ใครได้ ใครเสีย!! เมื่อ 'ภาวะโลกร้อน' เป็นเพียงแค่ การโฆษณาชวนเชื่อ[Exclusive Content]
ภาวะโลกร้อน หรือ Global warming คำนี้ถูกนำมาใช้ช่วงครึ่งหลังของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ไปตีความหมายว่า เป็นการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศใกล้พื้นผิวโลกและน้ำในมหาสมุทรตั้งแต่ และมีการคาดการณ์ว่าอุณหภูมิเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งอ้างว่าการที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากภาวะเรือน กระจก หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อว่า Green house effect ซึ่งมีต้นเหตุจากการที่มนุษย์ ได้เพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จาก การเผาไหม้เชื้อเพลิงต่างๆ การขนส่ง และ อื่นๆ
แต่ช่วงหลังคำว่า “ภาวะโลกร้อน” เป็นคำจำเพาะคำหนึ่งของอุบัติการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลก ที่มองในมุมเดียว เป็นข้ออ้างในการผลประโยขน์ของบางองค์กร ที่ก่อตั้งเพื่อรณรงค์ เรื่อง ภาวะโลกร้อน มากมาย บ้างก็อ้างว่าไม่หาผลกำไร แต่ก็มีบางสิ่งแอบแฝงในเชิงพานิช
อีกทั้งกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่พยายามต่อสู้กับภาวะโลกร้อนด้วยทฤษฎีภาวะเรือนกระจก และได้รับการยอมรับจนอยู่ในสถานะ “พระเอกของโลก” มาตลอด กลับถูกพลิกสถานะให้กลายเป็นพวก “ฉลาดแกมโกง”
มีการพบข้อมูลสำคัญภายหลัง จนสร้างความช็อกสะเทือนไปทั้งวงการวิทยาศาสตร์ เมื่อ ข้อเท็จจริง ทางหลักวิทยาศาสตร์ที่ควรเป็น ความจริงกลับถูกบิดเบือนเป็นเพียงแค่ การโฆษณาชวนเชื่อ” (Propaganda) เท่านั้น
ความจริงเบื้องหลังโฆษณา:เมื่อสามปีก่อน ในปี 1959 หัวหน้าน้ำมันของอเมริกาได้รับคำเตือนว่าการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลอาจนำไปสู่ความร้อนของโลก “เพียงเพราะไปเจอการละลายน้ำแข็งและทำให้นิวยอร์กจมอยู่ใต้น้ำ แต่จริงๆ แล้วมันคือการถล่มจากก่อตัวขนาดใหญ่นั่นเอง”
นาย ราเชนทร์ ปาชัวร์ ผู้อำนวยการของไอพีซีซี ได้โต้กลับฝ่ายที่เอาเรื่องลับในอีเมลมาเปิดเผยว่า เป็นการสมคบคิดกันของฝ่ายที่ตรงข้ามที่ใช้แฮกเกอร์รัสเซียเข้ามาเจาะข้อมูล และเลือกเฉพาะข้อมูลบางอย่างไปเปิดเผยให้เกิดความเข้าใจผิด เพื่อปั่นป่วนการประชุมโลกร้อน ทว่า โมฮัมเหม็ด ฮับ ซับบาส ผู้แทนของซาอุดีอาระเบีย กลับมองว่าเรื่องนี้คือการ “สั่นสะเทือนความน่าเชื่อ” ของวงการนักวิทยาศาสตร์ครั้งใหญ่ และสมควรต้องถูกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบให้เป็นเรื่องเป็นราว
นาย ราเชนทร์ ปาชัวร์ ประธานคณะกรรมการระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC)
เรื่องนี้ใครได้ใครเสีย คงต้องบอกว่าปัญหาโลกร้อนเป็นประเด็นใหญ่ที่ซับซ้อน เกินกว่าจะมองเป็นเรื่องการโกหกของนักวิทยาศาสตร์ อย่างเดียว หรือเป็นเรื่องที่ถูกปั่นขึ้นเพื่อประโยชน์ของคนฝ่ายเดียว
แต่จะบอกว่างงานนี้ ก่อนหน้าที่จะมีการเปิดโปงครั้งใหญ่นี้ ทางกลุ่มประเทศในยุโรป ที่มีความพร้อมมากกว่าใครคือฝ่ายที่ได้รับประโยชน์ไปมากที่สุดจากการผลักดัน “เทคโนโลยีสีเขียว” รวมถึงแนวทางการค้าขายคาร์บอนเครดิต มีการกำหนดนโยบายนี้ ไปทั่วโลก จะเกิดอะไรขึ้น
ตัวอย่างให้เห็นชัดๆ คือ กรณีที่การบินไทยต้องจ่ายเงินให้กับสหภาพยุโรป ( EU) จากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ ที่สร้างประเด็นว่าเป็นสาเหตุทำให้โลกร้อน ซึ่งการบินไทยจะต้องจ่ายเงินให้ EU ถึงปีละ 850 ล้านบาท (และลามไปถึงสายการบินอื่นๆ)
รวมไปถึงที่สินค้าต่างๆ ที่วางขายในโซนตะวันตก ก็จะต้องสกรีนว่ามีส่วนนำไปสู่ปัญหาโลกร้อนหรือไม่ และเมื่อเร็วๆ นี้ ประธานาธิบดี บารัก โอบามา ของสหรัฐ ก็เพิ่งประกาศกฎหมายเรียกเก็บภาษีในทำนองนี้ออกมาเช่นเดียวกันแล้ว
อรกทั้งมีนักวิทยาศาสตร์บางกลุ่มถึงขั้นออกมากล่าวโทษว่า การทำนาและการทำปศุสัตว์ในประเทศกำลังพัฒนา ว่าเป็นตัวก่อก๊าซมีเทนสู่ชั้นบรรยากาศโลกเอาดื้อๆ
โทษเราอีกแล้ว ตัวการสร้างก๊าซมีเทนจากของเสียจากฟาร์ม
