ความสุขอยู่ที่ไหน?
หลายคนถามหาว่า ทำไมตัวเอง ต้องเจอปัญหามากมาย เครียดเหลือเกินโลกนี้มันช่างหนักหนาสำหรับฉันจริงๆ ..ใช่แล้วครับ โลกมันหนัก ถ้าเราจะเอาปัญหามาแบก แต่โลกจะเบาทันที ถ้าเราโยนปัญหาลงมาแล้วใช้เท้าเหยียบ... ปัญหามีเข้ามามากมาย ให้มันเป็นเรื่องที่ท้าทาย อย่าได้ท้อแท้ ไม่มีใครที่จะสมหวังไปสักทุกเรื่อง เวลามีสุขก็ต้องเตรียมใจเพื่อรับความทุกข์ที่จะก้าวเข้ามาด้วย เวลามีทุกขืก็อย่าร้องไห้ฟูมฟามจนเสียผู้เสียคน เพราะอีกไม่นานความสุขก็จะเข้ามาเหมือนกัน
มีคนไข้เคสหนึ่ง บ่นมาว่า งานหนักเหลือเกิน งานโน่นงานนี่ งานอะไร เจ้านายก็ให้ทำซะหมด อยากจะลาออกจะแย่อยู่แล้ว ผมย้อนถามกลับไป ทำไมยังไม่ลาออก เค้าตอบว่า เพราะยังหางานใหม่ไม่ได้ นั่นไง ..เห็นไหมหละ งานไม่เคยทำให้คนตาย คนจะตายเพราะตกงานต่างหาก จริงๆแล้วการที่เจ้านายไว้ใจให้เราทำอะไรมากมาย ควรจะภูมิใจในความเก่งของตัวเองและหาโอกาสพัฒนาฝีมือตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะอาจจะเป็นทายาทคนใหม่ที่หัวหน้าคิดฝันเอาไว้ให้สืบต่อตำแหน่งดีๆก็ได้
อีกเคสร้องไห้ฟูมฟายเข้ามาว่าแฟนทิ้งอกหักอยากตาย ผมก็บอกไปเลยว่า ถ้าคิดได้แค่นั้นก็สมควรไปตาย อาจจะแรงไปนิด แต่ทำให้เค้าได้สติ ก่อนจะสอนเค้าต่อไปว่า ถ้าคุณมัวไปมองหารักที่ไม่แท้ รักที่ไม่ยั่งยื่น คนที่คุณอยู่ด้วย เจอกันแค่ไม่กี่เดือน ไม่กี่ปี แล้วเอาหัวใจตัวเองไปฝากไว้ที่ปลายเท้าของเค้า ให้เค้าย่ำเหยียบ มันก็ไม่มีความสุขหรอก ทำไมคุณไม่ลองมองหาความรักที่แท้และยั่งยืนจากคนที่เค้าอยู่กับเราตลอด เวลาเราทุกข์เค้าก็ยิ่งเศร้า เวลาเราสุขเค้าก็ยิ้มไปกับเราด้วย นั่นก็คือพ่อแม่ของคุณนั่นเอง เข้าไปกอดไปกราบท่านเวลาที่คุณทุกข์ใจสิ รับรองว่าฝ่ามืออันนุ่มนวลของท่านจะทำให้คุณผ่านช่วงเวลาเลวร้ายไปได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่ต้องพยายามเพื่อที่จะลืมเลยด้วยซ้ำ อีกอย่าง คนที่ควรเสียใจไม่ใช่เรา แต่ต้องเป็นเค้า เพราะอะไรนะเหรอ เพราะเราเสียคนที่ไม่รักและไม่จริงใจกับเราไปแค่ 1 คน แต่เค้าเสียคนที่ทั้งรักและจริงใจกับเค้าไปตั้ง 1 คน ใครกันแน่ที่ควรจะเสียใจจริงไหมครับ
ช่วงเวลาที่เค้าทิ้งก็เป็นช่วงเวลาที่เราควรดูแลตัวเองให้ดี ยิ่งขึ้น มีเวลาให้ตัวเองบ้าง หลังจากทำให้เค้ามาก็มาก จนลืมดูแลตัวเอง ให้เค้าแปลกใจเลย ว่าทิ้งเราไปแล้วเราดูดีขึ้น ไม่ใช่ให้เค้าสมน้ำน่าแล้วบอกว่า "นี่แหละ เพราะโทรมแบบนี้แหละ กูถึงจะทิ้ง"
ปัญหาโลกแตกอีกอย่างก็คือรถติด เครียดกันมากมาย อยู่บนแยกเดิมแทบจะเกือบครึ่งวัน เราต้องมองหาวิกฤตในโอกาสครับ อย่างเช่น คนบางคนที่เค้าอยากให้รถติดตลอดเวลา ไม่อยากให้รถเคลื่อนไปได้เลย ก็คนขายพวงมาลัย ขายเรียงเบอร์ ขายหนังสือพิมพ์ไงหละครับ เค้าไม่เครียดแบบเราเลย บางคนรถไปไม่ทันไฟเขียว ติดไฟแดงเป็นคันแรก บีบแตรด่า ตะโกนโวยวาย บ้าคลั่งอยู่ในรถ แทนที่จะมองโลกในแง่บวกแล้วคิดว่า เดี๋ยวพอไฟเขียว จะได้ไปเป็นคันแรก กลับเลือกแนวทางที่ทำลายเซลล์สมองตัวเองไปหลายล้านเซลล์ซะงั้น รถติดจึงเป็นอุทาหรณ์ให้เรารู้จักวางแผนการเดินทาง เตรียมการล่วงหน้า ไปให้ถูกเส้นทาง ถึงขนาดบางคนแซวไว้เลยว่า "ถ้ารีบมาก ทำไมไม่ไปตั้งแต่เมื่อวาน" ใจเย็นๆ ถ้อยที ถ้อยอาศัย ค่อยๆขับกันไป ใช้เวลาช่งรถติด อยู่กับคนที่เรารัก นั่งทานอาหาร ฟังเพลง แต่งหน้า สร้างความสุขในครัวเรือนกันไป แล้วเราจะได้ยิ้มให้กันได้ทุกวัน ยิ้มให้กันได้กับทุกคน
เพราะผมเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก เพียงแต่เรายังหามันไม่เจอ เราจะเจอก็ต่อเมื่อเรามีสติ อย่างน้อยถ้าเราหาทางออกไม่เจอ ก็ออกมันตรงทางเข้าของปัญหานั่นแหละครับ ไม่มีใครหรอกครับที่จะบอกว่าตัวเองสูญเสีย ไม่เหลืออะไรแล้ว ทั้งๆที่จริงๆ ตัวเอง ยังมีเสื้อผ้าใส่ ยังมีญาติพี่น้อง มีคนรู้จักอีกมากมาย มีเงินติดตัวถึงแม้จะเล็กๆน้อยๆก็ตาม แต่ก็ถือว่ามีมากกว่าตอนที่ตัวเองเกิดมาในห้องคลอดเสียด้วยซ้ำ ทำไมเรายังไม่
พอใจสิ่งที่เรามีเหลืออยู่อีกหละครับ ความสุขก็อยู่ที่การพอดี พอใจ ในสิ่งที่ตนเองเป็นนั่นเองแหละครับ