"10 มัมมี่ที่ทิ้งปริศนาให้นักโบราณคดีตอนที่ 1" อย่าดูตอนกินข้าวนะเตือนแล้วนะ
10 การค้นพบมัมมี่ ล่าสุดที่มั่นใจได้ว่า ทำให้นักโบราณคดี เกิดทั้งความหลอน ความสงสัย ปริศนาต่างๆที่หาคำตอบไม่ได้ หรือแม้แต่ ทำไมถึงทำมัมมี่นี้ขึ้นมา แอดเดือนก่อนนะว่า อย่าดูตอนกินข้าว คนทำเองยัง หยองๆ เลย น่ากลัวแบบแปลกๆ ไปดูกันเลยยย
อันดับที่ 10 Lady Rai
ตามประวัติมัมมี่ คนนี้มีชีวิตอยู่จริง มีอายุอยู่ก่อนคริสต์ศตวรรษย้อยขึ้นไป 1570/1560 - 1530 ปีก่อนคริสตกาล เป็นสตรีชาวอียิปต์โบราณ ใน สมัยราชวงศ์ที่ 18 ต้น ซึ่งทำหน้าที่เป็นนางพยาบาลให้กับราชินีAhmose-Nefertari ซากมัมมี่ของเธอถูกค้นพบในหลุมฝังศพ ของ Theban ในปี 1881 และคาดว่าเธอมีอายุประมาณ 30-40 ปีเมื่อเธอเสียชีวิตประมาณ 1530 ปีก่อนคริสตกาล มัมมี่ถูกแกะโดยGrafton Elliot Smithในปี 1909 เขามองว่ามัมมี่ของเธอเป็น "ตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบที่สุดของการดองศพ เพราะดูดีๆ ที่ผมสภาพสมบูรณ์มากๆ เหมือนผมพึ่งจะถูกทักเมื่อไม่นานมานี่เอง แต่จริงๆ แล้ว เธอตายไปมากกว่า 3.000 ปีมาแล้ว
อันดับที่ 9 Ramses 2 รามเสสที่ 2
การวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์เผยให้เห็นบาดแผลจากการสู้รบ กระดูกหักเก่าข้ออักเสบและการไหลเวียนไม่ดีเชื่อกันว่าโรคข้ออักเสบของ Ramesses II ทำให้เขาเดินหลังค่อมในช่วงทศวรรษสุดท้ายของชีวิต แต่ที่น่า ฉงนสงสัยคือ สภาพมัมมี่ ยังดูดีอยู่มาก ยังเหมือนกับ ตอนที่แกยังครองราชอยู่ เพราะข้อสันนิษฐานว่าแกตายเมื่อตอนแก อายุได้ 90 ปีซึ่งอายุยืน ดังนั้นสภาพศพ กับมัมมี่เลยดูไม่ต่างมากเท่าไร ซึ่งนักโบราณคดีก็ สงสัย ถึงขนาดว่า นำมัมมี่ฟาโรห์ แกขึ้นเครื่องจากอียิปต์ มาตรวจที่ฝรั่งเศส เลยจ้า หนำซ้ำยังออกพาสปอร์ตให้อีกตะหากเอาไปดูหน้าแกบนพาสปอร์ตกัน ซึ่งวันเกิด บอกว่าเกิดก่อนคริสต์ศักราช ย้อยขึ้นไปอีก 1303 ปี บ้าาาาาาา ไปแล้ว
อันดับที่ 8 กษัตริย์ตุตันคามุน King Tutankhamun
ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่เริ่มครองราช ตั้งแต่เยาววัย โดยครองราช เมื่อตอน เก้าขวบ ในตอนแรก็ไม่ได้จัดว่าเป็นกษัตริย์ที่มีความสำคัญอะไรมากมายกว่า กษัตริย์องค์อื่นๆ แต่หลังจากเมื่อมีการค้นพบสุสานของพระองค์ในปี 1922 ในหุบเขาแห่งกษัตริย์ ที่เด็ดดวงคือ โลงศพ ที่ประกับไปด้วยทองคำและอัญมณี โลงศพที่เราเห็นว่า สวยๆๆ เด่นๆๆ นั่นแหละ โลงของแก อีกทั้งยังเป็นที่มาว่าทำไม โลงแก ถึงไม่ถูกแตะต้องเพราะว่า มีการเล่าว่า การเปิดโลงศพของแก จะทำให้เกิดคำสาป เรียกว่า " คำสาปของฟาโรห์ " ซึ่งเป็นต้นกำเนิดและที่มาของหนังมัมมี่ หลายๆเรื่องเลย จากรูปเป็นการสำรวจโลงศพโดยนาย คาร์เตอร์ จนเมื่อเปิดโลงศพแล้วทำให้เกิดการตายของนักสำรวจ หลายคน มีทั้งติดเชื่อโรคตายบ้าง อุบัติเหตุบ้าง จนสรุปได้ว่า ใน 58 คนที่มาร่วมพิธีเปิดหลุมฝังศพและโลงศพมีเพียง 8 คนเท่านั้นที่เสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่ปี จริงแล้ว ศพแก ไม่ได้พิศวง อะไรนะ เป็นมัมมี่ ผอมๆแห้งๆ ธรรมดา แต่ความเชื่อ เรื่องคำสาปที่ฝังอยู่หน้าโลงนี่สิ สนใจไปหาอ่านเพิ่มได้น้า
อันดับที่ 7 มัมมี่จรเข้ Crocodile Mummy
เรารู้กันอยู่แล้วว่า แม่น้ำไนล์ที่ผ่านอียิปต์ เป็นแหล่งที่อยู่ของ จรเข้ สายพันธุ์ เฉพาะถิ่นของที่ หรือจรเข้ แม่น้ำไนล์ แต่ประเด็นคือ คนอียิปต์สมัยก่อน จะทำมัมมี่ จรเข้ ทะไมอะ งง คือ ปกติ ก็ทำแค่ คน แล้วก็สัตว์เล็กๆ เช่น แมว แต่ทำไมต้องทำจรเข้ แล้วจะจับมันมายังไง ข้อสรุปคือ เอาจรเข้ที่ตายแล้ว มาทำมัมมี่ โดยชาวอียิปต์ เชื่อในพระเจ้าหลายองค์หนึ่งในนั้นคือ เทพโซเบค Sobek ซึ่งมีหัวเป็นจรเข้ เลยทำมัมมี่ เพื่อบูชาเทม อะไรประมาณนั้น ซึ่งจากการค้นพบ สภาพจรเข้ สมบูรณ์มากๆ หัวยังใหญ่เหมือนเดิม เหมือนไม่ได้ผุกร่อน หายไปเลย
อันดับที่ 6 มัมมี่กาเซล
เช่นเดียวกับ จรเข้ มัมมี่ กาเซล สัตว์รูปร่างคล้ายกับกลางแต่เขาแแหลมกว่า ถูกตั้งคำถามว่า ทำมัมมี่ ไปเพื่ออะไร ทำทำไม แต่นักโบราณคดีระบุว่า ซากมัมมี่ตัวกาเซล นี่ เป็นซากที่ทำได้สมบูรณ์แบบที่สุด คือ แถบจะไม่ผุ เปื่อย พังไปเลย (คงมาพังเอาตอนเปิดผ้านี่แหละ) แล้วทำไมต้องเป็น กาเซล ละ เพราะว่า สมัยก่อน ราชากับราชินี อียิปต์ ชอบเลี้ยงกาเซล เป็นสัตว์เลี้ยง (เข้าใจเลือกเนอะ) และที่สำคัญเลยคือ กาเซลพวกนี้ได้รับการ ดูแลอย่างดี เทียบเท่ากับ มัมมี่มนุษย์เลย อาจจะเป็นเพราะความเชื่อด้วยมั้ง ไม่มีความแตกต่างและได้รับการฝังที่ดี เท่ากับ มนุษย์ด้วย อันนี้ สิแปลก
ยังไง ชอบก็กดติดตาม เม้นต์ แล้วรออ่านต่อ ตอนที่ 2 นะ