การสู้รบระหว่างประเทศครั้งแรกของไทยหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง
ที่บริเวณพื้นที่ชายแดนไทยและกัมพูชา โดยเฉพาะในเขตจังหวัดศรีสะเกษ
ถือเป็นพื้นที่ที่มีความขัดแย้งกันมาอย่างยาวนานแล้ว
และเมื่อไม่กี่ปีก่อน ก็ได้เกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต
และเกิดความเสียหายขึ้นมากมายในพื้นที่ทั้งสองประเทศ
เหตุการณ์นี้คือ 'ข้อพิพาทเรื่องเขตแดนกัมพูชา-ไทย'
หรือ Cambodian–Thai border dispute
เป็นความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทยเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ในพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร
ซึ่งเป็นวัดฮินดูที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนระหว่างสองประเทศ
เกิดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายน 2554 ถึงเดือนธันวาคม 2554
ความขัดแย้งเกิดขึ้นจากการที่กัมพูชายื่นคำร้องต่อองค์การยูเนสโก (UNESCO)
ให้ปราสาทพระวิหารประกาศเป็นมรดกโลก
ซึ่งไทยไม่เห็นด้วยเพราะเชื่อว่าที่ดินโดยรอบเป็นพื้นที่พิพาท
ในปี พ.ศ. 2551 ทั้งสองประเทศส่งกำลังทหารไปที่ชายแดน
และเกิดการปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่าย สถานการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นในปี 2554
เมื่อการสู้รบปะทุขึ้นระหว่างกองทัพทั้งสอง ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสองฝ่าย
ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
ได้ออกคำสั่งชั่วคราวให้ทั้งสองฝ่ายถอนกำลังเจ้าหน้าที่ทหารออกจากพื้นที่โดยรอบปราสาทโดยทันที
หลังจากคำตัดสินของ ICJ ทั้งสองประเทศได้ถอนทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าว
และความตึงเครียดระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ผ่อนคลายลง
ในปี 2556 ศาลโลกตัดสินให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา
แต่กรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยรอบยังคงมีข้อโต้แย้ง
แม้จะมีคำตัดสินของศาลโลก แต่ความตึงเครียดระหว่างกัมพูชาและไทยยังคงอยู่ในระดับสูง
และมีการปะทะกันประปรายในช่วงหลายปีที่ผ่านมานับตั้งแต่เกิดความขัดแย้ง
ข้อพิพาทยังคงไม่ได้รับการแก้ไข และทั้งสองประเทศ
ยังคงอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของพื้นที่โดยรอบพระวิหารอยู่จนถึงปัจจุบัน
ภายในระยะเวลาของกรณีความขัดแย้งนี้
มีรายงานผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย ในประเทศไทย
และอย่างน้อย 21 ราย ในประเทศกัมพูชา
ถือเป็นเหตุการณ์การสู้รบระหว่างประเทศ
ครั้งแรกและครั้งเดียวของไทย หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง