หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

นางพญาอั้วเชียงแสน ผู้ยอมถูกประณามว่า เป็นชู้รักนิรันดร์กาล

โพสท์โดย ประเสริฐ ยอดสง่า

คงไม่มีตำนานรักใด จะสร้างความอมตะ ยิ่งไปกว่ารักสามเส้าสี่เส้า ของ “นางพญาอั้วเชียงแสน” ราชินีแห่งแคว้นพะเยา นี้อีกแล้ว เป็นพิศวาสนาฏกรรม ที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เหตุเพราะชู้รักของนางอั้วเชียงแสน เป็นถึงกษัตริย์ที่ียิ่งใหญ่ที่สุดองค์หนึ่ง ของกรุงสุโขทัย นั่นคือพ่อขุนรามคำแหงมหาราช

ปูมหลังแห่งแม่นาง “อั้ว” คําว่า “อั้ว” นี้ ไม่ใช่ชื่อเฉพาะ แต่เป็นคำระบุ ให้เห็นปูมหลังเดิมว่า เป็นเจ้าหญิงจากแว่นแคว้นไหน อันเป็นธรรมเนียมการเรียกชื่อสตรีล้านนา ในเขตลุ่มน้ำโขง กก อิง ยม ตั้งแต่เชียงราย-เชียงแสน-พะเยา ไปจนถึงสิบสองปันนา เช่น “อั้วมิ่งจอมเมือง” เป็นราชธิดา ของเจ้าเมืองเชียงรุ่ง มีฐานะเป็นพระราชชนนี ของพระญามังราย หรือ “อั้วมิ่งเวียงไชย” เป็นพระมเหสีของพระญามังราย สืบเชื้อสายมาจากเวียงไชยปราการ เช่นเดียวกับ “อั้วเชียงแสน” ราชธิดาของกษัตริย์เชียงแสน อันที่จริง พระนางมีนามว่า “สิม” ตำนานบางเล่ม จึงเรียกอีกชื่อว่า “นางอั้วสิม” ผู้เป็นพระมเหสีของพระญางำเมือง

ส่วนพระญางำเมือง เป็นกษัตริย์เมืองพะเยา หรือภูกามยาว (ผายาว) มีศักดิ์เป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกับพระญามังราย กษัตริย์เชียงราย (หิรัญนครเงินยาง) ทั้งคู่ประสูติปีเดียวกัน ประมาณ พ.ศ.1781-1782 จึงถือว่าเป็นสหชาติกัน

เหตุที่มีนามว่า “งำเมือง” นั้น เป็นเพราะมีอิทธิฤทธิ์ ไม่ต่างจากพระร่วงเจ้า เสด็จไปทางไหน แดดก็ไม่ร้อน ฝนก็ไม่เปียก สามารถเสกท้องฟ้า ให้ปกงำ บดบังเมฆได้ เพราะร่ำเรียนวิชชาอาคม มาจากสำนักเขาสมอคอล (บ้างเรียกดอยด้วน บ้างเรียกสำนักสุกกะทันตะฤษี) กรุงละโว้ โดยมีพระร่วงเป็นเพื่อนร่วมสำนัก แล้วเหตุไฉน เพื่อนเราจึงมาเผาเรือน ริเป็นชู้กับนางพญาอั้วเชียงแสนได้ เรื่องนี้มีนัยยะทางการเมืองซ่อนเร้นหรือไม่ ฤๅแค่ทั้งสอง มีจิตสนิทสิเนหาต่อกัน ฉันชู้สาวเท่านั้น?

