สมเด็จพระจักรพรรดิองค์สุดท้าย ในประวัติศาสตร์ราชวงศ์ของจีน
Puyi (ผู่อี๋)
หรือ สมเด็จพระจักรพรรดิผู่อี๋
หรือที่รู้จักกันในชื่อ Henry Pu Yi เป็นจักรพรรดิองค์สุดท้ายของจีน
เป็นผู้ปกครองคนที่สิบสองและคนสุดท้ายของราชวงศ์ชิง
พระราชสมภพเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 1906 เสด็จขึ้นครองราชย์
เมื่อพระชนมายุเพียง 2 พรรษา หลังจากการสละราชสมบัติของจักรพรรดิกวงซู
ผู้เป็นลุง เนื่องจากอายุยังน้อย รัชสมัยของ Puyi
จึงได้รับอิทธิพลอย่างมากจากผู้สำเร็จราชการและผู้มีอำนาจในราชสำนัก
รัชสมัยของผู่อี๋มีอายุสั้น เนื่องจากราชวงศ์ชิงถูกโค่นล้มในปี 1911
ระหว่างการปฏิวัติซินไฮ่ ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดของการปกครองของจักรวรรดิ
และการก่อตั้งสาธารณรัฐจีน ผู่อี๋สละราชบัลลังก์ในปี 1912
ซึ่งเป็นการสิ้นสุดราชวงศ์ชิงอย่างเป็นทางการ
แม้จะสูญเสียตำแหน่งจักรพรรดิ แต่ Puyi ก็ยังคงมีบทบาทสำคัญ
ในประวัติศาสตร์จีน ในปี 1932 เขาได้รับแต่งตั้งเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิด
ของรัฐแมนจูกัวที่ญี่ปุ่นควบคุมอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาได้ร่วมมือกับทางการญี่ปุ่น
หลังจากความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นในปี 1945 ผู่อี๋ถูกกองทัพโซเวียตจับตัว
และส่งมอบให้กับทางการจีน เขาถูกพิจารณาคดีจากการร่วมมือกับชาวญี่ปุ่น
และถูกตัดสินจำคุกสิบปี หลังจากได้รับการปล่อยตัว Puyi ได้ผ่านช่วงเวลา
แห่งการศึกษาซ้ำและทำงานเป็นคนสวนในสวนพฤกษศาสตร์ของกรุงปักกิ่ง
เรื่องราวชีวิตของ Puyi ได้รับความสนใจจากนานาชาติ
เมื่อถูกนำไปแสดงในภาพยนตร์เรื่อง "The Last Emperor" ในปี 1987
ที่กำกับโดย Bernardo Bertolucci ภาพยนตร์เรื่องนี้บรรยายถึงชีวิตในวัยเด็ก
รัชสมัย และประสบการณ์ที่ตามมา ฉายให้เห็นช่วงเวลาอันยุ่งเหยิง
ของประวัติศาสตร์จีนในช่วงปลายราชวงศ์ชิงและต้นศตวรรษที่ 20
Puyi สวรรคตเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 1967 (61 ปี)
ชีวิตของเขายังคงเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์จีน
ที่ซับซ้อนและน่าสนใจ ซึ่งสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลง
จากการปกครองของจักรวรรดิไปสู่การปกครองสมัยใหม่