หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เกสรียะสถูป (KESARIA STUPA) : สถานที่ประดิษฐานบาตร ขององค์สมเด็จพระสัมมนาสัมพุทธเจ้า

โพสท์โดย ประเสริฐ ยอดสง่า

มหาสถูปแห่งเกสรียา เป็นสถูปเดียว กับที่ปรากฏในบันทึกของพระถังซำจั๋ง ที่เคยจาริกแสวงบุญมายังสถานที่แห่งนี้ ท่านได้กล่าวไว้ว่า สถานที่แห่งนี้ เป็นที่ตั้งของพระมหาสถูป ที่ประดิษฐานบาตรของพระพุทธองค์ ที่พระพุทธเจ้า ทรงประทานแก่ชาววัชชี เมืองไวสาลี ที่ตามมาส่งเสด็จพระพุทธองค์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเสด็จไปยังเมืองกุสินารา เพื่อเสด็จดับขันธปรินิพพาน

เมืองเวสาลี หรือ ไวศาลี (อังกฤษ: Vaishali) คือเมืองโบราณในสมัยพุทธกาล มีความสำคัญ ในฐานะที่เป็นเมืองหลวงของคณะเจ้าลิจฉวี ที่มีปกครองแคว้นวัชชี ด้วยระบอบคณาธิปไตยแห่งแรกๆ ของโลก (บ้างก็ว่าด้วยระบอบประชาธิปไตย) เมืองนี้ เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง ในสมัยพุทธกาล เป็นเมืองที่มั่นแห่งสำคัญ ของพระพุทธศาสนาในสมัยนั้น โดยพระพุทธเจ้า เคยเสด็จเยี่ยมเมืองแห่งนี้ในปีที่ 5 หลังการตรัสรู้ ตามการกราบบังคมทูลเชิญ จากเจ้าผู้ครองแคว้น และในช่วงหลังพุทธกาล เมืองแห่งนี้ ได้ตกเป็นของแคว้นมคธ โดยการนำของพระเจ้าอชาตศัตรู พระราชาแห่งเมืองราชคฤห์ และหลังการล่มสลายของราชวงศ์พิมพิสาร ในเมืองราชคฤห์ พระราชาองค์ต่อมา จึงได้ย้ายเมืองหลวงแห่งแคว้นมคธ มายังเมืองเวสาลี ทำให้เมืองแห่งนี้เจริญถึงขีดสุด และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมืองนี้ ได้เป็นสถานที่ทำทุติยสังคายนา ของพระพุทธศาสนา ก่อนที่จะเสื่อมความสำคัญ และถูกทิ้งร้างลง เมื่อมีการย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธ ไปยังเมืองปาฏลีบุตร หรือเมืองปัตนะ อันเป็นเมืองหลวงของรัฐพิหาร ในปัจจุบัน

ปัจจุบันเมืองเวสาลี เป็นซากโบราณสถาน อยู่ที่ตำบลบสาร์ท หรือเบสาร์ท (Basarh-Besarh) ในจังหวัดไวศาลี ที่เขตติดต่อของอำเภอสดาร์ (Sadar) กับฮาจิปูร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการจังหวัด เมืองเวสาลีห่างจากหซิปูร์ 35 กิโลเมตร ห่างจากมุซัฟฟาร์ปูร์ 37 กิโลเมตร โดยอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ ของมุซัฟฟาร์ปูร์

เวสาลี มีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล โดยเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้น ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากแคว้นหนึ่ง ในบรรดา 16 แคว้นของชมพูทวีป มีการปกครองด้วยระบบสามัคคีธรรม หรือคณาธิปไตย ที่สามารถเรียกได้ว่า เป็นการปกครองแบบประชาธิปไตยระบบหนึ่ง คือไม่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ทรงอำนาจสิทธิ์ขาด มีแต่ผู้เป็นประมุขแห่งรัฐ ซึ่งบริหารงานโดยความเห็นชอบจากรัฐสภา ซึ่งจะประกอบไปด้วย เหล่าสมาชิกจากเจ้าวงศ์ต่างๆ ซึ่งรวมเป็นคณะผู้ครองแคว้น ในคัมภีร์พระพุทธศาสนากล่าวว่าเจ้าวงศ์ต่างๆ มีถึง 8 วงศ์ และในจำนวนนี้ วงศ์เจ้าลิจฉวีแห่งเวสาลี และวงศ์เจ้าวิเทหะ แห่งเมืองมิถิลา เป็นวงศ์ที่มีอิทธิพลที่สุด ในสมัยพุทธกาล

ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาที่เวสาลีหลายครั้ง แต่ละครั้ง จะทรงประทับที่กูฏาคารศาลาป่ามหาวันเป็นส่วนใหญ่ พระสูตรหลายพระสูตร เกิดขึ้นที่เมืองแห่งนี้ และที่กูฏาคารศาลานี่เอง ที่เป็นที่ๆ พระพุทธองค์ ทรงอนุญาตให้พระนางมหาปชาบดี โคตมีเถรี พระน้านางของพระพุทธองค์ พร้อมกับบริวาร สามารถอุปสมบท เป็นภิกษุณีได้เป็นครั้งแรกในโลก และในการเสด็จครั้งสุดท้ายของพระพุทธองค์ พระองค์ได้ทรงรับสวนมะม่วง ของนางอัมพปาลี นางคณิกาประจำเมืองเวสาลี ซึ่งนางได้อุทิศถวาย เป็นอารามในพระพุทธศาสนา

พระพุทธองค์ได้ทรงจำพรรษาสุดท้ายที่เวฬุวคาม และได้ทรงปลงอายุสังขารที่ปาวาลเจดีย์ และเมื่อหลังพุทธปรินิพพานแล้วได้ 100 ปี ได้มีการทำสังคายาครั้งที่ 2 ณ วาลิการาม ซึ่งทั้งหมดล้วนอยู่ในเมืองเวสาลี

ในช่วงไม่นานหลังพุทธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า เมืองเวสาลีได้ตกไปอยู่ในอำนาจของแคว้นมคธ โดยการนำของพระเจ้าอชาตศัตรู กษัตริย์แห่งราชคฤห์ คัมภีร์พระพุทธศาสนากล่าวว่า สาเหตุของการเสียเมืองแก่แคว้นมคธเพราะความแตกสามัคคีของเจ้าวัชชี เพราะการยุยงของวัสสการพราหมณ์ พราหมณ์ที่พระเจ้าอชาตศัตรูส่งเป็นไส้สึก  เพื่อบ่อนทำลายภายใน เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูยกกองทัพมายึดเมือง จึงสามารถยึดได้โดยง่าย เพราะไม่มีเจ้าวัชชีองค์ใดต่อสู้ เพราะขัดแย้งกันเอง ทำให้แคว้นวัชชีล่มสลาย และเมืองเวสาลีหมดฐานะเมืองหลวงแห่งแคว้น และตกไปอยู่ในอำนาจของแคว้นมคธ  แต่จากเหตุการณ์ย้ายเมืองหลวงแห่งแคว้นมคธหลายครั้งในช่วง พ.ศ. 70 ที่เริ่มจากอำมาตย์ และราษฎรพร้อมใจกันถอดกษัตริย์นาคทัสสก์แห่งราชวงศ์ ของพระเจ้าพิมพิสารแห่งราชคฤห์ออกจากพระราชบัลลังก์ และยกสุสูนาคอำมาตย์ซึ่งมีเชื้อสายเจ้าลิจฉวี ในกรุงเวสาลีแห่งแคว้นวัชชีเก่า ให้เป็นกษัตริย์ตั้งราชวงศ์ใหม่แล้ว พระเจ้าสุสูนาคจึงได้ทำการย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธ ไปยังเมืองเวสาลีอันเป็นเมืองเดิมของตน ทำให้เมืองเวสาลีมีความสำคัญในฐานะเมืองหลวงอีกครั้ง แต่ทว่าก็เป็นเมืองหลวงได้ไม่นาน เพราะกษัตริย์พระองค์ต่อมา คือพระเจ้ากาลาโศกราช ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุสูนาค ได้ย้ายเมืองหลวงของแคว้นมคธอีก จากเมืองเวสาลีไปยังเมืองปาตลีบุตร ทำให้เมืองเวสาลีถูกลดความสำคัญลงและถูกทิ้งร้าง ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เมืองแห่งนี้ถูกทิ้งร้างอย่างสิ้นเชิงในช่วงพันปีถัดมา