ชู้ทางใจ หรือชู้การเมือง น่าแปลกใจที่เรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ ระหว่างนางอั้วเชียงแสนกับพระร่วง ถูกบันทึกไว้อย่างเปิดเผย ในเอกสารโบราณหลายฉบับ ราวกับเป็นเรื่องปกติสามัญ แสดงว่า คนในอดีตมองว่าเหตุการณ์ตอนนี้มีความสำคัญ หาใช่เป็นแค่เรื่องให้มานั่งเม้าธ์มอยอย่างเมามันไม่

ปฐมเหตุ เกิดจากการที่พระร่วง คิดถึงสหายเก่าร่วมสำนัก จึงได้เดินทางไปรดน้ำดำหัวพระญางำเมืองที่พะเยา แถบลุ่มแม่น้ำโขง ในวันสงกรานต์ แสดงว่า อาณาเขตของพะเยาครั้งนั้น กว้างใหญ่ไพศาล จนจรดแม่น้ำโขง น่าจะสร้างความสะพรึงกลัว ให้แก่พระญามังราย ที่มีเขตแดนชนกันไม่น้อย

สอดรับกับข้อความ ในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง ที่กล่าวว่า “น้ำในตระพังโพยสีใสรสกินดีเหมือนดั่งกูกินโขงเมื่อแล้ง”

ชัดเจนว่า พ่อขุนรามคำแหง เคยมาดื่มชิมน้ำในแม่น้ำโขงคราวหน้าแล้ง ซึ่งก็ตรงกับเดือนเมษายน ถึงได้สามารถพรรณนา เปรียบเทียบรสชาติน้ำจากแม่โขง กับที่สระตระพังโพย ในกรุงสุโขทัย ว่ามีรสชาติดีพอๆ กัน

ระหว่างนั้นพระร่วง ได้พบกับนางอั้วเชียงแสน ผู้มีรูปโฉมงามล้ำ บาดตาบาดใจ จึงเกิดจิตปฏิพัทธ์รักใคร่ นางอั้วเชียงแสน ได้ทำแกงถวายพระญางำเมือง ไม่รู้ว่ากำลังหงุดหงิดอะไรอยู่หรือเปล่า ชิมได้เพียงคำเดียวก็วางช้อน บ่นว่า “น้ำแกงมากไปหน่อย รสชาติจืดชืดไม่เข้มข้น”

ในขณะที่พระร่วง รีบเข้าไปปลอบประโลม พลางซดน้ำแกงนั้นหมดหม้อ เรื่องเล็กๆ จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ คำตัดพ้อของสวามีนั้น เข้าทางใครบางคน เริ่มด้วยการงอนตุปัดตุป่อง จากนั้น ทุกราตรี ก็ไม่ยอมให้พระญางำเมือง ไปมาหาสู่ด้วย

ตำนานฝ่ายสุโขทัย เขียนตรงไปตรงมาว่า “พระญาร่วงรู้ว่า นางอั้วรักพระองค์ จึงได้เสียกัน” แต่ตำนานฝ่ายพะเยา พรรณนาฉากเข้าพระเข้านางเสียยืดยาวว่า

พระญางำ เมืองเดินทางไปเจรจาศึก เรื่องพรมแดนเมืองกับพระญามังราย พระร่วงบังเกิดกำหนัดรักใคร่ ในสิริโฉมพิไลพิลาส แห่งนางอั้วเชียงแสน จนสุดจะทนไหว จึงลอบปลอมแปลงพระองค์ ให้คล้ายกับพระญางำเมือง เข้าสู่ห้องบรรทม ลักสมัครสังวาสกันนานอยู่หลายคืน เมื่อนางอั้วเชียงแสนรู้ว่า มิใช่พระสวามี ก็มิรู้จะทำฉันใดได้

ตำนานหลายฉบับระบุว่า ลึกๆ แล้ว นางอั้วเชียงแสนเอง ก็มีจิตปฏิพัทธ์ต่อพระร่วง ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย ครั้นพระญางำเมืองกลับมา และทราบเหตุการณ์ จึงจับตัวพระร่วง มัดไว้ในเล้าสุ่มไก่ สั่งยายแก่คนหนึ่งดูแลหาอาหารให้ แต่ละวัน มีเพียงปลาปิ้งตัวเล็กๆ พอประทังกาย เป็นการลงโทษ ให้พระร่วงอับอาย ว่ากำลังถูกสบประมาท

แต่ความแค้นของพระญางำเมือง มิแทบกระอักอกแตกตายยิ่งกว่าดอกหรือ จักฆ่าทิ้งเสียทั้งเพื่อนทั้งเมีย ก็เกรงจักเป็นเวรเป็นกรรมกันไป ถึงภพหน้า คิดอย่างไรก็ปลงไม่ตก จึงเชิญให้พระญามังราย ผู้เป็นญาติ มาช่วยตัดสินคดีความแทน

