“Pederasty” ระบบอุปถัมภ์แบบกรีก กับความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเด็กหนุ่ม
ในยุคกรีกโบราณการมีความสัมพันธ์ระหว่างชาย-ชาย ถือเป็นเรื่องปกติมากๆในยุคสมัยนั้น ซึ่งเรียกว่า "Pederastic Relationships" หรือ "เปเดรัสตี" (Pederasty) แปลตรงตัวตามภาษากรีกว่า “ผู้รักเด็กชาย”
1.แล้วมีแต่เรื่องเซ็กส์หรอ ?
ก็ไม่ใช่ซะทั้งหมด..แต่มันเหมือนระบบอุปถัมภ์โดยชายที่เป็นผู้ใหญ่กว่า โดยอยู่อายุระหว่าง 20-40 ปี จะจับคู่กับเด็กชายวัยรุ่นอายุระหว่าง 12-18 ปี จากนั้นชายผู้นั้นก็จะเป็นผู้ดูแลเด็กชายในลักษณะเป็นที่ปรึกษา (Mentor) สอนเรื่องต่างๆ แก่เด็กที่รับมาอุปถัมภ์ เช่น การดำเนินชีวิต การเข้าสังคม เรื่องวิชาการ และรวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย
2.แล้วใครรุกใครรับ ?
ฝ่ายชายที่เป็นผู้ใหญ่กว่าจะเรียกว่า "อีราสเตส" (Erastes) ส่วนฝ่ายเด็กชายที่ได้รับการดูแลจะถูกเรียกว่า "อีโรเมนอส" (Eromenos) ฝ่ายอีราสเตสที่เป็นผู้ใหญ่จะดูแลเรื่องวิชาการ รวมถึงการดำเนินชีวิตของเด็กชายแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งคือ การมีสัมพันธ์ทางเพศ
โดยฝ่ายอีราสเตสจะเป็นผู้แสดงออก ส่วนฝ่ายอีโรเมนอสจะเป็นฝ่ายรับ หรือสนองตอบการแสดงออกนั้น แต่มักเป็นการแสดงออกกิจกรรมกันภายนอกเท่านั้น โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่ล่วงล้ำภายในของกันและกัน โดยเฉพาะกับฝ่ายรับ เพื่อรักษาศักดิ์สรีความเป็นชายของเขาไว้ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรยืนยันว่า..แต่ละคู่จะรักษาขนบธรรมเนียมนี้แบบเคร่งครัด (คงอาจจะมีบางคู่ที่ล่วงล้ำกัน)
3.แล้วเมื่อฝ่ายเด็กชายโตล่ะ ?
เมื่อฝ่ายเด็กชาย (อีโรเมนอส) เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ความสัมพันธ์แบบนี้จะต้องยุติลง เพราะความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ด้วยกันนั้นถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ยกเว้นถ้าจะซื้อทาสมาบำเรอกาม อันนี้ถือว่าไม่ผิด
ซึ่งช่วงที่เด็กชายเข้าสู่ระบบแบบ "เปเดรัสตี" มันก็เหมือนช่วงเวลาเดียวกับที่เด็กหญิงชาวกรีกสามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ เพราะสามีเป็นชายที่เป็นผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า ซึ่งหมดพันธะหรือจบสถานะการเป็นอีโรเมนอสแล้ว
4.รักร่วมเพศในกรีกไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ
วัฒนธรรมกรีกโบราณให้ความสำคัญ กับรูปร่างความงดงามของเพศชายอย่างมาก การรักร่วมเพศในสังคมกรีกเลยไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ เว้นเสียแต่จะสร้างปัญหากับการแต่งงานหรือการสืบทอดบุตรหลาน ระบบนี้สามารถส่งต่อจากผู้ใหญ่มาสู่เด็กชายผ่านอวัยวะเพศและน้ำกาม จากนั้นเด็กชายก็จะเติบโตและมีครอบครัวตามปกติ และเมื่อเด็กชายโตเป็นผู้ใหญ่ เขาก็สามารถรับเด็กชายมาดูแลได้เช่นกัน (เหมือนรุ่นพี่ส่งต่อรุ่นน้อง)
5.ระบบนี้เริ่มจากที่ไหน ?
