Ishikawa Goemon จอมโจรญี่ปุ่นกับการโดน "ต้มทั้งเป็น"

"อิชิกะวะ โกเอมอน" (Ishikawa Goemon) ถือเป็นจอมโจรวีรบุรุษพื้นบ้านชาวญี่ปุ่นที่อยู่นอกกฎหมาย ในตำนานกล่าวว่า..เขาได้ขโมยทองคำและสิ่งของมีค่าต่างๆจากคนรวยมามอบให้คนยากจน จึงทำให้ตำนานของเขายังคงอยู่ในวัฒนธรรมสมัยนิยมของญี่ปุ่นบ่อยครั้ง โดยฉพาะทักษะนินจาที่คงจะเกินจริงอย่างมาก

ประวัติเริ่มต้นของเขา
จริงๆทางข้อมูลประวัติศาสตร์นั้นมีชีวิตที่เกี่ยวกับเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาเกิดวันที่ 24 สิงหาคม ปี ค.ศ. 1558 (พ.ศ. 2101) ในช่วงกลางศตวรรษที่ 16 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยในเวลานั้นญี่ปุ่นอยู่ภายใต้อำนาจของ "รัฐบาลโชกุนอาชิคางะ" ซึ่งในขณะที่เขาได้กลายมาเป็นวีรบุรุษพื้นบ้านนั้นภูมิหลังและต้นกำเนิดของเขาก็ได้รับการคาดเดาอย่างกว้างขวาง

โดยเป็นการปรากฎตัวครั้งแรกในบันทึกประวัติศาสตร์ของ "ฮิเดโยชิ" (ในปี 1642) เขาถูกเรียกง่ายๆว่า "หัวขโมย" และต่อต้านเผด็จการอย่างห้าวหาญ ภูมิหลังของเขามีหลายตำนาน บางตำนานก็ว่า..

เขาเกิดมาในตระกูลซามูไรทำหน้าที่รับใช้ตระกูลมิโยชิ ซึ่งเป็นใหญ่ในจังหวัดอิงะ แต่ในปี พ.ศ. 1573 พ่อของเขา (อาจเป็นอิชิกาวะ อาคาชิ) ได้ถูกสังหารโดยกลุ่มผู้สำเร็จราชการอาชิคางะ บางตำนานก็ว่า..แม่ของเขาก็ถูกฆ่าตายด้วย ในขณะที่เขามีอายุเพียง 15 ปี

เขาจึงสาบานว่าจะแก้แค้นให้กับครอบครัว จึงเริ่มฝึกฝนวิชานินจาของอิงะภายใต้การสั่งสอนของ "โมโมจิ ซันดายุ" (Momochi Sandayu) ซึ่งเป็นผู้นำสำนักนินจาในอิงะ

ลักลอบได้เสียกับเมียน้อยอาจารย์
แต่ในระหว่างเรียนวิชานินจา เขาดันไปแอบลักลอบมีความสัมพันธ์กับเมียน้อยของอาจารย์ซะงั้น (เล่นตีท้ายครัวซะเลย) พออาจารย์ทราบเรื่องก็ต้องเพ่นหนีออกจากสำนักดิ..รอไรล่ะ

แถมได้ขโมยดาบที่มีค่าของอาจารย์ไปอีก โดยหนีไปยังเกียวโตและได้ตั้งตัวเป็นแก๊งค์โจร สร้างกองกำลังขุมโจรของตนเองขึ้นและออกปล้นเมืองในเวลาต่อมานั้นเอง

โรบินฮูดแห่งประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
เขาได้ชื่อว่าเป็นเหมือน "โรบิน ฮูด" (Robin Hood) แห่งประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นก็ว่าได้ เนื่องจากเขามักจะปล้นทรัพย์สมบัติของคนรวยๆ โดยขุมโจรของเขาจะทำการปล้นในยามค่ำคืน แต่ในตอนกลางวันจะปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อไม่ให้คนสงสัยและจะได้เล็งเหยื่อมีเงินรายต่อไปได้ด้วย

โดยจะปล้นเหยื่อที่มีฐานะร่ำรวยเท่านั้น เมื่อปล้นมาได้ก็นำสิ่งของมีค่าที่ปล้นมาได้ ไปให้ผู้คนยากจนเพื่อให้ทางการได้สับสนและจะได้ตามจับพวกเขาได้ยากยิ่งขึ้น ดังนั้นการที่เขานำของที่ปล้นมาจากคนร่ำรวยบางส่วน ไปให้เหล่าคนยากจนจึงทำให้เขาได้รับการยกย่องเปรียบเสมือนเป็น "โรบินฮูด" แห่งญี่ปุ่น