พระญางำเมืองนี่เอง ที่เป็นสะพานเชื่อมโยง ให้สหายรักชาวสุโขทัย กับญาติสหชาติชาวเชียงรายได้มารู้จักกัน หากไม่มีคดีชู้ครั้งนั้น ยังนึกไม่ออกเหมือนกันว่า พระร่วง จะมาช่วยพระญามังรายสร้างเมืองเชียงใหม่ได้อย่างไร

พระญามังรายจะทำเช่นไรได้ จู่ๆ ต้องมาสวมบทท้าวมาลีวราชว่าความ หากตัดสินลงโทษพระร่วงรุนแรง ก็เกรงว่า ต้องเปิดศึกใหญ่กับทางสุโขทัย เหมือนอยู่ดีๆ ก็แกว่งเท้าหาเสี้ยน ได้ไม่คุ้มเสีย พระญามังรายเห็นว่า ทั้งพระร่วงและพระญางำเมือง ต่างก็มีความรู้ความสามารถ อุตส่าห์ร่ำเรียน จบมาจากสำนักเขาสมอคอลอันลือชื่อ ซึ่งพระญามังรายเอง ยังไม่มีโอกาสศึกษาที่นั่นด้วยซ้ำ สู้หยิบยืมมันสมองของสองสหายมาวางแผนร่วมกันสร้างเมืองเชียงใหม่ มิดีกว่าหรือ

คิดดังนี้แล้ว พระญามังราย จึงให้กษัตริย์ทั้งสอง ขอขมาอโหสิกรรมต่อกัน และเดินหน้าปรองดอง แค่ให้พระญางำเมือง เรียกปรับสินไหมค่าเสียหายจากพระร่วง ตามแต่จะเห็นสมควร เมื่อยอมความกันได้ สามสหายจึงกรีดเลือด ดื่มน้ำสาบานว่า ต่อจากนี้ จักซื่อสัตย์เกื้อกูล ไม่เบียดเบียนกันอีก สถานที่ที่กระทำสัตย์ปฏิญาณ ภายหลังเรียกว่าแม่น้ำอิง เหตุเพราะสามสหาย ได้นั่งอิงหลังกัน ณ ฝั่งแม่น้ำ เดิมชื่อแม่น้ำขุนภู

มีข้อสังเกตว่า บุคคลที่พยายามเปิดเผยเรื่องชู้ๆ คาวๆ ให้เป็นที่ประจักษ์แก่ชาวโลก คือพระญามังราย เพราะปรากฏอย่างละเอียด อยู่ในตอน “พระญามังรายตัดสินคดีชู้พระร่วง” หรือว่าเบื้องหลังของมิตรภาพ ที่แท้แล้ว มีความหวาดระแวงซ่อนอยู่ เพราะต่างก็มีฐานะ เป็นคู่แข่งทางการเมืองกันอยู่ในที

สถานการณ์ ความขัดแย้งเรื่องชู้สาว ระหว่างกษัตริย์สุโขทัย-พะเยา จึงกลายเป็นเครื่องมือ เสริมส่งบารมีอันชอบธรรม ให้แก่พระญามังราย ลอยตัวอยู่เหนือมลทิน เป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่งที่สุด ในบรรดาสามกษัตริย์

โศกนาฏกรรมซ้ำซาก ของสาวงามอั้วเชียงแสน เรื่องราวที่ผู้คนรับรู้ จบลงตรงที่สามสหายกรีดเลือดร่วมสร้างเมืองเชียงใหม่ แต่ชะตากรรมของนางอั้วเชียงแสน หลังจากนั้นเล่า ขมขื่นร้าวรันทดเพียงไร ตัดใจลืมพระร่วงได้หรือไม่ แล้วพระญางำเมือง ยังรักใคร่หลงใหลนาง เหมือนเดิมอยู่ล่ะหรือ

