Hadj mohammed mesfewi ฆาตกรต่อเนื่อง 36 ศพ กับผลกรรมที่ต้องตายในกำแพง
มันเป็นการตายที่ทรมานที่สุดอีกวิธีหนึ่ง คล้ายกับการถูกฝังทั้งเป็น แต่วิธีนี้มันทำให้ผู้คนข้างนอกกำแพงได้เพลิดเพลินที่ได้ยินเสียงร้องถึงความเจ็บปวดทรมานภายใน "กำแพงอิฐ" ที่กรีดร้องอย่างโหยหวนจนกว่าเสียงนั้นจะสิ้นสุดลง และมันก็ถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ทางศาสนาและการแก้แค้น เป็นการลงโทษที่เลวร้ายที่สุดสำหรับอาชญากรที่เลวร้ายที่สุด
ตามคำกล่าวของ "Joel Stice at All That's Attention" การกระทำที่ถูกล้อมกำแพงจนตาย เป็นรูปแบบการลงโทษที่โหดร้ายอย่างเหลือเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเขียน, นักกวีชื่อ "เอดการ์ แอลลัน โพ" (Edgar Allen Poe) ได้อธิบายไว้ใน "The Cask of Amontillado"
Edgar Allan Poe_By WikiImages From Pixabay License
ในการล่ามโซ่กับนักโทษเข้ากับกำแพงอิฐและปล่อยให้บุคคลนั้นตายอย่างอนาถ เพราะความอดอยากและหายใจไม่ออกจนตาย ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจะ “บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดจนในที่สุดความอดอยากและการขาดน้ำนำไปสู่ความตาย” การถูกปิดล้อมจนตายตอนนี้เรียกว่า "การกักขัง"
เป็นบทลงโทษประหารที่มาจากศาสนาด้วย
การคุ้มกันเพื่อลงโทษประหารชีวิตและมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้สำหรับอาชญากรรมที่เลวร้ายที่สุดเท่านั้น แต่ยังใช้เพื่อจุดประสงค์ทางศาสนาด้วย โดยในจักรวรรดิโรมันเมื่อนักบวชหญิง ที่ถูกผูกไว้กับพรหมจรรย์ฝ่าฝืนคำปฏิญาณของพวกเขา ซึ่งนักบวชหญิงเหล่านี้รู้จักกันในนามว่า "เวสทัล" (Vestals) ดังนั้นการทำโลหิตให้หกภายใต้กฎหมายโรมันจึงถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เลือดไหลออกมาชาวโรมันจะนำนักบวชหญิงที่ทำบาป เข้าไปในหลุมฝังศพด้วยอาหารและน้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งบุคคลสำคัญทางศาสนาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเป็นโสดและทำผิดกฎคำปฎิญาณก็จะได้รับโทษประหารเช่นเดียวกัน โดยในภาษาลาตินคำนี้หมายถึง "กำแพงจากภายใน" การทำโทษนี้ยังเกิดขึ้นในเปอร์เซียด้วย ใครที่ถูกล้อมไว้ทั้งเป็นถือเป็น “วิธีการลงโทษประหารชีวิตที่ทรมานมาก”
เช่นเดียวกับการกักกันฆาตกรที่ฉาวโฉ่ที่สุด
คงจะคือ "ฮัดจ์ โมฮัมเหม็ด เมสเฟวี" (Hadj Mohammed Mesfewi) ซึ่งเขาเป็นช่างทำรองเท้า ที่ชาวเมืองรู้จักกันดีแต่เขาไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของชาวเมืองมากนัก เนื่องจากเขามีลักษณะที่ดูลึกลับเหมือนเป็นคนที่มีความลับซ่อนอยู่นั้นเอง
และยังเป็น "ฆาตกรต่อเนื่อง" อีกด้วย
เป็นชาวโมร็อกโกในเมืองมาร์ราเกซ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งเมืองนี้ถือเป็นศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่ มีทั้งพ่อค้าและนักเดินทางเข้าออกตลอดเวลาจึงทำให้เกิดอาชญากรรมสูง ซึ่งในปี ค.ศ. 1902 (พ.ศ. 2445) ได้มีผู้หญิงในเมืองหายไปถึง 10 คนภายในคืนเดียวและไม่พบร่องรอยอะไรเลย
และภายในปี ค.ศ. 1906 (พ.ศ. 2449) ก็พบว่ามีหญิงสาวได้สูญหายไปอย่างลึกลับ จึงต้องรีบเร่งสืบสวนก่อนจะมีการพบร่างของหญิงสาวที่หายไปจำนวน 26 คน รวมเหยื่อทั้งหมด 36 คนที่ถูกฝังอยู่ใต้ร้านและบ้านของเขา
เขาจึงถูกจับกุมและถูกทรมานโดยการเฆี่ยนตีต่อหน้าประชาชนที่ตลาดในที่สาธารณะเพื่อให้สารภาพ โดยการเฆี่ยนตีแต่ละครั้งก็จะมีเลือดไหลซึมออกมา และผู้คนชาวเมืองก็จะเทน้ำส้มสายชูและน้ำมันบนบาดแผลเพื่อให้เขาได้ถูกเฆี่ยนตีใหม่ (อู๊ยยย..คงแสบแผลน่าดู)
จนเขาต้องสารภาพว่าเป็นคนฆ่าเหยื่อหญิงสาวเหล่านั้นเอง โดยเขาได้พาเหยื่อหญิงเหล่านี้มาที่บ้านเลี้ยงอาหาร และก็วางยาและทำการสังหารเหยื่อ สุดท้ายเขาก็ถูกตัดสินให้โดนประหารชีวิตโดยจะให้ถูกตรึงกางเขน ในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1906 (พ.ศ. 2449)
ถูกเปลี่ยนการประหารชีวิต
แต่นักการทูตจากดินแดนต่างๆไม่เห็นด้วยได้เข้ามาแทรกแซง เพราะคิดว่าการตรึงกางเขนนั้นป่าเถื่อนเกินไปสำหรับศตวรรษที่ 20 จึงเสนอให้เปลี่ยนการประหารชีวิตเขาด้วยการโบกปูนกับกำแพงแทน ในวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 1906 (พ.ศ. 2449) โดยให้เขาเข้ามุมในบริเวณที่มีพื้นที่น้อยมาก จนเขาแทบจะขยับตัวไม่ได้ จากนั้นก็ก่ออิฐปิดกำแพงให้เขาติดอยู่ข้างใน
ซึ่งในวันที่เขาถูกประหารชีวิตภายในกำแพง มีเหล่าผู้คนนับพันก็มารวมตัวกันเพื่อสาปแช่งเขา และตั้งแคมป์เพื่อดูความทรมานของเขา (แหม..อย่างกะมารอดูคอนเสิร์ตกันเนอะ)
และเฝ้าดูตราบเท่าที่เขาจะร้องอย่างทนทุกข์ทรมานภายในกำแพงที่ก่อไว้ออกมา จนสุดท้ายเขาก็เสียชีวิตจากการขาดอาหารและน้ำ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 1906 (พ.ศ. 2449) ช่วงอายุ 50 ปี
ซึ่งเขาได้ร้องอย่างทรมานติดต่อกันนานถึง 2 วัน..ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตภายในกำแพงอิฐนั้นเอง
ขอบคุณภาพจาก : กูลเกิ้ล, วิกิพีเดียร์
และภาพสวยจาก : wall-3316062_1280 By Aidakhubaeva From Pixabay License, Edgar Allan Poe_By WikiImages From Pixabay License