[รีวิวหนังใหม่] Bones and all หนังรักผจญภัยของคู่รักที่ชอบกินเนื้อคน!?
ใครชอบฟังมากกว่า ดูรีวิวจัดเต็มที่นี่
Bones and all (A-)
.
.
สิ่งที่ไม่น่าเชื่ออย่างนึงของการดูหนังเรื่องนี้คือ
หนังมันเล่าเรื่องของกลุ่มคนที่มีงานอดิเรกในการชอบกินเนื้อคน แต่มันสามารถเล่าออกมาเป็นหนังรัก ผจญภัย โร้ดมูฟวี่โดยมีแบคกราวน์เซตติ้งแถวๆยุค80 เห็นความเป็นอเมริกันคันทรี่ได้งดงามเลยทีเดียว แม้ว่าเราจะไม่ค่อยชอบความเหวอะหวะหรือการฉีกเนื้อมนุษย์กิน เงยหน้ามาเปื้อนเลือด
แต่หนังเอาอยู่มากๆ ให้เราได้ค่อยๆทำความเข้าใจกับคนที่มีพฤติการณ์เหล่านี้ ด้วยถ้อยทีที่นุ่มนวล แต่ในหลายๆฉากก็เต็มไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจ
.
นี่คือผลงานกำกับเรื่องใหม่ของลูก้า กัวดาญีโน่ ที่เคยฝากผลงานหนังรักละเมียดละไมอย่าง Call me by your name และหนังโหดๆที่รีเมคจากหนังสยองระดับตำนานอย่าง Suspiria รอบนี้มีผู้เขียนบทเรื่องหลัง มาร่วมเขียนบทการผจญภัยของคู่รักที่ชอบกินเนื้อ(คน) โดยยังมีคู่หูที่เคยทำสกอร์ดนตรีในThe Social Network และ Soul มาร่วมทำดนตรีประกอบด้วย งานดนตรีนี่ดีงามเลยเช่นกัน
.
นอกจากนี้หนังยังคับคั่งด้วยนักแสดงรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่ที่น่าจับตา ไม่ว่าจะเป็นนางเอกของเรื่องที่เป็นตัวเดินเรื่องทั้งหมด รับบทโดย เทเลอร์ รัสเซลล์ ที่สามารถตรึงความสนใจของคนดูไว้ได้ตลอดเรื่อง
.
นอกจากนี้หนังยังมีน้องทิมมี่ ทิโมธี ชาลาเมตต์ เจ้าเก่า
มาเป็นพระเอกของเรื่อง ที่ขนาดเลือดอาบหน้ายังโคตรเท่ และยังสมทบด้วยนักแสดงรุ่นใหญ่เจ้าบทบาทอย่าง มาร์ค ไรแลนซ์ (เจ้าของรางวัลออสการ์จากบทสมทบชายใน Bridge of Spies และแสดงเป็นป๋า เจมส์ ฮัลลิเดย์ ใน Ready Player Oneของสปีลเบิร์ก รวมถึงบทยักษ์ใหญ่ใจดี) และยังมีไมเคิล สตูว์เบิร์ก ที่เคยรับบทเป็นพ่อใน Call me เรื่องนี้ทั้งสองคนได้รับบทเป็นมนุษย์กินเนื้อคน เออ เอาเรื่องใช้ได้อยู่
.
.
รวมๆ ถ้าไม่ได้ผู้กำกับที่เก่งฉกาจ หนังอาจสะเปะสะปะ
ออกนอกเส้นทางหลงทิศได้ง่ายๆ แต่ยอมรับว่า
ไดเรคชั่นผู้กำกับอย่างลูก้า แกเอาหนังอยู่จริงๆ
และสัมผัสได้ว่าแกได้เข้าถึงตัวละครแต่ละตัวอย่างละเอียดจนสัมผัสได้ถึงเนื้อหนังยันกระดูก และกลายเป็นตัวละครที่ดูมีชีวิตจิตใจมากๆ ซึ่งสุดท้ายก็การันตีด้วยรางวัล Silver Award ที่เวนิซฟิล์มเฟส เราว่าไม่ใช่หนังดูยาก เล่าดี และเป็นอีกหนึ่งหนังน้ำดีที่น่าจดจำในปีนี้เลยทีเดียว
.
.
.
แอบคิดเล่นๆเหมือนกันว่าหนังพล๊อตแบบนี้
อารมณ์แบบ One for the Road ผสม Nomad's Land
ที่เป็นเรื่องราวมนุษย์กินคนในยุค80
ถ้ามาเสนอพล๊อตแบบนี้ที่ค่ายหนังในไทย
ต้องรอชาติไหนถึงได้ทำ รู้สึกว่าความใจถึงในการเล่าเรื่องแบบนี้ บางทีมันทำให้ระลึกได้ประมาณนึงว่า คนทำหนัง(ดีๆ) ต้องมาพร้อมกับความกล้า และมีคน(ค่ายหนัง)เห็นคุณค่าในสิ่งที่พวกเขาทำด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่งตรงนี้ จะเกิดขึ้นในไทย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย