พฤติกรรม “รักร่วมเพศ” เป็นสิ่งที่พบเห็นได้มากมายในยุคกรีกโบราณ.ข้อเท็จจริงนี้ทำให้ชาว LGBTQ ทั้งหลายพยายามยกให้เห็นการเป็นที่ยอมรับของพฤติกรรมรักร่วมเพศในอดีตเพื่อมาแย้งกับค่านิยมที่ต่างออกไปในปัจจุบัน และหลาย ๆ คนก็ถึงกับวาดภาพว่ากรีกโบราณคือสวรรค์ของชาวเกย์ด้วยซ้ำ
ในความเป็นจริงแล้ว เพศวิถีของคนกรีกโบราณเป็นประเด็นร้อนที่นักวิชาการที่ศึกษายุคคลาสสิกถกเถียงกันมาหลายสิบปี แต่ในปัจจุบันนี้ สิ่งที่ยอมรับร่วมกันพอสมควร พอสรุปได้ดังนี้คือ
1. ผู้ชายกรีกโบราณไม่ใช่ “เกย์” ในความหมายปัจจุบัน แต่เป็นพวกที่ร่วมเพศกับอะไรก็ได้ หญิงก็ได้ ชายก็ดี ผู้ใหญ่ก็ได้ เด็กก็ดี หรือจะเป็นสัตว์ก็ยังได้
นิยามนี้ ต่างจากเกย์ในปัจจุบัน ที่จะนิยามว่าเป็นเฉพาะชายรักชายเท่านั้น ไม่รวมคนกับสัตว์ ในปัจจุบันความหลากหลายของเกย์มีมากกว่าในอดีต จึงเห็นนิยามที่แตกออกไปหลายอย่าง เช่น เกย์คิง เกย์ควีน เกย์โบท เกย์ไบเซกชวล (ชอบทั้งชายและหญิง) ในบางตำรา เกย์ยังรวมพวกเลสเบี้ยน หรือ หญิงรักหญิง เข้าไปด้วย
2. รสนิยมทางแบบชายรักชายมีอยู่จริงในสมัยกรีกโบราณ แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะได้รับการเชิดชู และบทบาทของ “ฝ่ายรุก” กับ “ฝ่ายรับ” ไม่เหมือนกัน และผู้ที่เป็น “ฝ่ายรับ” นั้นถือว่าเป็นผู้ที่ต่ำต้อยน่าดูถูก สำหรับคนกรีกโบราณ การเป็นชายชาตรีต้องเป็นฝ่ายรุกเท่านั้น การเป็นฝ่ายรับคือการสูญเสียศักดิ์ศรีความเป็นชาย
ต่างจากสมัยปัจจุบัน การเป็นเกย์ ได้รับการยอมรับไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด เป็น"ฝ่ายรุก" หรือ"ฝ่ายรับ" ยุคปัจจุบันคำนึงถึงความเท่าเทียมกันทางเชื้อชาติ ศาสนา และความเม่าเทียมกันทางเพศด้วย เพศวิถีที่แตกต่างถือว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ และเป็นเรื่องธรรมดาในฐานะปัจเจกชน เป็นเรื่องส่วนตัว เรื่องของใครเรื่องของมัน
3. กรีกโบราณ คือการพูดรวมถึงสังคมที่หลากหลาย แต่ละนครรัฐมีวัฒนธรรมที่ต่างกันรวมถึงค่านิยมทางเพศด้วย เช่น คนสปาร์ตาที่บ้าความเป็นชายชาตรีก็จะมีคติทางลบกับพฤติกรรมรักร่วมเพศระหว่างชายด้วยกันมากกว่านครรัฐอื่น ๆ คนเอเธนส์ค่อนข้างจะเปิดกว้างกว่าคนสปาร์ตา แต่สำหรับคนเอเธนส์เอง พฤติกรรมรักร่วมเพศระหว่างชายกับชายก็ต้องมีลิมิต มันจำกัดอยู่แค่ระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กหนุ่มเท่านั้น โดยผู้ใหญ่ก็จะต้องเป็น “ฝ่ายรุก” ส่วนเด็กก็จะต้องเป็น “ฝ่ายรับ” เท่านั้น นอกจากนี้ คนรักร่วมเพศนั้นจะแต่งงานอยู่กินกันไม่ได้
ต่างจากเกย์ในยุคปัจจุบัน ที่มีการยอมรับอย่างแพร่หลายในทุกสังคม โดยเฉพาะสังคมเมืองใหญ่ การแสดงออกทางเพศของเกย์ตามท้องถนนได้รับการยอมรับมากขึ้น การใช้ชีวิตอยู่แบบสามีภรรยาในของเกย์ในยุคปัจจุบันมีมากขึ้น
ในประเทศไทย กรุงเทพ พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต จะเห็นภาพชายสองคนจูงมือกันเป็นเรื่องปกติ ในต่างประเทศ อย่างในเมือง ลอส แองเจลิส ซานฟรานซิสโก โคเปนเฮเกน นิวซีแลนด์ โทรอนโต เบอร์ลิน บาร์เซโลน่า นิวยอร์ค ซีดนีย์ แอฟริกาใต้ และอีกหลายเมืองทั่วโลก กลายเป็นเมืองที่การแสดงออกและอยู่ร่วมกันของเกย์สองคนเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ตามกฎหมาย