อันที่จริง ก่อนจะเกิดเหตุการณ์นี้ ขอย้อนหลังกลับไปร่วม 20 ปี พระญางำเมือง เคยยกทัพไปตีเมืองปัว และมอบหมายให้นางอั้วเชียงแสน ปกครองอยู่ระยะหนึ่ง เรื่องชู้ๆ ฉาวๆ มักเป็นของคู่กับโฉมงาม วันดีคืนดี “พระญาผานอง” ผู้เป็นราชบุตรของเจ้าเมืองปัวองค์ก่อน ได้รวบรวมกำลัง มายึดเมืองปัวคืน แถมยังจับตัวนางอั้วเชียงแสนเป็นชายาอีก เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นก่อนหน้าที่ีจะเป็นชู้กับพระร่วงแล้ว

ชื่อของนางอั้วสิม หรืออั้วเชียงแสน ปรากฏอยู่ในพงศาวดารเมืองน่าน ภาคที่ 10 ว่าเคยเป็นชู้กับพระญาผานองแห่งเมืองปัว แต่เชื่อว่า ครั้งนั้นพระญางำเมืองคงทำใจได้ ด้วยเป็นเหตุสุดวิสัย อีกทั้งพระญาผานอง ก็อายุคราวลูก คืออ่อนกว่านางอั้วเชียงแสน ร่วม 20 ปี

โศกนาฏกรรมฉากสุดท้าย ของนางอั้วเชียงแสน เกิดขึ้นในช่วงที่พระญางำเมือง ไปช่วยพระญามังราย สร้างเมืองเชียงใหม่อยู่นานหลายเดือน พระญามังรายรู้สึกซาบซึ้งน้ำใจของญาติผู้นี้ จึงได้พระราชทานเจ้าหญิงองค์หนึ่งให้เป็นชายา

ข่าวนี้ รู้แพร่งพรายไปถึงหูของนางอั้วเชียงแสน ทรงโกรธกริ้วเสียพระทัยอย่างรุนแรง ถึงกับสั่งให้เสนาอำมาตย์ จัดขบวนม้าพระที่นั่ง มุ่งหน้าไปยังเชียงใหม่ หมายจักสังหารชายาน้อยนั้นให้ได้ แต่แล้ว ในระหว่างทางนั้น ทนแบกรับความทุกข์ระทมไม่ไหว เสด็จไม่ทันถึงไหน ก็ตรอมใจตายเสียก่อน เมื่อพระญางำเมืองทราบ จึงรีบเสด็จกลับ และนำศพของนางพญาอั้วเชียงแสน มาไว้ที่วัดพระธาตุจอมทองเมืองพะเยา

ไยพระญามังราย จึงกล้าถวายชายาองค์ใหม่ ให้แก่พระญางำเมือง หรือการปูนบำเหน็จสินน้ำใจให้แก่พระญางำเมือง ด้วยสาวงามเช่นนี้ ถือเป็นการช่วยล้างแค้นศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ให้แก่พระญาติที่ถูกย่ำยีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยการมีชู้ถึงสองครั้ง ของนางอั้วเชียงแสน

ไม่ว่าการลอบเป็นชู้กับพระร่วง ของนางอั้วเชียงแสนนั้น จักถูกพระญางำเมืองมองว่า เป็นการทรยศของคน “ตบมือข้างเดียวไม่ดัง” หาใช่เกิดจากความวูบไหว น้อยใจต่อการที่พระองค์ ไม่ชื่นชมในรสแกงอ่อมไม่ ทว่า การสังเวยชีวิตของนางอั้วเชียงแสนครั้งนี้ ก็คือเครื่องพิสูจน์รักอันยิ่งใหญ่ ให้มหาราชงำเมือง ไม่ต้องแบกปมด้อย เรื่องอดีตชู้ของนางอีกต่อไป