หากมองในมุมของนักอนุรักษ์สุดโต่ง นี่คือมาตรการเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนอย่างหนึ่งแน่นอน น่าชื่นชมเป็นอย่างมาก แต่ๆๆๆหากมองในแง่ประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนาทั่วโลกแล้ว เรื่องนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับ “การกีดกันทางการค้า” เห็นภาพชัดมั้ยละ
มาตรการที่พยายามจะลดความได้เปรียบของสินค้านำเข้าจากประเทศที่กำลังพัฒนาที่มีข้อบังคับเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศของตน
โดยที่ มาตรการนี้ อาจจะอยู่ในรูปแบบการเก็บภาษีนำเข้า หรือการบังคับใช้มาตรฐานการผลิตบางประการแก่ประเทศคู่ค้าได้ เช่น กำหนดให้ประเทศผู้ส่งออกต้องซื้อคาร์บอนเครดิต เพื่อชดเชยความต้องการการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในขบวนการผลิต ซึ่งตนเองปล่อยในอัตรามากกว่าประเทศที่นำเข้า
ก็ดูเหมือนว่าผลประโยชน์ดังกล่าวจะถูกเอนเอียงไปทางสหรัฐฯ ประเทศผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดของโลก และในฐานะประเทศที่ยังยึกยักกับสนธิสัญญาลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจนถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทั่วโลกมาแล้ว
ซึ่งก็มีบางกลุ่มอ้างว่าโลกร้อนนั้นเกิดจากวัฏจักรการเปลี่ยนแปลงของสภาพโลกตามธรรมชาตินั่นเอง แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า การบริโภคในยุคบริโภคนิยม นำไปสู่การผลิต การบริโภค และเพิ่มขยะ ออกมาอย่างมหาศาล กระบวนการผลิตจนถึงการย่อยสลาย ล้วนต้องใช้พลังงานและก่อให้เกิดก๊าซของเสีย รวมถึงความร้อนออกมาสู่โลก ก็ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ปัจจุบัน คำว่า ภาวะโลกร้อน หรือ Global warming โดยมองไปเป็น "การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ" มีความหมายถึงการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิในทุกช่วงเวลาของโลก
นั่นก็รวมทั้งเหตุการณ์ปรากฏการณ์โลกเย็นด้วย โดยทั่วไป คำว่า "ภาวะโลกร้อน" จะใช้ในการอ้างถึงสภาวะที่อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้นในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา
และมีความเกี่ยวข้องกระทบต่อมนุษย์ ในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC)
ใช้คำว่า “การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ” (Climate Change) สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆของมนุษย์
และใช้คำว่า "การผันแปรของภูมิอากาศ" (Climate Variability) สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเหตุอื่น
ส่วนคำว่า “ภาวะโลกร้อนจากกิจกรรมมนุษย์” (anthropogenic global warming) มีที่ใช้ในบางคราวเพื่อเน้นถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเหตุอันเนื่องมาจากมนุษย์
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
ปุ๋ยล็อตใหญ่ ไปชายแดนเกือบ 3,000 นาย
ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติด
ช็อกวงการมวย! “ตะวันฉาย” ขาหักหลังพ่าย TKO ยกแรก
ทายตัวตนของคุณ จากดอกไม้ที่คุณชอบ
คลังเขมรเกลี้ยง ฮุนเซน ขอเงินเดือนเอกชน 5% อ้างช่วยชาติ
กองทัพภาค.2 ยึดเงินสด 11 ล้าน ทอง 3 ล้าน แอบซ่อนโกดัง ช่องสะงำ
ทหารกัมพูชา ใช้สไนเปอร์ หวังลอบยิง ผบ.ทหารเรือ
เขมรมาแปลก! อ้าง "ทหารไทย" ใช้หมาบ้ามาโจมตีทหาร หวั่นมีเชื้อพิษสุนัขบ้า
หมกปลาซิวแก้ว วิธีปรุงอาหารแบบชาวภูไท
ทหารกัมพูชา ใช้สไนเปอร์ หวังลอบยิง ผบ.ทหารเรือ
แมงมุมกระโดดเลียนแบบมด ที่หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นมด
เขมรมาแปลก! อ้าง "ทหารไทย" ใช้หมาบ้ามาโจมตีทหาร หวั่นมีเชื้อพิษสุนัขบ้า
11 เคล็ดลับการดูแลสุขภาพพื้นฐานตามศาสตร์แพทย์แผนจีน
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
แมงมุมกระโดดเลียนแบบมด ที่หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นมด
เด็กสาวคอโค้ง 90 องศา จากปากีสถาน สู่รอยยิ้มครั้งใหม่หลังการผ่าตัดในอินเดีย
ภาพวาดดินสอดำของเด็กอนุบาล เสียงตะโกนเงียบ ๆ ที่ผู้ใหญ่ต้องฟังให้ได้
เพื่อนชิ่งบิล 1,262 หยวน ทิ้งให้ “นายจาง” จ่ายคนเดียว เรื่องจริงที่สอนว่า กินข้าวต้องมีสติ ไม่ใช่แค่สั่งเมนู







