'โออิรัน' ผู้หญิงแห่งความสุข หรือโสเภณีชั้นสูงในสมัยเอโดะของญี่ปุ่น [Exclusive Content]
เมื่อย้อนไป 400 กว่าปีก่อนในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นได้บันทึกเรื่องราวของ โออิรัน (Oiran) เอาไว้ ซึ่งเป็นชื่อเรียกของโสเภณีชั้นสูง มีที่มาจากคำว่า ‘โออิระ โนะ โทโคโระ โนะ เนซัง’ ที่มีความหมายว่า ‘พี่สาวของฉัน’ เริ่มถือกำเนิดขึ้นในช่วงยุคเอโดะ หรือประมาณปี 1600-1868
ซึ่งโสเภณีชั้นสูงนั้นจะถูกแบ่งลำดับชั้น ออกเป็น 6 ชั้น ได้แก่ ทะยู (Tayu), โคชิ (Koshi), โยบิดาชิ สึเคมาวาราชิ (Yobidashi Tsukemawarashi), ซันฉะ (Sancha), สึเคมาวาราชิ (Tsukemawarashi) และ ซาชิคิโมจิ (Zashikimochi) ซึ่ง โออิรัน คือผู้ที่อยู่ในลำดับสูงสุดอย่างทะยู
โออิรัน ผู้หญิงแห่งความสุข หรือโสเภณีชั้นสูงในสมัยเอโดะ (1600 – 1868)
โออิรันมีบทบาทในการให้ความบันเทิงเป็นหลักและได้รับความนิยมอย่างมากในซ่องโยชิวาระและย่านบันเทิงของเอโดะ โดยพวกเธอจะให้ความบันเทิงแก่ลูกค้าในห้องนั่งเล่นที่ได้รับการตกแต่งอย่างดีเพื่อสนองความต้องการส่วนของผู้มาใช้บริการ
โออิรันนั่งกับลูกค้าและเด็กฝึกงาน
การฝึกหัดของโออิรันนั้นเริ่มมาจากการที่ถูกส่งตัวให้ไปอยู่ในสำนักโออิรันตั้งแต่อายุประมาณ 5 ปี โดยเข้าไปทำหน้าที่เป็นเด็กรับใช้ของโออิรัน เด็กเหล่านี้จะถูกเรียกว่า คามุโระ เมื่อคามุโระอายุประมาณ 9-10 ปี ก็จะเรียกว่า ชินโซ หรือโออิรันฝึกหัด
จนกระทั่งชินโซอายุได้ 13-14 ปี ก็จะถูกแม่เล้าจับทำ พิธีมิสุอาเงะ ซึ่งพิธีนี้เสมือนการประมูลว่าใครจะได้เป็นชายคนแรกของเธอ (เรียกง่ายๆ ว่าพิธีเปิดซิง) เพื่อที่จะทำให้เธอกลายเป็นโออิรันโดยสมบูรณ์ หากชินโซยังไม่ผ่านพิธีมิสุอาเงะ แขกจะไม่สามารถซื้อตัวพวกเธอได้
โออิรัน
พอได้เป็นโออิรันก็ต้องชิงดีชิงเด่นเพื่อให้ได้เป็นอันดับสูงๆ อีกที โดยลำดับชั้นของโออิรันนั้นจะเริ่มตั้งแต่ ฮาชิ ทสึโบเนะ เฮยาโมจิ ซาชิคิโมจิ โคชิและตำแหน่งสูงสุดของโออิรันคือ ทายู ความพิเศษของผู้ที่ได้รับตำแหน่งนี้คือ พวกเธอสามารถเลือกแขกได้ มีเกียรติเพียงพอที่จะปฏิเสธลูกค้า
ด้วยสถานะสูงส่งของพวกเธอทำให้ค่าตัวแสนแพงและยังสามารถได้รับการไถ่ตัวจากเจ้าเมืองเพื่อไปเป็นเมียน้อยได้อีกด้วย โดยโออิรันจะมีค่าบริการเท่าเงินเดือนหนึ่งปีสำหรับสามัญชน แม้ว่าคุณจะสามารถจ่ายได้ แต่ถ้าพวกเธอไม่เลือกที่จะไปกับคุณ ต่อให้เอาเงินมากองสูงท่วมหัวก็อย่าหวังว่าจะได้ตัวไป
สถานะของโออิรันกับลูกค้าคล้ายผัวเมีย หากได้เสียกันแล้วจะไปยุ่งกับเด็กอื่นไม่ได้ ถ้าจับได้จะต้องเสียเงินค่าทำขวัญให้กับพวกเธอด้วย ด้วยความยุ่งยากและสิ้นเปลืองเงินค่อนข้างมากนี้ทำให้คนธรรมดาจึงมักใช้บริการยูโจมากกว่า
และไม่มีโออิรันหลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่นยุคใหม่ เนื่องจากปัจจุบันการค้าประเวณีเป็นสิ่งผิดกฎหมาย มีธุรกิจสีเทา แอบแฝงค้าประเวณีอยู่เกือบทั่วชายแดน แต่ผู้หญิงที่ทำงานในเหล่านั้นไม่ได้เรียกว่าโออิรัน
โสเภณีนั่งอยู่ข้างหลังฮาริมิเซะ ในชิซูโอกะในญี่ปุ่นค. พ.ศ. 2433
แต่เกอิชา (Geisha)ที่เราคุ้นเคยกัน กับ โออิรัน นั่นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยที่ เกอิชาไม่ได้เป็นอาชีพที่ขายเรือนร่างแบบเดียวกับโออิรัน แต่เกอิชาคือศิลปินผู้ทำหน้าที่มอบความบันเทิงให้แก่แขกในโรงน้ำชา ด้วยศิลปะการแสดงที่ร่ำเรียนมาตั้งแต่เด็ก ทั้งการร่ายรำ, ร้องเพลง, เล่นดนตรี, การทำพิธีชงชา คำว่า เกอิชา หมายถึง ศิลปิน หรือ ผู้ที่หลงใหลในศิลปะ นั่นเอง
