ก็ยุงมันเยอะ
ก็ยุงมันเยอะ หรือ โรคอะไรน้อ ?
มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไปไหว้พระทำบุญต่างจังหวัด ขณะที่ไหว้พระเสร็จนั่งพักรอเพื่อน ก็พบเห็นอาการประหลาดของยายแก่คนหนึ่ง แกนั่งโบกมือปัดไปปัดมาบริเวณหน้าดวงตาทั้งสองข้าง จึงเข้าไปถาม
“ยายปัดอะไรเหรอครับ ร้อนเหรอครับ”
“อะไรนะ จะเอาช้อนเหรอ ไปขอตรงร้านอาหารสิพ่อหนุ่ม”
เอาละสิ ผมเจอปัญหาหนักแล้ว สงสัยแกจะมีปัญหาทางการได้ยินซะแล้ว ไม่เป็นไร ลองดูอีกทีละกัน
“ผมพัดให้ไหมครับ”
ว่าแล้วผมก็หยิบ พัดลมมือถือเล็กๆคู่ใจของผม ที่มักจะใช้ติดตัวเวลาเดินทางไปในบริเวณที่คนแน่นๆ แล้วกลัวจะอึดอัด อากาศไม่ถ่ายเท
“ทำอะไรหนะ พ่อหนุ่ม... เออ แต่มันก็เย็นดีนะ”
“คุณยายมาคนเดียวเหรอครับ”
“มากันกับตาสองคนจ้า”
คุณยายแกชี้ไปทางตาแก่คนหนึ่งที่งกๆเงิ่นๆกำลังแปะทององค์พระประธานหน้าโบสถ์ แปลกนะ คราวนี้แกตอบถูก แสดงว่าการสื่อสารครั้งแรกคงผิดที่ผมแหละ ไม่ใช่ที่แก
“แล้วเป็นอะไรครับ ปัดอะไรอยู่”
ผมย้อนกลับเข้าไปถามประเด็นเดิม
“ก็ยุงมันเยอะหนิ มันไม่กัดพ่อหนุ่มบ้างเหรอ”
“ไม่มีหนิครับ”
ก็จะให้มียุงได้อย่างไร ควันธูปออกจะเป็นหมอก อยุ่รอบกายแบบนี้ ยุงที่ไหนจะเข้ามารบกวนได้
“แสดงว่าเอ็งเนื้อไม่หอมแบบยาย ฮ่ะ ฮ่า”
ว่าแล้วแกก็ยังหัวเราะเยาะใส่ผมอีก
ผมเดาว่าที่แกเห็นจุดดำๆลอยไปลอยมาคงไม่ใช่ยุงหรอก ว่าแล้วผมก็มีวิธีการทดสอบแกสักหน่อย
“คุณยาย ลองหลับตานะ เดี๋ยวผมปัดยุงให้เอง คุณยายจะได้ไม่เมื่อยมือ”
“เออ ดีเหมือนกัน”
ว่าแล้วแกก็หลับตาไปได้สักพัก แล้วก็ลืมตาขึ้นมาใหม่
“อ้าว ไหนบอกว่าปัดยุงให้ไง มันยังบินไปบินมาอยู่เลย”
ใช่แล้วหละครับ มันไม่ใช่ยุงจริงๆ แต่มันเป็นจุดดำ ที่ลอยไปลอยมา และขยับตามการกลอกตา ซึ่งมักจะเป็นทุกคน เป็นมากถ้ามีอายุ 60 ปีขึ้นไป แล้วแต่การสังเกตของบุคคลนั้น นั่นคือ ภาวะน้ำวุ้นตาเสื่อม
ซึ่งภาวะนี้ไม่ได้มีความรุนแรงหรืออันตรายมากมายแต่อย่างใด เพียงแต่สร้างความรำคาญให้เราเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่มักปรับตัวได้แต่ที่น่ากลัวคือหากปล่อยไว้นานๆอาจทำให้เกิดการฉีกขาดและลอกหลุดของจอประสาทตาก็เป็นได้ ทางที่ดี ต้องรีบไปหาจักษุแพทย์เพื่อยิงเลเซอร์ป้องกันการหลุดลอกของบริเวณจอประสาทตานั่นเอง
ว่าแต่ ผมจะบอกแกอย่างไรดีเนี่ย ถ้าจะบอกแกเองคงต้องใช้เวลาเคลียร์กันเป็นชั่วโมง แต่ถ้าหากรอบอกคุณตา สงสัย อาจจะต้องเคลียร์กันเป็นเวลาสองชั่วโมง ครั้นรับรู้ปัญหาแล้วจะทิ้งไว้แบบนี้มันก็ไม่ใช่สไตล์หมอกอล์ฟ
ขอเวลาคิดแปบหนึ่ง
เหมือนสวรรค์เป็นใจ ให้เราได้ทำความดี
“แม่จ๋า น้ำจ๊ะ” หญิงวัยกลางคนที่ผมคาดว่าจะเป็นลูกสาวเพราะเธอจูงมือมากับคุณตา และ ถือขวดน้ำดื่มเย็นๆมาให้แก
เธอรับน้ำดื่มไป ดื่มน้ำพลาง อีกมือก็ยังปัดยุง ของเธออยู่
“อ้าว ยุงยังไม่หมดอีกเหรอแม่” ลูกสาวพูดทีเล่นทีจริง เหมือนจะขันอาการแปลกๆของแม่เธอ
“ยุงไม่ได้เยอะหรอกครับ แกมีอาการวุ้นในตาเสื่อม” ผมหันไปบอกเธอ
“อ้าว แล้วคุณรู้ได้ไง คุณเป็นหมอเหรอไง” เธอตาขวางใส่ผม
“ใช่ครับ หมอกอล์ฟ น.พ. สิทธา.....” ผมแนะนำตัวเอง ไม่น่าเชื่อ ว่าเธอจะรู้จัก
“ต๊าย จริงเหรอค่ะ นี่ ขอโทษด้วยนะคะ เพราะไม่เห็นเหมือนในทีวีเลย ตัวจริงดูเด็กกว่าตั้งเยอะ คุณหมอมาเที่ยวที่นี่เหรอคะ” แหม พี่แกเปลี่ยนคำพูดได้ไวจริงๆนะครับนี่
“ขอบคุณครับ พอดีมาไหว้พระทำบุญหนะครับ”
“โชคดีจังเลยค่ะ ทีได้เจอคุณหมอ ตอนแรกนึกว่าแกอายุมากแล้วแกจะเพี้ยน”
“ไม่ใช่นะครับ วุ้นในตาแกเสื่อมครับ อย่าลืมพาแกไปหาจักษุแพทย์ตรวจเพิ่มเติมละกันนะครับ”
“ดีนะนี่ที่แกเป็นแค่โรคตา นี่ถ้าเป็นอัลไซเมอร์นะ หนูกลุ้มตายเลย”
ก็ถ้าไม่นับเรื่องหูตึง แกก็คงจะมีโรคนี้โรคเดียวละมั้งครับ
ว่าแล้วผมก็ขอตัวลากลับไปไหว้พระทำบุญที่อื่นต่อก็แล้วกันนะครับ