หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ตำนานพื้นบ้าน พญาคันคาก ปราบพญาแถน

โพสท์โดย ประเสริฐ ยอดสง่า

พญาคันคาก หรือคางคกยกรบกับแถนผู้มีอำนาจ เป็นตำนานบั้งไฟพญานาค คำบอกเล่าชาวบ้านสองฝั่งโขงเมื่อ 3,000 ปีมาแล้ว

ดึกดำบรรพ์กาลเมื่อก่อน ก็เป็นดินเป็นหญ้าเป็นฟ้าเป็นแถน ผีแลคนเที่ยวไปมาหากันบ่ขาด คนกับสัตว์พูดจาปราศรัย ไต่ถามรู้ความกัน เป็นเรื่องปกติธรรมดา บริเวณหุบเขาและทุ่งราบกว้างใหญ่แห่งหนึ่ง มีบ้านเมืองแว่นแคว้นหนึ่งตั้งอยู่ ชื่อว่าเมืองชมพู แวดล้อมด้วยคูน้ำและคันดิน เป็นปราการอยู่กลางทุ่งราบ ที่มีห้วยหนองคลองบึง บุ่งทามลำธาร ลานลาดพาดผ่าน

พระราชาผู้ครองเมืองชมพูมีนามว่า พญาเอกราช มเหสีมีนามว่า นางสีดา ข้าทาสบริวารกับไพร่บ้านพลเมือง ของนางสีดาและพญาเอกราช มีมากมายนับไม่ถ้วน ล้วนเป็นชนเผ่าเหล่ากอ หน่อเนื้อเชื้อพันธุ์ต่างๆ กัน แต่ตั้งหลักแหล่งแห่งหน ปนอยู่ด้วยกันอย่างสดชื่นรื่นรมย์ อุดมสมบูรณ์

ครานั้นครั้น นางสีดามเหสีมีครรภ์แก่ครบกำหนดคลอด ก็คลอดลูกเป็นคันคาก คือคางคกตัวผู้ ผิวพรรณขรุขระน่าเกลียดน่ากลัว

ครานั้นครั้นนางสีดามเหสี มีครรภ์แก่ครบกำหนดคลอด ก็คลอดลูกเป็นคันคาก คือคางคกตัวผู้ ผิวพรรณขรุขระน่าเกลียดน่ากลัว ขณะนางสีดาคลอดลูกนั้น ดินฟ้าอากาศเกิดอาเพศ สะเทือนเลื่อนลั่นหวั่นไหว เมฆหมอกมัวหม่นบนท้องฟ้า บดบังทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ฟ้าฝนหล่นห่า ลงมาเป็นอัศจรรย์ทั้งแผ่นดิน ผู้คนไพร่บ้านพลเมือง หลากใจไปทั้งสิ้นทุกผู้คน

พญาเอกราช ราชาเมืองชมพู ให้หมอผีหมอพร มาทำนายทายทัก โชคชะตาราศีคันคาก กุมารที่เพิ่งมีกำเนิดเกิดมา หมอผีหมอพร ทำนายคันคากกุมารว่า ถึงจะมีรูปร่างเป็นคางคกสัตว์เดียรัจฉาน ก็อย่าได้ประมาทหมิ่น นินทาว่ากล่าวตำหนิติเตียน ขอให้บำรุงเลี้ยงเอี้ยงดูจงดี ต่อไปภายหน้า จะเป็นผู้มีบุญมีอำนาจวาสนา เป็นที่พึ่งพิงของบิดามารดา และข้าทาสบริวาร ตลอดถึงไพร่บ้านพลเมือง

นางสีดากับพญาเอกราช ได้ยินคำทำนายของหมอผีหมอพร ก็ดีอกดีใจ คลายทุกข์ร้อนผ่อนปรน จึงให้ข้าคนท้าวนางบ่าวไพร่ บำรุงเลี้ยงคันคาก ลูกชายกายคางคก อย่างยกย่องทุกย่ำยาม

ครั้นคันคาก กุมารคางคก จำเริญวัยขึ้น ใหญ่เป็นหนุ่มเหน้า ก็เฝ้าคิดจะมีคู่ครอง เป็นผัวเมียเหมือนผู้คนทั่วไป นางสีดากับพญาเอกราชมิได้ขัดข้อง แต่ร้องขอ ให้รอไปจนกว่า คันคากจะมีร่างกายเป็นปุถุชนคนธรรมดา เหมือนสามัญมนุษย์สุดสมบูรณ์ แล้วจะเสาะหานารีมีตระกูลให้เป็นเมีย

คันคากได้แต่ครุ่นคิดคร่ำครวญ ป่วนในหัวใจมิได้ขาดทุกคืนวัน ก็ตั้งจิตอธิษฐานต่อผีดงผีหมื่น ถ้ำล้ำหมื่นผา ตลอดถึงศรีพรหมรักษ์ยักษ์กุมาร ไปจนพระอินทร์ปิ่นดาวดึงสา ขอจงดลบันดาลให้กายากลับกลายเป็นผู้คนปกติ จะได้มีคู่ครองตามต้องการ คันคากร่างคางคก เป็นผู้มีบุญบารมีแต่อดีตกาล คำอธิษฐานจึงล่วงรู้ถึงองค์อมรินทร์

ครั้นแล้ว พระอินทร์ ก็เหินระเห็จจากเวหาดาวดึงส์ ถึงเมืองชมพู เนรมิตคุ้มหลวงเรือนต้น พร้อมด้วยเครื่องต้นเครื่องตั่ง ตกแต่งเต็มพิกัดชัชวาลให้คันคาก พร้อมกันนั้นเอง พระอินทร์ก็บันดาลให้คันคากร่างคางคก กลายเป็นคนหนุ่มรูปงาม อร่ามผิว เพียงสุพรรณแผ่นทองธรรมชาติ แล้วอุ้มสมนางอุดรกุรุทวีป ที่เคยเป็นเมียขวัญมาแต่ชาติปางก่อน มานอนเคียงคู่อยู่ในคุ้มหลวงเรือนต้นนั้น เหตุอัศจรรย์ทั้งหมดเกิดขึ้นตอนกลางคืน มิได้มีใครรู้เห็น

ครั้นรุ่งขึ้น ก็เป็นเรื่องร่ำลืออื้ออึงทั้งเมืองชมพู รู้หมดทั้งไพร่บ้านพลเมือง ด้วยพิศวงงงงัน ที่จู่ๆ ก็ได้เห็นคุ้มหลวงเรือนต้น ตั้งตระหง่านกลางพระนคร

นางสีดากับพญาเอกราช ตื่นเช้าขึ้นมา เห็นคุ้มหลวงเรือนต้น อยู่ในวังเวียงเคียงกันไปก็ประหลาดใจ ครั้นเดินไปดูใกล้ๆ จึงรู้ว่าคันคาก กลายร่างเป็นโอรสรูปงาม เหมือนสังข์ทองถอดรูปเงาะ มีนางเมืองเมียงามอยู่เคียงข้างอย่างเหมาะสม แล้วมาพนมหมากพนมมือกราบไหว้ ก็ชื่นชมยกย่องอย่างผ่องใสเป็นล้นพ้น

นางสีดากับพญาเอกราชถามลูกชายว่า เมื่อเจ้ายังเล็กมีรูปเป็นคันคากร่างเป็นคางคก เมื่อแปลงเป็นคนแล้ว เอารูปร่างเดิมไปไว้เสียที่ไหนเล่า ท้าวคันคาก เมื่อเป็นคน ก็ยกร่างเดิมที่กลายเป็นเกราะทองคำให้ดู เมื่อประจักษ์แก่ตาหมดทุกคน จึงต่างก็สรรเสริญบุญญาธิการท้าวคันคาก