เกอิชา (Geisha)
------------------------------------
โออิรัน (Oiran)
รวมถึงเครื่องแต่งกายชุดกิโมโนของโออิรันและเกอิชาก็มีความแตกต่างกันในหลายจุด เช่น เกอิชาจะผูกผ้าโอบิหรือผ้าคาดเอวไว้ด้านหลัง ส่วนโออิรันจะผูกผ้าโอบิไว้ด้านหน้า เพื่อความสะดวกในการถอดเสื้อผ้า เกอิชาจะสวมถุงเท้าและสวมรองเท้าแตะแบบปกติ แต่สำหรับโออิรันจะไม่สวมถุงเท้าและจะใส่รองเท้าเกี๊ยะสีดำที่มีความสูงกว่า 20 เซนติเมตร
--------------------------------------------
ถัดมาก็เป็น เกอิชา ( โรมาจิ: geisha; : "ศิลปิน") เป็นอาชีพหนึ่งของสตรีญี่ปุ่นในสมัยก่อน ถือว่าเป็นผู้ที่ชำนาญทางศิลปะและให้ความเพลิดเพลินบันเทิงใจ เป็นเสมือนผู้คอยต้อนรับและปรนนิบัติแขก
เกอิชามีอยู่แพร่หลายอย่างมากในญี่ปุ่นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ19 เมื่อ ค.ศ. 1920 มีจำนวนเกอิชาถึง 80,000 คน ส่วนในปัจจุบันแม้ว่าจะยังมีอาชีพเกอิชา แต่จำนวนค่อย ๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง สำหรับเกอิชาฝึกหัดจะเรียกว่า ไมโกะ
สถานที่เหล่านี้ถูกเรียกว่า 'ฮาริมิเซะ' ซึ่งโสเภณีต้องนั่งหลังบาร์และหันหน้าเข้าหาถนนสายหลักเพื่อให้ลูกค้าเลือก ตั้งแต่ปี 1903
เกอิชาไม่ใช่โสเภณี แม้ว่าในอดีตจะมีการขายพรหมจารีอย่างถูกต้อง และเกอิชาก็ไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์กับลูกค้า แม้ว่าลูกค้าจะจ่ายเงินซื้อเพื่อการนี้ก็ตาม
เกอิชา
เกอิชากับโสเภณีมีความแตกต่างพอสมควร โดยสังเกตอย่างง่ายจากการแต่งตัว โดยที่โสเภณีจะมีสายโอบิผูกชุดที่สามารถแกะได้จากข้างหน้า เพื่อความสะดวกในถอดชุดออกออก เครื่องประดับของเหล่าหญิงโสเภณีมีความงดงาม หรูหรา ฟู่ฟ่า
ในขณะที่เกอิชามีผ้าโอบิผูกจากข้างหลังตามชุดกิโมโนทั่วไป เครื่องประดับนั้นจะเรียบง่ายแต่แสดงออกถึงความสวยงามตามธรรมชาติ ในรูปแบบของศิลปะได้อย่างดีทีเดียว
ตำบลกิอง แหล่งเกอิชาในเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น
ปัจจุบันเกอิชานั้นมักได้รับการว่าจ้างให้ปรนนิบัติหมู่คณะ และมักทำงานร่วมกันในโรงน้ำชา หรือร้านอาหารแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยเวลาใช้บริการนั้นจะใช้ธูปจุดเป็นเกณฑ์วัด
ลูกค้าจะติดต่อโดยผ่านสำนักติดต่อเกอิชาหรือ "เค็นบัน" ซึ่งจะมีตารางนัดของเกอิชาแต่ละคน และทำการนัดหมาย ทั้งเพื่อการทำงานและการฝึกฝนอาชีพ
เมื่อหญิงที่ทำงานเป็นเกอิชาแต่งงานก็จะเลิกจากอาชีพนี้ หากไม่แต่งงาน เมื่ออายุมากขึ้นก็จะเลิกอาชีพนี้เช่นกัน แต่อาจทำงานเป็นเจ้าของร้านอาหาร ครูสอนดนตรี เต้นรำ หรือครูสอนเกอิชาต่อไปก็ได้
การค้าประเวณีในญี่ปุ่นมีอยู่ตลอดประวัติศาสตร์ของประเทศ ในขณะที่กฎหมายป้องกันการค้าประเวณีปี 1956 ระบุว่า "ห้ามบุคคลใดทำการค้าประเวณีหรือเป็นลูกค้าของการค้าประเวณี" ช่องโหว่ การตีความอย่างเสรี และการบังคับใช้กฎหมายอย่างหลวมๆ นี้ ทำให้อุตสาหกรรมบริการทางเพศของญี่ปุ่นเจริญรุ่งเรืองและมีรายได้ประมาณ 2.3 ล้านล้านเยน (24 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ต่อปี
ถึงแม้ญี่ปุ่นจะออกกฎหมายห้ามค้าประเวณีมานานกว่า 50 ปีแล้ว แต่ในพื้นที่ต่างๆ ของแดนอาทิตย์อุทัยก็ยังคงมีธุรกิจกามารณ์อย่างเปิดเผย โดยอยู่ภายใต้การคุ้มครองของเหล่ายากูซ่าและนักการเมืองท้องถิ่นอยู่
[Exclusive Content]