I Decided to Live as Myself ฉันจะมีชีวิตในแบบของตัวเอง
คนเรามักใส่ใจความสำเร็จในชีวิตของคนอื่นพอๆกับชีวิตตัวเอง อยากรู้อยากเห็นว่าคนอื่นเขาบินไปได้ไกล ไปได้สูงแค่ไหน ซึ่งมันทำให้เราเป็นทุกข์โดยไม่จำเป็นเลย เราควรให้ความสำคัญกับชีวิตตนเองเป็นหลักดีกว่าเศร้า..ที่รู้ว่าคนอื่นก้าวหน้าไปได้ไกลกว่าตัวเราแล้ว มันเป็นการเปรียบเทียบชีวิตเขาชีวิตเราที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย
Kim Suhyun ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้จะมาถ่ายทอดแนวคิดในการใช้ชีวิตโดยไม่ยึดติดกับความก้าวหน้าของคนอื่นมากจนเกินไป เพราะตัวเราเองก็มีเหตุปัจจัยของเราเอง เขาก็มีเหตุปัจจัยในแบบของเขาเช่นกัน ทำการแปลและเรียบเรียงโดย พัชรางสุ์
เนื้อหาภายในเล่ม
- Part 1 to do list เพื่อการมีชีวิตที่ให้เกียรติตัวเอง
- Part 2 to do list เพื่อการใช้ชีวิตที่เป็นตัวของตัวเอง
- Part 3 to do list เพื่อการปล่อยวางจากความกังวล
- Part 4 to do list เพื่อการใช้ชีวิตร่วมกัน
- Part 5 to do list เพื่อโลกที่ดีขึ้น
- Part 6 to do list เพื่อชีวิตที่ดีและชีวิตที่มีความหมาย
ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์
- ได้เรียนรู้ว่าแม้โลกจะทำให้ตัวตนของเราดูไร้ค่า แต่เราก็ต้องเคารพตัวเองและมีชีวิตในแบบที่ตัวเองเป็น การที่เราสอดส่องชีวิตคนอื่นเพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็น โดยเราจ่ายค่าตอบแทนเป็นความทุกข์ที่เห็นคนอื่นก้าวหน้าไปได้ไกลกว่าตัวเองมาก เท่ากับว่าที่อยากรู้อยากเห็นไม่มีประโยชน์เลย เราน่าจะเอาสิ่งที่ได้รู้ว่าเป็นแรงกระตุ้นในการพัฒนาตัวเองดีกว่า ชีวิตของเราสำคัญกว่าชีวิตคนอื่นที่โพสต์ให้เห็นเพียงไม่กี่รูป
- ได้เรียนรู้ว่าคนเราแม้จะมีเงินน้อย แต่ถ้าใช้ชีวิตอย่างเต็มที่และถูกต้อง คนคนนั้นก็ควรมีความรู้สึกภาคภูมิใจในชีวิตของตัวเอง ถือเป็นความจนที่ไม่น่าอับอาย
- ได้เรียนรู้ว่าเรามองชีวิตคนอื่นแค่ภายนอก แล้วเดาแนวโน้มถึงคนคนนั้น ซึ่งภาพในใจที่เรามองนั้นไม่ใช่ภาพจริงทั้งหมด เช่นเดียวกับภาพของเราในสายตาคนอื่นก็ไม่ใช่ความจริงทั้งหมด แต่ละคนต่างมีบาดแผลและความขาดแคลนแตกต่างกันไป ไม่มีชีวิตของใครไร้ซึ่งความเจ็บปวด
- ได้เรียนรู้ว่าถ้าเหนื่อยแล้วแกล้งทำเป็นไม่เหนื่อย สุดท้ายความรู้สึกที่มีต่อตัวเองจะพังทลาย ความรู้สึกอื่นๆก็เสียตามไปด้วย แต่เรามักไม่รู้ตัวว่าเรากำลังเผชิญวิกฤติอยู่ แม้ไม่มีใครเข้าใจ พูดไปแล้วสถานการณ์ไม่ดีขึ้น แต่ถ้าเหนื่อยก็ต้องบอกว่าเหนื่อย ทนไม่ไหวก็ต้องรู้จักหยุดพัก ไม่มีใครเข้มแข็งได้เสมอ ไม่มีใครดูแลเราได้ดีเท่ากับตัวเราเองแค่ไม่ละเลยจนไร้ความรับผิดชอบต่อตัวเองก็พอ
- ได้เรียนรู้ว่าความสัมพันธ์ที่ล้ำเส้นไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดี คำว่าเพื่อนไม่ใช่ใบเบิกทางไปสู่การล้ำเส้น ต่อให้สนิทกันแค่ไหนก็ไม่ควรก้าวก่ายพื้นที่ของกันและกัน ความสัมพันธ์ที่ดีคือความสัมพันธ์ที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน
- ได้เรียนรู้ว่าคนที่ใช้ชีวิตแต่ละวันราวกับเครื่องจักร แม้จะอายุยืน 80 ปี ก็ถือว่าเขาอายุสั้นมาก การมีชีวิตจริงๆต้องไม่ขลุกอยู่กับสิ่งเดิมๆ แต่ต้องหาโอกาสไปเจอสิ่งใหม่ๆที่อยู่รอบตัว
- ได้เรียนรู้ว่าแม้แต่ความเหนื่อยของเรากับของคนอื่นไม่เท่ากัน ดังนั้น ปัญหาที่เหมือนจึงมีวิธีการรับมือที่แตกต่างกัน
- ได้เรียนรู้ว่าหยุดการวิจารณ์ตัวเองที่ทำให้ตัวเองทรมานและหยุดการตำหนิตัวเองโดยไม่จำเป็น แล้วยอมรับตัวเองในแบบที่เป็นอยู่ สิ่งที่เราต้องทำคือเข้าใจตัวเอง เลือกวิถีชีวิตที่เหมาะกับตัวเอง และรู้จักเคารพตัวเอง ต่อให้ไม่มีใครเข้าใจ อย่างน้อยเราต้องเข้าใจตัวเอง
ส่วนตัวครีเอเตอร์มองว่าการชื่นชมความสำเร็จของคนอื่นด้วยใจจริงเป็นเรื่องที่ดี มันเอื้อให้จิตใต้สำนึกรับความรู้สึกที่ดีของความสำเร็จว่าเราเป็นได้อย่างเขาถึงจะมีความสุขนะ แต่การที่ไปเปรียบเทียบชีวิตเราชีวิตเขาแล้วตัดสินใจว่าน่าอิจฉาเหลือเกิน เราคงทุกข์ใจอย่างมากที่ในตอนนี้เรายังไม่ได้มีอย่างที่เขามี ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาเป็น ณ ตอนนี้ เดี๋ยวนี้