรรมชาติ แม้ว่าการทำมัมมี่จะมีอยู่ทั่วโลก และไม่ได้แค่เกิดขึ้นในดินแดนลุ่มแม่น้ำไนล์ แต่ชาวไอยคุปต์กลับเป็นชาติที่มีการพัฒนามัมมี่ตลอดเกือบ 3,000 ปีมาแล้ว จากยุครุ่งเรืองในการทำมัมมี่ จนสู่ช่วงสุดท้ายก่อนปิดฉากมัมมี่ไป

ยุคของการทำมัมมี่
"อียิปต์" นั้นไม่ใช่เป็นชาติแรกที่ทำมัมมี่ แต่การทำมัมมี่มีอยู่ในวัฒนธรรมตามความเชื่อ "โลกหลังความตาย" ของหลายๆดินแดนต่างๆ ไม่ว่าจะวัฒนธรรมของชาวประมงโบราณริมชายฝั่งเปรูและชิลีที่มีการทำมัมมี่มาราว 3,000 ปีก่อนคริสตกาล รวมทั้งโคลัมเบีย เอกวาดอร์ หรือแม้แต่พวกอินเดียแดงบนแผ่นดินอเมริการบางเผ่า แต่ที่รุ่งเรืองที่สุดคงจะเป็นของ "ดินแดนอินคา"

โดยชาวอียิปต์โบราณมีการพัฒนาและความเชี่ยวชาญในขั้นตอนทำมัมมี่มาโดยตลอด จนมาถึงปี ค.ศ. 640 การทำมัมมี่จึงสิ้นสุดลงพร้อมกับการล่มสลายของอาณาจักรอียิปต์ หลังจากถูกชาวอาหรับเข้ามายึดครอง

ซึ่งช่วง 1,000-950 ปีก่อนคริสตกาล ถือเป็นช่วงพัฒนาการสูงสุดของเทคนิคและวิทยาการมัมมี่ ตรงกับยุคที่หัวหน้า "นักบวชแห่งอามุน" (Amun ราชาแห่งเทพเจ้า) นั้นมีอำนาจมาก และยังเป็นยุคสมัยเดียวกับที่ฝั่งอิสราเอลกำลังรุ่งเรืองซึ่งตรงกับ "สมัยกษัตริย์โซโลมอน" และ "กษัตริย์เดวิด" (ในคัมภีรย์ไบเบิล)

มัมมี่ถือเป็นการบ่งชี้ของความรุ่งเรืองทางการแพทย์
นักประวัติศาสตร์ชาวกรีกชื่อ "เฮโรโดตุส" ได้กล่าวว่าขั้นตอนการทำมัมมี่ใช้เวลาทั้งหมด 70 วัน โดยมีการทำมัมมี่อยู่ 3 แบบ และ 3 ราคาแตกต่างกันออกไป

มัมมี่แบบที่ 1 คือ แบบราคาแพงที่สุดจะใช้เทคนิคดูดเอาสมองคนตายออกจากทางรูจมูก และใช้มีดที่ทำจากหินเหล็กไฟ กรีดข้างลำตัวเพื่อควักเอาอวัยวะภายนออกมา เหลือเพียงก้อนเนื้อ "หัวใจ" แล้วก็ชำระช่องท้องให้สะอาดด้วยเหล้าไวน์ที่หมักจากปาล์ม แล้วนำร่างไปตากแห้ง และมัมมี่ที่ดีจะมีวัสดุพวกขี้เลื่อย โคลน และผ้าลินินยัดเข้าไปแทนอวัยวะภายในที่ถูกดูดออกเป็นการทำมัมมี่ที่ละเอียดและประณีต รวมถึงขั้นกรีดผิวหนังเป็นร่องเล็กๆและยัดวัสดุดังกล่าวเข้าไปใต้ผิวหนังด้วย

มัมมี่แบบที่ 2 คือ แบบราคาย่อมเยาจะไม่มีการควักเอาอวัยวะภายในออก แต่ใช้น้ำมันสนซีดาร์ฉีดเข้าไปในร่างศพก่อนนำจึงไปตากแห้ง

มัมมี่แบบที่ 3 คือ แบบราคาถูกที่สุดก็แค่นำร่างศพไปตากให้แห้งเท่านั้น

เผยสูตรต้นตำรับโบราณ
สูตรแรกๆในการทำน้ำยาอาบศพนั้นมีส่วนประกอบดังนี้
• น้ำมัน ที่ทำมาจากพืช เช่น "น้ำมันงา"
• สารสกัดคล้าย "ขี้ผึ้ง" ที่เรียกว่า "Balsam" ซึ่งได้มาจากต้นหรือรากของพืชบางชนิด คือ "ต้นกกธูปหรือธูปฤาษี" (Cattail)
• ยางไม้ ที่รับประทานได้มีคุณสมบัติเป็นน้ำตาลตามธรรมชาติ เป็นยางไม้ที่สกัดจาก "ต้นอะคาเซีย" (Acacia)
• ยางสน เป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุดโดยนำไปผสมกับน้ำมันและส่วนประกอบอื่นๆ จนทำให้น้ำยามีคุณสมบัติในฆ่าเชื้อแบคทีเรียป้องกันไม่ให้ศพเน่าเปื่อย


