หนังตัวแทนออสการ์กัมพูชาคว้าหลายรางวัลทั่วโลกได้ฉายเมืองไทยแล้ว ความทรงจำสีขาว White Building โบเดงซา หนังสะท้อนชีวิต
โบเดงซา ความทรงจำสีขาว WHITE BUILDING เป็นภาพยนตร์จากประเทศกัมพูชาโดยผู้กำกับ คาวิช เนือง ได้รับทุนสร้างร่วมจากประเทศฝรั่งเศส จีนแผ่นดินใหญ่ และการ์ต้า แนวชีวิต ความยาว 1 ชั่วโมง 30 นาที ได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศกัมพูชาในการเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมประจำปี 2022 ได้รับรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมจากเทศกาลเวนิซ (น้องพิเศษ คนลูก) นักแสดงยอดเยี่ยมจากเทศกาลกัมพูชา (พี่สุธัน คนพ่อ) และกำกับภาพยอดเยี่ยมจากเทศกาลลิสบอน ทีมงานกว่าร้อยชีวิตเรื่องนี้โดยมากเป็นชาวต่างประเทศ คะแนนเว็บมะเขือนักวิจารณ์ชอบถึง 90% IMDb นักวิจารณ์ให้เฉลี่ย 60/100 ประชาชน 6.4/10 ผู้โพสท์ให้ 7/10 เข้าฉายในประเทศไทยตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน 2565 ที่เมเจอร์รัชโยธิน โดยจัดฉายวันละ 2 รอบ ใช้บัตรเอ็มพาสได้
ต่อไปนี้มีสปอยล์เนื้อเรื่องครับ เพราะเชื่อว่าส่วนใหญ่คงจะไม่ได้ดูกัน ถือว่าอ่านเล่นเพื่อความบันเทิงนะครับ
เนื้อหาของเรื่องแบ่งเป็น 3 ตอน โดยมีน้องนางเป็นพระเอก (นักแสดงชื่อพิเศษแสดงเป็นเด็กหนุ่มชื่อนาง) ตอนที่ 1 ชื่อพร น้องนางขอพรให้ตนและครอบครัวปลอดภัย ขอให้โชคดี (เราจะเห็นโต๊ะหมู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้านยากจนหลังนี้ว่าครบเครื่องด้วยหัวโขนพ่อแก่แม่แก่ราวกับเป็นชมรมนาฏศิลป์ บ้านเรานี้ส่วนใหญ่มีแค่หิ้งพระเล็กๆ ชี้ให้เห็นว่ากัมพูชาเชื่อมั่นในสิ่งศักดิ์สิทธิ์และไสยศาสตร์มากขนาดไหน) เรื่องราวในตอนนี้น้องนางได้รับการชักชวนจากอาข่า (รูปปกน้องนางคือคนขี่ อาข่าคือคนซ้อนโผล่หน้า) ให้เข้าประกวดชิงรางวัลนักเต้นอันดับ 1 แห่งพนมเปญ โดยมีเพื่อนอีกคนร่วมทีม ขณะที่กำลังซ้อมไป หาเงินจากงานโชว์ตามสถานบันเทิงไป กำลังเหมือนจะมีความหวัง อยู่ดีๆ อาข่าผู้ชักชวนก็ต้องย้ายไปอยู่กับครอบครัวฝรั่งเศส ความฝันของทีมจึงแตกสลายในบัดดล ที่ขอพรไปเท่ากับไม่ได้ผลอันใด (มีมุกหนึ่งชอบมาก ที่เพื่อนอีกคนในทีมถามนางว่า เจ้าก็มีเพื่อนอยู่เมืองนอกไม่ใช่หรือ นางตอบว่าเมืองไทยไม่นับสิ ไม่ใช่ไม่นับญาติ หมายถึงไม่นับว่าเมืองไทยเป็นเมืองนอก)