ระบบเปเดรัสตีของกรีกโบราณนี้ นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า..พัฒนาเกิดขึ้นมาในอารยธรรมต้นกำเนิดที่ "เกาะครีต" (Crete) โดยเริ่มแรกเพื่อประโยชน์ทางการทหาร ประมาณว่าทหารอาวุโสอบรมและฝึกฝนทหารน้องใหม่ และเพื่อบูชาลัทธิ "เทพซูส" (Zeus) ซึ่งเป็นเทพเจ้าสูงสุดในตำนานปรัมปรากรีก เพราะซูสไม่ได้ข้องเกี่ยวแต่สตรีเท่านั้น แต่เขาก็รักใคร่กับมนุษย์ผู้ชายรูปงามนามว่า "แกนีมีด" (Ganymede) ด้วย
6.เริ่มตั้งแต่ศตวรรษไหน ?
จากหลักฐานเก่าแก่ของอารยธรรมกรีก อย่างมหากาพย์ของโฮเมอร์ (Homeric epics) ไม่ได้ยืนยันระบบนี้ แต่เชื่อว่าระบบนี้น่าจะพัฒนาขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 7 ก่อนคริสตกาล พร้อมกับวัฒนธรรมรักร่วมเพศในสังคมกรีก
ก่อนจะนิยมอย่างชัดเจนใน "นครเอเธนส์" (Athens) ยุคศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล โดยมีหลักฐานจากงานศิลปะ และภาพวาดเปลือยของเพศชาย, งานเลี้ยงสังสรรค์, การเล่นดนตรี, การเต้นรำ รวมถึงกิจกรรมแนบชิดระหว่างเพศชาย
7.การส่งต่อระบบนี้
ถูกส่งต่อมายังสมัยโรมันที่ได้รับอารยธรรมกรีกมาแบบเต็มๆ แต่ชาวโรมันใช้ในการอุปถัมภ์แบบครูและลูกศิษย์ หรือแบบพ่อ-ลูกมากกว่าการเป็นคู่รักกัน
8.ตำนานรักของจักรวรรดิโรมัน
โดยมีเรื่องราวระหว่าง "จักรพรรดิเฮเดรียน" (Hadrian) แห่งโรมันที่รับเอา "แอนทิโนอุส" (Antinous) เด็กหนุ่มชาวกรีกมาอุปถัมภ์ในระบบเปเดรัสตี แต่พวกเขามีความสัมพันธ์ทางเพศกันแบบลึกซึ้ง
(อยากรู้เรื่องราวก็สามารถอ่านได้จากกระทู้นี้ https://board.postjung.com/1427009)
9.ถือเป็นธรรมเนียมที่ยึดถือกันมา
นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันนามว่า "ซาราห์ อิลส์ จอนห์นสตัน" (Sarah Iles Johnston) กล่าวว่า..ระบบเปเดรัสตี เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในกรีซ ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบรรลุนิติภาวะของผู้ชาย
แต่มาในยุคปัจจุบันต่างก็มองกันหลากหลายแง่มุม ในเชิงศีลธรรมระบบแบบนี้ ถือเป็นการล่วงละเมิดสิทธิเด็กและเยาวชนหรือไม่ ? แต่ทั้งนี้ความสัมพันธ์แบบนี้ก็มีบทบาทในระบบสังคม และการศึกษาของกรีกโบราณอย่างแน่นอน
เพราะชนชั้นสูงชาวกรีกยึดถือว่าระบบนี้เป็นมารยาททางสังคมที่ควรปฎิบัติ ส่วนกิจกรรมทางเพศนั้นขึ้นอยู่ที่แต่ละบุคคลหรือแต่ละคู่ ว่าจะปฎิบัติต่อกันในระดับใดก็สุดแล้วแต่คู่นั้นๆ
ขอบคุณภาพจาก : google