Cattail-2909476_1280 (Credit By pixabay Free)


Acacia-164409_1280 (Credit by Pixabay Free)

ก่อนการนำศพไปตากแห้ง
จะมีการโรยสาร "เนตรอน" (Natron) เป็นสารประกอบประเภท "เกลือจากธรรมชาติ" เปรียบได้กับสารกันบูดของชาวอียิปต์โบราณเป็นตัวช่วยดูดน้ำ ไขมัน และมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หรืออาจจะมีการหมักร่างผู้ตายไว้ใต้สารเนตรอน ไม่ใช่แค่โรยสารเนตรอนลงไปบนร่างเฉยๆ พอโรยหรือหมักแล้วก็นำศพไปทาน้ำมัน ตกแต่งและเข้าสู่ขั้นตอนการพันผ้าห่อร่างศพ แล้วนำไปตากแห้งเป็นระยะเวลาราว 40 วัน


Natron (By Wikimedia Commons)

ผ้าพันร่างมัมมี่
จะใช้ความยาว 100 เมตร ขนาดความยาวของผ้าต่อมัมมี่ 1 ร่าง ผ้าที่ได้รับความนิยมคือ "ผ้าลินิน" นำไปชุบน้ำยางเหนียวเรซิน เพื่อให้การห่อผ้านั้นแนบชิดสนิทติดกับร่างศพอย่างเรียบแน่น ผ้าพันศพชั้นนอกสุดจะเป็นการชโลมด้วยขี้ผึ้งและใช้วุ้นหรือพวกเจลาตินเป็นตัวยึดผ้าให้ติดกันอย่างแนบสนิทอีกครั้ง

ผ้าลินินมักจะซื้อมาจากวิหารเทพเจ้า เพราะตามความเชื่อถือเป็น "ผ้าศักดิ์สิทธิ์" ช่วยปกป้องคุ้มครองให้ร่างศพนั้นได้หลับใหลอย่างสงบ ปราศจากสิ่งชั่วร้ายมารบกวน และขั้นตอนสำคัญคือการนับจำนวนรอบของการพันผ้าด้วย

เลข 7 ถือเป็นเลขมงคลในการพันมัมมี่
ตามความเชื่อของชาวอียิปต์เลข 7 ถือเป็นเลขมงคล ดังนั้นมัมมี่ 1 ร่างต้องนับให้ได้ 7 รอบ และแต่ละรอบจะต้องวางเครื่องรางเล็กๆ แนบไว้กับร่างด้วย และต้องมีการเขียนจารึกที่ขอบผ้าพันศพ เหมือนเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ โดยระบุ 2 สิ่งที่สำคัญคือ ระบุเจ้าของผ้าเป็นของผู้ตาย และระบุแหล่งที่มาของผ้าผืนนั้นไว้ที่ขอบผ้าพันศพชั้นนอกสุด หลังจากเสร็จสิ้นการพันผ้า 7 รอบแล้ว


Ancient Egyptian linen, Late Period (By Wikimedia Commons)

โถเก็บอวัยวะภายใน
เรียกว่า "โถคาโนปิก" (Canopic) ส่วนอวัยวะภายในที่สำคัญของผู้ตาย ได้แก่ ตับ ลำไส้ ปอด และกระเพาะอาหาร จะต้องถูกห่อรวมกันไว้และเก็บรักษาไว้พร้อมร่าง (ยกเว้นหัวใจอยู่กับร่างไม่ควักออกมา) ในยุคแรกๆ อวัยวะจะถูกห่อผสมกับพวกขี้เลื่อย โคลน และผ้าลินิน

แล้วค่อยยัดกลับเข้าไปในร่างที่ตากแห้งแล้ว แต่ในบางยุคก็มีการนำเอาอวัยวะภายในเหล่านี้ใส่ในโถ โดยโถ 1 ชุดมี 4 ใบ ส่วนใหญ่วัสดุมักเป็นหิน แล้วแยกอวัยวะทั้ง 4 ไว้ภายในโถแต่ละใบและวางไว้ข้างศพมัมมี่ในหลุมฝังศพ


Canopic-jars-765073_480 (Photo Credit By pixabay Free)


หน้ากากมัมมี่ หีบและโลง
"หน้ากากมัมมี่" เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เพื่อปกปิดส่วนใบหน้า และหน้าอกของร่างมัมมี่ที่ถูกพันผ้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งหน้ากากส่วนใหญ่ทำมาจากผ้าลินินพอกด้วย "ปูนปลาสเตอร์" ปิดทองและตามด้วยการฝังวัสดุประดับประดา ตามแต่ฐานะของผู้ตาย โดยมีการวาดตาและคิ้วให้สวยงามให้ประหนึ่งว่าร่างนั้นกำลังแค่นอนหลับอย่างสงบ

"หีบหรือโลงศพ" จะแบ่งตามลำดับของชนชั้นเช่นกัน ศพที่มีฐานะดีจะใช้หีบหรือโลงซ้อนกันหลายชั้น แต่ถ้าเป็นของชาวบ้านทั่วๆไปโลงนั้นจะเป็นไม้รูปทรง 4 เหลี่ยมผืนผ้า และแกะสลักฝาโลงเป็นรูปร่างของผู้ตาย หีบบรรจุโลงชั้นนอกสุดจะใช้วัสดุเป็นหิน และอย่างที่รู้กันว่ามัมมี่คือการรักษาร่าง ดังนั้นบนโลงศพจึงต้องมีการจารึกคาถาปกป้อง "ดวงวิญญาณ" ขณะเดินทางสู่ปรโลกเพื่อรอการฟื้นคืนชีพจากโลกหลังความตาย

แต่มีเพียงโลงศพที่ทำให้โลกต้องตื่นตะลึงที่สุดก็คือ
โลงศพชั้นในของมัมมี่ "ฟาโรห์ตุตันคาเมน" (Tutankhamun) ที่ทำจากทองคำแท้ และเมื่อเปิดโลงออกมาก็พบว่าหน้ากากของฟาโรห์องค์นี้ก็ทำมาจากทองคำแท้เช่นกัน อย่างที่เรามักคุ้นตากันถึงความยิ่งใหญ่ของฟาโรห์องค์นี้

Tutankhamun-6112236_1280 (Photo Credit by pixabay Free)

และนี่ก็คือ
เรื่องราวของการทำ "มัมมี่" ของชาวอียิปต์โบราณ และขั้นตอนในการทำมัมมี่เพื่อเก็บรักษาร่าง
ของผู้ตายเอาไว้ เพื่อรอการฟื้นคืนชีพจากโลกหลังความตายนั้นเอง

เรียบเรียงเนื้อหาใหม่โดย: amity 86
ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก : กูลเกิล, วิกิมีเดียร์
เครดิตภาพฟรีจาก : pixabay
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Amity609's profile


โพสท์โดย: Amity609
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
15 VOTES (5/5 จาก 3 คน)
VOTED: thecrow13, มู๋มี่กะเกี๊ยวของเทอ, โยนี มีเงิน
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
AI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปีทหารไทยพบหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ ยืนยันว่า มี "มหาอำนาจ" แอบส่งอาวุธหนักทันสมัยให้เขมร4 นักษัตรดวงเศรษฐี ยิ่งอายุมากยิ่งเงินไหลมา—ช่วงพีคอยู่ที่วัยกลางคนเกิดเหตุเตาแก๊สกระป๋องระเบิดในร้านอาหารนางเอกดัง "เหอ ชิง" เสียชีวิตแล้วเครื่องบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ประสบเหตุขัดข้องกลางอากาศ เลยบินวกกลับที่เดิม"ฝนดาวตกเจมินิดส์" กับคำอธิษฐานบนฟากฟ้าดาราดัง "ดิก แวน ไดก์" อายุครบ 100 ปีแล้ว!!ทรัมป์ยันจะตอบโต้ หลังทหารมะกัน 2 นาย และ ล่ามพลเรือน 1 ราย เสียชีวิตในซีเรีย11 นายกรัฐมนตรีไทย ที่วาระการดำรงตำแหน่งไม่ครบปีชายแดนไทย -กัมพูชาดุเดือดทหารเขมรระดมยิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 โจมตีใส่พื้นที่ช่องอานม้า ทหารไทยไม่รอช้าโต้กลับทันทีตราด!! ประกาศเคอร์ฟิว 5 อำเภอ หลังถูกยิง M79 🛡️
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
แนะนำ! เว็บไซต์ ai สามารถวาดรูป [l8+](สร้างฟรี) ผู้ใหญ่เท่านั้น"ฝนดาวตกเจมินิดส์" กับคำอธิษฐานบนฟากฟ้าเกิดเหตุเตาแก๊สกระป๋องระเบิดในร้านอาหารธงไทยโบกสะบัด 14 ธ.ค. 68 เวลา 07.00 น. นาวิกโยธิน ปักธงชาติไทย ยึดคืนและควบคุมพื้นที่บ้านสามหลัง จ.ตราด สำเร็จ!ทหารไทยพบหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ ยืนยันว่า มี "มหาอำนาจ" แอบส่งอาวุธหนักทันสมัยให้เขมร“นายกฯ” ยืนยันเดินหน้าทางทหารจนพ้นภัยคุกคาม โต้ “ทรัมป์” ว่าระเบิดไม่ใช่อุบัติเหตุ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
11 นายกรัฐมนตรีไทย ที่วาระการดำรงตำแหน่งไม่ครบปี19 ฮีโร่ที่ไม่เคยกลับบ้าน เรื่องจริงสุดพีคของ Granite Mountain Hotshotsใบหูที่กลับชาติมาเกิดบน “หลังเท้า” ภารกิจแพทย์จีนที่โคตรพีคจนโลกต้องทึ่งผู้หญิงที่อยู่บนต้นไม้ 738 วัน เรื่องจริงที่ทำให้ทั้งโลกต้องเงยหน้ามองป่าเรดวูด
ตั้งกระทู้ใหม่