ความประมาทจนโดนจับกุม
มีบันทึกไว้หลายตำนาน ตำนานแรกก็กล่าวว่า..
ลูกสมุนที่ติดตามเขาถูกจับกุมและยอมรับสารภาพ จึงได้เปิดเผยชื่อเขาที่เป็น "หัวหน้ากองโจร" ให้กับทางการทราบ พอทางการทราบว่าเป็นใครเขาก็จึงถูกจับกุม

แต่บางตำนานก็ว่า..
เขาได้บุกเข้าไปในบ้าน "โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ" (Toyotomi Hideyoshi) ซึ่งเป็นขุนศึกที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของญี่ปุ่นและมีอิทธิพลกว้างขวาง โดยเขาต้องการจะขโมยสิ่งของ และอาจจะต้องการลอบสังหารโทโยโตมิด้วย แต่กลับเกิดความล้มเหลวเขาจึงถูกการจับกุมตัวไว้ได้

ซึ่งในตำนานก็เล่าว่าโทโยโตมินั้นมีกระถางธูปวิเศษ สามารถจับได้ว่าใครแอบเข้ามาในห้องตน พอเมื่ออิชิคาวะบุกเข้ามาควันธูปก็ได้ส่งสัญญาณเตือนทหารยามว่ามีคนบุกรุก จึงทำให้จอมโจรเสียทีหมดท่าจึงถูกจับกุมได้ในที่สุด

Toyotomi_Hideyoshi_on_his_horse_By Wikimedia Commons

File_豊臣秀吉 panoramio_Toyotmi Hideyoshi By Wikimedia Commons

จุดจบของเขาในวาระสุดท้ายของชีวิต
เขาถูกตัดสินให้ประหารชีวิตด้วยการ "ต้มทั้งเป็น" ในหม้อขนาดใหญ่เหมือนอ่างอาบน้ำที่มีรูปทรงกะทะ ดังนั้นในประเทศญี่ปุ่นจึงได้ตั้งชื่อตามว่า "โกเอมงบูโระ" ส่วนสมุนของเขาก็ถูกประหารเช่นกัน ซึ่งเขาถูกจับใส่หม้อต้มในน้ำเดือดจนตายพร้อมกับบุตรชาย  

แต่บางตำนานก็กล่าวว่าลูกชายเขารอด แต่บางตำนานก็กล่าวว่า..
เขาได้ตัดสินใจกดลูกชายลงใต้ก้นหม้อเพื่อจะได้ให้ลูกชายได้ตายอย่างรวดเร็ว จะได้ไม่ทรมานมากจากนั้นเขาก็ยกร่างลูกชายขึ้นเหนือศีรษะจนกระทั้งตายพร้อมกันทั้งคู่ โดยเขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 1594 (พ.ศ.2137) วัดนันเซนจิ จังหวัดเคียวโตะ

1280px-Excecution_of_Goemon_Ishikawa_By Wikimedia Commons

TEMPLE_NANZEN-JI_KYOTO_(16434020162)_By Wikimedia Commons

ประวัติการประหารด้วยการต้มทั้งเป็น
ก็ไม่ได้มีแต่ในญี่ปุ่นแต่ในรัชสมัยของ "พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8" (Henry VIII) แห่งอังกฤษในศตวรรษที่ 16 การวางยาพิษถือเป็นอาชญากรรมที่เลวร้ายจึงมีโทษหนักเช่นกัน โดยสำหรับนักโทษผู้ที่วางยาพิษนั่นบทลงโทษคือ "การต้มทั้งเป็น"

Henry VIII_By Wikimedia Commons

ซึ่งอาจจะเป็นน้ำร้อน หรือเป็นน้ำมันดิน หรือแม้กระทั่งเหล้า มันเป็นการประหารที่แพร่หลายไปทั่วยุโรปและเอเชีย ถือเป็นการประหารที่โหดร้ายและทรมานที่สุดในอีกวิธีการหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งนักโทษจะไม่ได้ตายทันทีนะดิแต่จะต้องทนกับความทรมาน จนกว่าจะเกิดอาการช็อกแต่ถ้าไม่ช็อกจนตาย ก็ต้องทนทรมานไปเรื่อยๆในหม้อน้ำเดือดๆ จนกว่าผิวหนังจะพุพองจนกว่าจะตายไปในที่สุดนั้นเอง