เมืองไวสาลี นับเป็นเมืองหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ทางพระพุทธศาสนา เพราะเป็นเมืองที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จมาประทับ และแสดงธรรมแก่ชาววัชชีหลายครั้ง กล่าวกันว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จประทับคืนสุดท้าย ที่เมืองไวสาลี ภายหลังที่พระองค์ ทรงปลงอายุสังขารว่า พระองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพาน หลังจากนี้ไปสามเดือน ในวันรุ่งขึ้น ทรงลาชาวเมืองไวสาลี เพื่อเสด็จไปยังกรุงกุสินารา

วันที่เสด็จมุ่งหน้า ไปยังกรุงกุสินารานั้น ตามตำนานเล่าว่า ชาวเมืองไวสาลีกลุ่มใหญ่ ได้ตามมาส่งพระพุทธเจ้า และเดินทางไปพร้อมกับพระองค์ โดยปฏิเสธที่จะเดินทางกลับ เมื่อพระพุทธเจ้าพร้อมสาวกและกลุ่มชาวเมืองไวสาลี เดินทางมาถึงนิคมเกสสปุตตะ(Kessaputta) พระพุทธเจ้าทรงเกลี้ยกล่อม ให้ชาวเมืองไวสาลีเดินทางกลับ แต่ดูเหมือนชาวเมืองไวสาลี จะไม่ค่อยสบายใจเท่าไรนัก ดั้งนั้น เพื่อทำให้ชาวเมืองไวสาลีกลุ่มใหญ่ ที่เดินทางมาส่งพระพุทธองค์ เกิดความสบายใจ และพากันเดินทางกลับ พระองค์จึงทรงประทานบาตร เพื่อไว้เป็นที่ระลึกแก่ชาวเมืองไวสาลี และเสด็จมุ่งหน้าสู่กรุงกุสินารา เพื่อเสด็จดับขันธปรินิพพาน

หลังจากพระพุทธเจ้า ได้เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว เชื่อกันว่า ชาวเมืองไวสาลี นำโดยเจ้าลิจฉวี ได้สร้างสถูปขึ้นมา เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับพระพุทธเจ้า พร้อมกันนี้ ได้ประดิษฐานบาตร ที่พระพุทธเจ้าทรงมอบให้ ไว้ในสถูปแแห่งนี้ สถูปแห่งนี้นามว่า “เกสรียะสถูป (Kesaria Stupa)”

ต่อมา สถูปหลังนี้ ได้สูญหายไปทั้งหลัง เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ในปี 1934 ภัยธรรมชาติครั้งนั้น ทำให้สถูปหลังนี้ ฝังอยู่ใต้แผ่นดินมาเป็นเวลานาน จวบจนกระทั่งปี 1998 รัฐบาลอินเดียโดยหน่วยงานสำรวจทางโบราณคดี Archaeological Survey of India (ASI) ได้ทำการขุดหาเจดีย์แห่งนี้ เพื่อสืบค้นร่องรอยประวัติศาสตร์ ทางพระพุทธศาสนา ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยเจริญรุ่งเรือง ณ ดินแดนแห่งนี้ ภายหลังจากการขุดแล้วเสร็จบางส่วน สถูปแห่งนี้ ได้สร้างความตกตะลึง ให้กับเจ้าหน้าที่เป็นอันมาก เพราะมีขนาดใหญ่ จนกล่าวกันว่า เป็นสถูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อเปรียบเทียบกับสถูปทางพระพุทธศาสนา

แหล่งข้อมูลจากเว็บไซด์ http://www.buddhist-pilgrimage.com ได้อธิบายถึงรูปทรง/ความสูง และความกว้างของสถูปแห่งนี้ว่า มีความสูง 104 ฟุต อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะได้รับความเสียหาย จากเหตุการณ์แผ่นเดินไหวครั้งนั้น เชื่อกันว่า ความสูงของสถูปหลังนี้ อยู่ที่ประมาณ 123 ฟุต บางแห่งเชื่อว่า เริ่มแรก สถูปแห่งนี้ สร้างขึ้นที่ความสูงประมาณ 150 ฟุต มีความกว้าง รายรอบวงนอกตัวสถูป อยู่ที่ประมาณ 1,400 ฟุต และตัวสถูปประกอบด้วย 6 ชั้น

ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง ภายหลังจากการขุดค้นสถูปหลังนี้แล้ว เจ้าหน้าที่ได้ค้นพบสิ่งที่สำคัญ ที่อยู่ภายในตัวสถูปนี้ด้วยเช่นกัน คือ เหรียญชาวมุสลิม หัวลูกศร เครื่องทองแดง เป็นต้น ซึ่งอาจจะเป็นหลักฐานที่สำคัญ ในการค้นหาร่องรอยทางประวัติศาตร์ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ด้านศาสนา หรือวัฒนธรรมของผู้คน บนดินแดนแห่งนี้ ทั้งช่วงสมัยพุทธกาล และสมัยต่อมา หลังพุทธกาล

เนื่องจากความยิ่งใหญ่ ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ทางพระพุทธศาสนา ของเกสิยะสถูปหลังนี้ รวมทั้งดินแดนเมืองไวสาลี ทางรัฐบาลอินเดีย ต่างเร่งบูรณะตัวสถูปและปรับปรุงสถานที่โดยรอบบริเวณนั้น นอกจากงานบูรณะปรับปรุงแล้ว ยังมีสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลอินเดียพยายามตามหา เพื่อนำมาประดิษฐานไว้ที่เดิม คือที่มหาสถูปแห่งนี้ นั่นคือ บาตรของพระพุทธเจ้า

โพสท์โดย: ประเสริฐ ยอดสง่า
อ้างอิงจาก:
https://youtu.be/jDzL4EXHkO4?si=S7TGKs4W5IAv9Oew
https://youtu.be/JdI-9sv18gw?si=apg5rAjKca0NcVy3
แหล่งที่มาของข้อมูล
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: ประเสริฐ ยอดสง่า
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
5 เทคนิคเพิ่ม Productivity ที่ช่วยให้คุณทำงานสำเร็จเร็วขึ้นอันตราย! คนจีนจ้างแพ็คอาหารเสริมปลอม ขายผ่านออนไลน์ในไทยตำรวจ ตามรวบจนครบ 3 โจ๋เหิมเกริม ใช้มีดฟันคู่อริ กลางสถานี BTSล่าแม่มดทริบูร์: ความกลัวที่ทำให้ชีวิตกลายเป็นเพียงเงาในประวัติศาสตร์"1 ใน 8 ของนักเรียนร.ร.รัฐในนิวยอร์ก'ไร้บ้าน'!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ลิลลี่ เหงียน" สวนกลับ "ปู มัณฑนา"..อย่าลืมเอาเงินมาคืนกะxsี่ผู้มีพระคุณด้วยเงินดิจิทัลเฟส 3 คนทั่วไป เงินเข้าเมื่อไหร่ ได้เงินสดไหม วิธีเช็กสถานะทางรัฐอีกมุมของ "ยายสา" ตำนานแม่มดแห่งสมิหลา กับความลึกลับที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย"หวังเซียนเฉา นักการทูตผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ถัง‘ขนม ศศิกานต์’ เลิก ‘ครูเต้ย อภิวัฒน์’ ทั้งที่เพิ่งคลอดลูก คนที่ 2 จากกันด้วยดี ไม่มีมือที่ 3
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ทั่วไป
รวม 50 แคปชั่นคำคม คนอกหัก รักเจ็บๆรวมคำคมนักเลง กวนๆวัยรุ่น"10 สัตว์น่ารักที่สุดในโลกที่ทำให้คุณตกหลุมรักได้ง่ายๆ""Artist’s Shit: เมื่ออุจจาระธรรมดา กลายเป็นศิลปะที่มีมูลค่าสูงกว่าทองคำ!"
ตั้งกระทู้ใหม่