ตอนที่ 2 ศาลพระภูมิ กล่าวถึงพ่อนางที่เป็นเบาหวานนานนับสิบปี แต่ไม่ยอมหาหมอ กินแต่พาราไม่หาย นางจึงรบเร้าให้หาหมอ เมื่อเจอหมอบอกให้ตัดนิ้วเน่าก่อนที่จะลามไปเป็นตัดขา พ่อก็คิดว่าหมออยากจะได้เงินไม่เชื่อหมออีก ในขณะที่นางฝันร้ายว่าพ่อใส่สูทอยู่คนเดียวแล้วเดินจากไป แม่ก็ทักว่าห้ามเล่าฝันร้ายให้คนอื่นฟังเพราะมันจะเกิดเรื่องไม่ดี สุดท้ายพ่อนางก็ไม่หาย อาการหนักกว่าเดิม โดนตัดขา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่ช่วยอะไรอีกแล้ว
ตอนที่ 3 มรสุม ชื่อตอนน่าจะพีคที่สุด แต่กลับนำเสนอได้เบาอย่างไม่ทำให้คนดูรู้สึกว่าเจอมรสุมใดๆ เลย เมื่อบ้านที่ตึกขาวตามชื่อเรื่องถูกเวนคืนเพื่อทุบทิ้งไปสร้างอย่างอื่นเพื่อเพิ่มความเจริญให้พนมเปญ ทุกครอบครัวได้รับเงินตอบแทนน้อยนิด ครอบครัวนางต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยญาติอยู่ต่างจังหวัด งานไม่ได้ทำ พ่อขาไม่มี (เออมันก็เหมือนมรสุมอยู่นะ แต่เราไม่รู้สึกไปเอง) สุดท้ายต้องพึ่งพี่สาวนางที่ถูกแม่ตัดลูกไปนานเพื่อจะได้กลับไปมีชีวิตอยู่พนมเปญ
ความเห็นส่วนตัว หนังเดินเรื่องแบบเรื่อยๆ ให้เราตามติดชีวิตนางจนทำให้คนดูอินไปกับเด็กผู้ชายคนนี้ คอยลุ้นคอยเอาใจช่วยและการแสดงอันดีของเขาทำให้คนดูรู้สึกเหมือนอย่างที่ตัวละครรู้สึก เวลาเขาห่วงใครเราก็ห่วงตาม เสียใจก็เสียใจตาม เรื่องที่ดีใจไม่ค่อยมี การแสดงของนางและการเดินเรื่องทำให้หนังออกมาน่าติดตามไม่น่าเบื่อ แม้ว่าที่จริงจะไม่มีอะไรหวือหวาพิเศษเลย หนุ่มนางก็หน้าบ้านๆ เต้นก็ไม่ใช่จะดีอะไรนักด้วยซ้ำ
สิ่งที่ชอบจากเรื่องนี้ยังมีงานภาพ(สมกับที่ได้รางวัล) ทำให้เราได้เห็นแง่มุมซอกหลืบต่างๆ ในกัมพูชาเหมือนอย่างที่อยากเห็น(แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นการเซ็ทที่สมจริงหรือไม่) ดูมีชีวิตชีวาจริง ดูเป็นสังคมคนจนในเมืองหลวงจริง (แต่ในใจก็คิดว่าเซ็ทนะครับ ไม่มีโจร ไม่มีแว๊น ไม่มีอาชญากร ขอทาน ขึ้เมา เฒ่าลามก หรือคนชั้นล่างจิตใจสกปรกเลยสักคน ตัวร้ายของเรื่องมีแต่คนรวยกับรัฐบาลซึ่งก็ไม่ได้เน้นอะไรมากนัก)
ที่ชอบเรื่องนี้อีกอย่าง แม้ว่าตัวเอกจะเป็นวัยรุ่นยากจน แต่จิตใจงดงาม เห็นอกเห็นใจผู้อื่น อัธยาศัยไมตรีดี สุภาพไม่มีความหยาบคายหรือภาพโหดร้ายรุนแรงในภาพยนตร์เรื่องนี้เลย (หรือจะแปลไม่หยาบก็ไม่ทราบนะครับ แต่ต้นฉบับน่าจะสุภาพอยู่แล้ว เพราะภาพที่ออกมาก็ดูไม่ดิบเถื่อนอะไรเลย)
ถ้าอ่านแล้วไปดูเองแล้วไม่ชอบใจต้องขออภัยด้วยนะครับ เราคิดเห็นแตกต่างกันได้ตามมุมมองของแต่ละคนครับ สำหรับเราถือว่าชอบอยู่