ปราชญ์ชาวบ้านเมืองพะเยา ขอความเป็นธรรมให้แก่ดวงวิญญาณของนางอั้วเชียงแสน ผู้ไม่มีสิทธิ์ได้อุทธรณ์ว่า การที่นางยอมเป็นชู้กับพระร่วงนั้น หาใช่เกิดจากกามวิสัยไม่ แต่ทำไปด้วยจิตเสียสละ เหตุที่พระนางมีเลือดเนื้อเชื้อไขชาวเชียงแสน แต่ต้องมาเป็นสะใภ้พะเยา ช่วงนั้น พะเยากับเชียงแสน กำลังเผชิญหน้าห้ำหั่น ยื้อแย่งดินแดนกัน นางจำเป็นต้องทำทุกวิถี ทางเพื่อหาเมืองที่สาม มาคานอำนาจ

การสนิทสิเนหากับพระร่วง ย่อมช่วยทำให้พระญามังราย ยำเกรงบารมี เลิกรุกคืบรังแกพะเยา และพระร่วงเอง ก็ไม่กล้ารุกล้ำ ทั้งพะเยาและเชียงแสน ด้วยเห็นแก่โฉมตรู “นางพญาอั้วเชียงแสน” ผู้ยอมถูกประณามว่า เป็นชู้รักนิรันดร์กาล

 

โพสท์โดย: ประเสริฐ ยอดสง่า
อ้างอิงจาก: แหล่งที่มาของข้อมูล
https://youtu.be/mERUq-h1fq8?si=0YQyf0-NyBH-i8eE
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ขยี้ตาแรง! "นิวเคลียร์" หน้าใหม่เป๊ะเวอร์ ผ่านไป 3 เดือนจำแทบไม่ได้ทำไมสนมเมื่อออกจากวังหลวงจึงมีบุตรยาก? ฮ่องเต้ปูยีเปิดเผยความลับนี้พุทธอภิวรรณ รู้สึกแปลกใจที่นักวิชาการไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีหมอบุญ วนาสินแห่ถาม "หนุ่ม กรรชัย" ลาออกแล้ว"ไวรัลชุดเชียร์ลีดเดอร์คณะพายุ: ชุดหรือศิลปะ?"นักท่องเที่ยวดื่มเหล้าปนพิษในลาว กลายเป็นดราม่าเดือด เมื่อชาวเกาหลีขยี้มุมมองจนต้องร้อง อีหยังวะในประวัติศาสตร์จีน ชีวิตของภรรยาทหารที่เสียชีวิตในสงครามชีวิตจะเป็นอย่างไร?รวมวีรกรรมแก๊งน้ำไม่อาบ! แหกทุกกฎ ตร.ไม่สนลูกใคร จัดหนักทุกรายเจ้าอาวาสหลับลึกเกิน ปลุกกันทั้งวัดก็ยังไม่ตื่น ถึงกับต้องงัดประตูไปช่วย ลูกศิษย์บอกเพราะท่านหูตึงตำรวจท่องเที่ยวช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเรือล่มเขื่อนรัชชประภาเมื่อลูกค้าต่างชาติมาลองลำโพง เปิดเพลงเต้นกันมันจนลืมซื้อเลยน๊ากระหน่ำยิงโคราช!ล่าสุดดับหนึ่งราย!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ในประวัติศาสตร์จีน ชีวิตของภรรยาทหารที่เสียชีวิตในสงครามชีวิตจะเป็นอย่างไร?9 อาหารกินแล้ว 'หน้าเด็ก' ช่วยชะลอความแก่ อาหารต้านริ้วรอย หาทานง่าย ดีต่อสุขภาพ10 พฤติกรรมเสี่ยงที่คุณทำอยู่ทุกวัน โดยไม่รู้ตัวว่าทำลายสุขภาพระยะยาวช็อก! "กงยู" พระเอกสุดฮอตเผยเป็นทายาทรุ่นที่ 79 "ขงจื๊อ"พุทธอภิวรรณ รู้สึกแปลกใจที่นักวิชาการไม่กล้าแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีหมอบุญ วนาสิน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
ตำนานมนุษย์ต่างดาวในวัฒนธรรมทั่วโลกสุดสยอง"ผีโพลงในป่าลึก"ภาพเขียนของรัตนาภรณ์ผีป่าอาถรรพ์:"ผีป่าทมิฬ"
ตั้งกระทู้ใหม่