หลังจากนั้นไม่นานนัก พญาเอกราชก็เวนราชสมบัติบ้านเมือง มอบให้ท้าวคันคากขึ้นเป็นราชาเมืองชมพู ยอยกขึ้นเป็นพญาคันคากอย่างสมบูรณ์ นับแต่พญาคันคากเป็นราชาครองเมืองชมพู บรรดาบ้านเมืองบริวารใหญ่น้อย ร้อยเอ็ดพระนคร ก็ล้วนมีความมั่งคั่งและมั่นคงขึ้นกว่าแต่ก่อน จึงพร้อมใจกันบังคม ก้มให้พญาคันคาก ถ้วนทั่วทุกหัวระแหงทุกแหล่งละหาน จนลืมส่งสการไหว้สาฟ้าแถนเหมือนแต่ก่อน แม้องค์อมรินทราธิราช ก็อำนวยอวยพรให้พญาคันคาก

ผีฟ้าพญาแถน เป็นใหญ่อยู่เมืองแมนแดนสวรรค์ ครั้นเมื่อฝูงคนทั้งหลาย ไปภักดีต่อพญาคันคากหมดสิ้น ถึงเวลากินข้าวก็ไม่บอกไม่หมาย กินแลงกินงายก็ไม่บอกแก่แถน ได้กินชิ้นไม่ส่งขา ได้กินปลาก็ไม่ส่งรอย ไม่ส่งก้างแก่แถน ผีฟ้าพญาแถนเลยโกรธ ก็ไม่ส่งน้ำฟ้าน้ำฝน หล่นลงมาให้ บ้านเมืองแว่นแคว้นใหญ่น้อย จนเกิดความแห้งแล้งทุกหย่อมหญ้าสาหัส

พญาคันคาก เห็นความทุกข์ยากของไพร่บ้านพลเมือง เพราะภัยแล้งติดต่อกันหลายขวบปี จึงขี่ยนต์อันเรืองฤทธิ์ มุดลงไปเมืองบาดาลนาค ผู้บันดาลน้ำเลี้ยงโลกได้ แล้วไต่ถามความนัย ว่าเหตุไฉน ถึงเกิดภัยแล้งแห้งน้ำมานานปี

พญานาคจอมบาดาลจึงบอกว่า เหตุเพราะผีฟ้าพญาแถน ไม่ให้นาคทั้งหลาย ขึ้นไปเล่นน้ำบนสวรรค์เหมือนแต่ก่อน น้ำเลยไม่แตกฉานซ่านกระเซ็น กระเด็นกระดอนเป็นฝอยฝน หล่นลงมาเลี้ยงโลกมนุษย์ เมืองชมพูและบริวาร เลยยากแค้นแสนกันดาร ด้วยแถนฟ้าเคืองรำคาญ ผู้คนที่ไม่บัตรพลีดีไหว้ มัวแต่ไปบังคมพญาคันคากนั้นแล

พญาคันคากรู้ความตามจริง ก็ยิ่งโกรธพิโรธนัก สั่งให้พญานาค ผู้เป็นเมืองบริวาร ทำทางถนน จากเมืองชมพู ขึ้นไปเมืองแถนแดนสวรรค์ หมายจะจู่โจมโรมรันแถนฟ้า เพื่อหาน้ำมาเลี้ยงโลก พญานาคพร้อมนาคบริวาร พากันแผ่พังพานพวนขนด แล้วขดขนขุนภูเขา ทุกเขตแคว้นแดนมนุษย์ เอามาต่อเข้าด้วยกัน ขณะนาคตั้งต่อภูเขา เป็นแกนแก่นกลาง พญาคันคาก ก็ให้บรรดาปลวก ระดมขนดินมาถมพอกภูเขา ให้เป็นทางถนน ด้นดั้นถึงเมืองแถนในทันที พญาคันคาก ให้บริวารประโคมตีเกราะ เคาะไม้และโปงเปิง เป็นสัญญาณระดมสมกำลัง ไปรบศึกพิลึกมหึมา บนเมืองฟ้าเมืองแถน

ฝูงพญาครุฑยุดพญานาคมาพร้อมกัน ทั้งฝูงต่อฝูงแตนและมิ้ม ผึ้ง มอด มด ทั้งหมดทั้งนั้น มาพร้อมเพรียงด้วยสรรพสัตว์ สารพัดเสือสิงห์กระทิงแรดในปัถพี

เมื่อสารพัดสัตว์ มาชุมนุมสุมสามัคคีพร้อมกันแล้ว พญาคันคาก ก็คืนร่างเป็นคางคก ขึ้นนั่งหลังช้าง แล้วสั่งให้เคลื่อนขบวนล้วนไพร่พล โยธีไปตามทางถนนหนเหิน เดินเป็นหมวดหมู่แถวแนวตรง แน่วขึ้นไปเมืองแถนแดนสวรรค์ชั้นฟ้าพู้นแล

ฝ่ายเมืองแถนแดนสวรรค์ชั้นฟ้า แวดล้อมด้วยมหาสมุทรสุดลึกล้น และกว้างใหญ่ไพศาล มียอดเขาสัตบริภัณฑ์ และเทือกทิวบริวารน้อยใหญ่ ดุจปราการธรรมชาติดาษดา ปกคลุมด้วยหิมะมหาวารี เป็นเกล็ดแก้วมณี สีขาวเงินยวง ระยิบระยับวับวาว ครั้นตะวันสีทองส่องสกาวก็ละลาย กลายเป็นอุทกชลธาร ไหลละล่องรวมมหาศาลนิจนิรันดร์ ถึงฤดูเดือนวันสมควรเวลา ฝูงนาคีและนาคาจากบาดาลทุกทวีป จะรุดรีบมาเล่นน้ำ เป็นฟองฝอยมหึมา ไปกระทบกระแทก กระทั่งฝั่งฝาที่เป็นขุนเขา น้ำนั้นก็แตกก็แยกย่อมเยา ทยอยเป็นฝอยฝน หล่นไปเลี้ยงโลกมนุษย์และสัตว์ เป็นอัตราประจำปี

ครั้นถึงเมืองแถนแดนสวรรค์ พญาคันคากรูปคางคก ยกชี้ไปที่พญาแถนฟ้า แล้วตะโกนบอกว่า แถนทำผิดฮีตคองประเพณี ที่สมควรนี่ นานหลายปีดีดักนับไม่ถ้วน ที่แถนไม่แต่งน้ำลงไปโลกมนุษย์ ชมพูทวีปต้องแสนสุด จะล่มแล้งแห้งเหือดเดือดร้อน อีกไม่นานช้า จะเกิดไฟไหม้โลก เผาพสกนิกรและส่ำสัตว์ จตุบททวิบาท อนาถตายไปทั้งสิ้น

พญาแถนก็แค้นโกรธ พิโรธวาทิน ที่คันคากกากคางคก ยกคำมาพูดจา จึงตอบว่า กูเป็นใหญ่ในฟ้าแผ่นนี้ อย่างมีธรรมประจำแผ่นฟ้า ฝูงแถนถ้วนหน้าในปกครอง ไม่เคยขุ่นข้องหมองใจให้กังวล กูหรือก็ไม่ใช่ขี้ข้าขี้ข้อย คอยแต่งฟ้าแต่งฝนให้ใครๆ แล้วเหตุไฉน มึงจะมาบังคับขู่เข็ญไม่เป็นธรรม เมื่อยกพรรคไพร่พลมาระยำอย่างนี้ ก็ต้องรบกัน

พญาคันคากบนหลังช้างต้น ยืนตระหง่าน สั่งให้นาคจากบาดาลทั้งหมด แปลงร่างเป็นช้างศึก แล้วให้ครุฑกับแร้ง กากบเขียดเสือหมี ลิงค่างบ่างชะนี ตีวงจุกช่องกองหลวงไว้ จากนั้นมีบัญชาให้กบเขียด เป็นกองหน้ากล้าศึกออกรบก่อน

พญาแถนมิได้อนาทร ก็เสกมนต์เป็นงูพิษออกไล่กินกบเขียด กบเขียดของพญาคันคากกลัวงู ก็พากันหนี ตัวที่หนีไม่ทัน จึงถูกงูพิษของพญาแถน จับกินกัดสะบัดสะบิ้ง ทิ้งเป็นซากอยู่เกลื่อนกลาด ดาษดาฟ้าแถน กบเขียดก็กลัวงูแต่นั้นมา

พญาคันคาก สั่งรุ้งเหยี่ยวแร้งกา ออกไปไล่จิกจับกินงู แร้งการุ้งเหยี่ยว ก็เฉี่ยวโฉบงูมากินจนสิ้นไป พญาแถนแค้นใจ จึงเสกมนต์เป็นหมาล่า ไล่รุ้งเหยี่ยวแร้งกาโกลาหล บรรดารุ้งเหยี่ยวแร้งกา ก็กลัวหมาแต่นั้นมา

พญาคันคาก สั่งให้ลิงกับอีเห็น เต้นโลดกระโดดรบไล่หมา แต่หมาของพญาแถนหากลัวไม่ ก็ไล่งับขับอีเห็นกับลิงวิ่งหนี ด้วยเหตุดังนี้ อีเห็นกับลิง ล้วนกลัวหมาแต่นั้นมา คันคากผู้มีปัญญา จึงให้เสือไปสู้ เสือก็กรูกันกินหมาพญาแถนหมดทุกตัว หมาก็กลัวเสือแต่นั้นมา

เสือพญาคันคาก ลากหมาพญาแถนไปกินหมดทุกตัวแล้ว ก็วิ่งแจ้วโจมจ้ำขย้ำกัด กินทกล้าทหารแถน แล่นหนีล้มตายระเนระนาด พญาแถนเสกมนต์ฉกรรจ์ฉกาจ เป็นกะต่ำ คือเครื่องมือดักเสือซ้อนไว้ เสือพญาคันคากได้ใจ วิ่งไปตกกะต่ำ เลยถูกหอกดาบ แหลนหลาวเกาทัณฑ์ทหารแถน ฟันแทงจนแดงเดือดเลือดตกตาย เสือเลยกลัวกะต่ำแต่นั้นมา

พญาคันคากสั่งผึ้งมิ้มต่อแตน บินไปกัดต่อย ช้างม้าผู้คนพลไพร่พญาแถน แล่นหนีล้มตายกระจายไป พญาแถน ก็เสกมนต์กลแก้เป็นเพลิงไฟ แผ่ไปผลาญเผารมควัน ผึ้งมิ้มต่อแตนจนดิ้นตาย คนทั้งหลายจึงรู้ ใช้ไฟเริงเพลิงควันรม ไล่ผึ้งมิ้มต่อแตนแต่นั้นมา

พญาคันคากสั่งนาคและครุฑ ผุดพ่นน้ำลายดังสายฝน หล่นดับไฟเพลิงเริงแรงของแถน แล้วน้ำอันหลากหลาย กลายเป็นทะเลสมุทรสุดคลื่น ไปกลืนพหลพลรบของแถนอันตรธาน พญาแถนแสนชำนาญชาญวิชา ก็เสกมนตราเป็นท้องทราย ดื่มดูดเอาสมุทรทะเลหายแห้งในทันที มีทะเลทรายขึ้นมาแทน แล้วแถนฟ้าก็ฟาดธนูศรย์ ยิงเป็นห่าฝนไปยังครุฑและนาค แต่นาคและครุฑ เอาปากคาบลูกธนู แล้วกลืนกินจนสิ้นทั้งนั้น แถมยังทำพิลึกพิลั่น ขี้ขับถ่าย กลายเป็นถ่านไฟแดงแสงเพลิง ราดรดสยดสยอง ลงไปที่กองทัพของแถนแสนสาหัส กระจัดกระจายตายเป็นเบือ

ผีฟ้าพญาแถน แก้ไขช่วยเหลือด้วยมนต์ลึกล้ำ เสกเป็นปะรำร่มหลังคาวิเศษ ให้มุงป้องกันเพลิงอุจจาระ แล้วร่ายเวทเดชเดชะ ให้พลรบที่ทบท่าวล้มตาย กลายฟื้นคืนคง จงถ้วนทั้งคนสัตว์สิ่งของ ต่อจากนั้นแถนฟ้ากล้าหาญ เสกเพลิงไฟบรรลัยกัลป์ แล้วสาดศรธนู ผลาญพลสารพัดสัตว์ ของพญาคันคากมากมาย ตายล้มเป็นโกลา

พญาคันคากผู้หาญกล้าไม่เกรงกลัว สั่งให้พญานาคกับบริวารทุกตนตัว ไปกลืนกินลูกศรธนู แล้วให้ขี้ถ่ายกลายเป็นปืนใหญ่ ระดมยิงไปสู่ กองทัพแถนแล่นหายตายเกือบหมด

พญาแถนผีฟ้าไม่ราลด จึงใช้เวทมนตร์ขลัง สั่งให้กองทัพที่ล้มตาย คลายคืนฟื้นมาเหมือนเดิม พลางก็เพิ่มเติมฤทธิรณ ยิงศรธนูพรูพรั่งดังห่าฝน หล่นเป็นหอกดาบปราบพลไพร่พญาคันคาก จนตกตายกลายเป็นเมฆฟ้า

พญาคันคาก สั่งครุฑกระพือปี กบังฝนหอกดาบของแถนฟ้าไว้ พลางก็ร่ายมนต์ชุบชีวิตสารพัดสัตว์ขึ้นมา แล้วให้นาคพ่นไฟตอบโต้ ไปเผาผลาญพลพญาแถน พญาแถนแสนวิเศษด้วยเวทมนตร์ ก็เสกเป็นฝนแสนห่า ตกมาดับไฟให้สนิท แล้วเนรมิตวังเวียง เรียงศิลาด้วยหินผามาล้อมห้อมห่ม ทกล้าทหารช้างม้า ที่ฟื้นคืนชีวิตให้ลุกขึ้น

พญาคันคากเห็นดังนั้นก็ผันกาย ก่งสายยิงธนูศร เป็นขวานฟ้าแล่นลิว ปลิวมหาศาสตราวุธ ขุดทำลายดังสายฟ้า ผ่าปราสาทหินกำแพงหิน กับวังเวียงเรียงศิลา แตกกระจายลงเป็นผงธุลี มีเพลิงเผาเป็นเถ้าเป็นถ่านหิน แล้วขวานฟ้ายังบ้าบิ่น บ่อนเบียนบั่นเกล้า เข้าประหารผลาญช้างม้า พลไพร่ของแถน แสนอเนจอนาถดาษดา

พญาแถนเกิดทุกขเวทนา ก็เสกมนต์ให้ช้างม้าไพร่พล กลับฟื้นขึ้นเหมือนเก่า แล้วพญาแถนก็ปราศรัยกับพญาคันคาก ว่าสองเรา มีฤทธิ์เดชเวทมนตร์เสมอกัน สู้รบโรมรันสักเท่าใด ก็ไม่มีใครแพ้ชนะ เป็นเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่สมควรที่พลไพร่ จะต้องมาตายระเนระนาดซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงเห็นว่า จะต้องขับคชาชนช้างกัน ตัวต่อตัวดีกว่า จะได้ขึ้นชื่อลือชาว่า ใครคือผู้ชนะ แล้วใครจะเป็นผู้แพ้แท้จริง

พญาคันคากมิได้สะทกสะท้าน ประกาศกล้าอ้าปากกว้างของคางคก ผงกรับคำท้า อย่างทระนงองอาจและผึ่งผาย แล้วสั่งพลไพร่ กระจายออกเป็นกระบวน ถ้วนถี่มีวินัย

ว่าแล้วพญาทั้งสอง ก็ไสช้างต้นด้นดั้นพันตู ชูงวงเชิดงาเข้าหากัน หัวช้างทั้งคู่กระแทกกระทั้น เข้ากระทบตลบตลอด งากับงวงก็ล้วงลอด สอดสลับอยู่สับสน พญาแถนไสช้างต้นได้ล่าง พญาคันคากไสช้างอยู่ข้างบน ก็พลาดท่าเสียที ถูกของ้าวยาวใหญ่ของแถนฟ้า ผ่าพาดฟาดลงตรงหัวคันคาก จนหัวคางคกโหนกโน ประหนึ่งปุ่มฆ้องกระจองงองแต่นั้นมา

ครั้นเป็นเพลาพาแลงเข้าเย็นย่ำ ทั้งสองพญายังไม่เพลี่ยงพล้ำ ชนะแพ้แก่กัน จึงต่างก็หยุดยั้งยุทธหัตถี นัดหมายว่า ถึงรุ่งพรุ่งนี้ จะตีต่อล่อกันใหม่

คืนนั้นเดือนดับ พญาคันคาก สั่งมอดให้ไปทำงานลับ เล็ดลอดดอดแทะแกะกัด ตัดปืนผาหน้าไม้ ของ้าวหลาวแหลน หอกดาบของพญาแถน ให้ยับยุ่ยเป็นผุยผง ใช้การไม่ได้

รุ่งขึ้น พญาคันคาก สั่งพญานาคให้พรางกาย คล้ายเป็นหางไอยรา เกาะหลังช้างไปด้วยกัน เมื่อถึงคราวพญาแถนพลัดตก ก็เอาบ่วงบาศพาดพันคอไว้ในทันที อย่าให้หนีได้

เมื่อช้างทั้งคู่ เข้าจู่โจมโรมรันอุตลุด ยุทธหัตถีอีกครั้งคราว พญานาคที่พรางกาย คล้ายหางช้างต้นของพญาคันคาก เห็นแถนฟ้าไม่ทันระวัง ก็ผาดแผลงด้วยพลังฤทธิ์ บิดกายเป็นบ่วงพราน ระเห็จหาวเหินทะยาน คล้องคอพญาแถน แล่นลัดพลัดตกจากหลังช้าง ลงกลางสมรภูมิแผ่นฟ้า ก็ปราชัยให้กับพญาคันคาก

พญาแถนยกมือขึ้นบังคม พนมไหว้ยอมแพ้ แต่พญาคันคากโกรธนัก ก็ต่อยเตะตีกระหน่ำไปที่หัวพญาแถน แก้แค้นที่เอาขอมาสับ จนหัวปูดหัวโปน ไพร่พลเสนาของพญาคันคาก กรากเข้าไปช่วยรุมทำร้าย พลางก็ด่าทอขอฆ่าพญาแถน ให้สมแค้นที่ไม่แต่งฟ้าฝน ให้ตกไปสู่เมืองมนุษย์ ทำให้มนุษย์สุดแล้งเข็ญ ล้มหายตายกว่ามหาศาล

พญาแถนแสนทุเรศ ก็รู้สึกสำนึกผิด ขอเป็นเมืองส่วยสุจริต แต่งน้ำฟ้าห่าฝน หล่นลงเมืองมนุษย์ทุกปี แล้วร้องเชิญพญาคันคากเข้าเมืองแถน พญาคันคากให้ผูกมัดรัดคอพญาแถนแน่นหนา แล้วยกพหลพลโยธา แห่พญาแถนที่ถูกจองจำ นำทางเข้าเมืองแถน

ในคุ้มหลวงเมืองแถน บรรดาบริวารพญาแถน ทั้งลูกเมียและนางท้าว ร้องขอต่อพญาคันคาก ที่นั่งเมืองแถน ว่าอย่าพิฆาตฟาดฟัน บั่นเกล้าชาวแถนเลย จะยอมเป็นข้าช่วงใช้ไปนิรันดร

พญาคันคากมีใจเมตตา สั่งให้ไพร่พลเสนา แก้เครื่องพันธนาการทั้งมวล แล้วเจรจาว่ากล่าว อบรมบ่มนิสัยพญาแถน ให้ประพฤติธรรม ต้องเอาใจใส่ดูแลทั้ งชาวแถนและชาวมนุษย์ จนสุดใจดินใจฟ้า ด้วยโลกนี้ มีทั้งดินหญ้าและฟ้าแถน ต้องพึ่งพาอาศัย สัมพันธ์กันมั่นคง ถึงจะดำรงอยู่ได้ชั่วฟ้าดิน ถึงฤดูเดือนปี ที่นาคต้องขึ้นมาเล่นน้ำบนฟ้า ก็อย่าห้ามปราม เพราะนาคจะได้พ่นน้ำกระแทกคลื่น ดื่นดกตกเป็นฝอยฝนหล่นไปชุบเลี้ยง เอี้ยงดูหมู่มนุษย์ ทำไร่ไถนา ได้พืชพันธุ์ว่านยา อาหารอุดมสมบูรณ์ ถ้าไม่มีน้ำฟ้าน้ำฝน คนในเมืองมนุษย์สุดลำบาก จะได้ยากโหยหิว ชิวหาดังราไฟ เมื่อไม่มีพืชพันธุ์ว่านยาอาหาร เลี้ยงชีวังสังขาร แล้วจะเอาอะไรส่งสักการ สังเวยให้แถนกินบนฟ้า แถนฟ้าก็ต้องเงือดงดอดตายไม่เป็นสุข นอกจากคนทั้งหลายแล้ว ในเมืองมนุษย์ยังมีพืชและสัตว์ ต้องอาศัยน้ำฝนน้ำฟ้าจากเมืองแถน ถ้าอนาถขาดแคลนเสียแล้ว ก็ต้องเดือดร้อนสารพัด ทั้งสัตว์และพืชเป็นล้นพ้น เราเองพญาคันคาก คือคางคกสัตว์ไม่มีขน ยังต้องดูแลแผ่เผื้อ เกื้อหนุนฝูงมนุษย์ พี่น้องเราทั้งหมด ก็ล้วนสัตว์บริสุทธิ์ ที่พิทักษ์รักษาผู้คน ให้มีสุขอุดมสมบูรณ์เสมอกัน ท่านซึ่งเป็นพญาแถน ควรจดจำเป็นเยี่ยงอย่าง อย่าเบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อน

พญาแถนถามพญาคันคากว่า ทุกวันนี้มนุษย์เบียดเบียนกันเอง เหมือนปลาใหญ่กินปลาเล็กอยู่ตลอดเวลา คนอ่อนแอถูกคนแข็งแรงกว่า เอาเปรียบเบียดเบียนเป็นเบือ ไฉนไม่กำราบปราบปราม

พญาคันคากดุว่า อย่าถามซุ่มซ่ามอย่างนั้น เพราะทุกวันนี้ เราสั่งให้สัตว์เชื้อโรค ทำหน้าที่ปราบปรามอยู่แล้ว ตัวมะเร็งให้คอยทำลายพวกเอาเปรียบคนอื่นๆ ตอนนี้กำลังให้นกมีปีก เอาตัวหวัดไปโปรยใส่เล้าคนเอาเปรียบ จะได้ล้มละลาย แต่ข้อสำคัญ แถนฟ้าต้องรักษาหน้าที่ ปล่อยน้ำฟ้าน้ำฝน ให้ตกต้องตามฤดู ไม่อย่างนั้น จะขึ้นมาลงโทษอีกให้สาสม

พญาแถนถามว่า จะรู้ได้อย่างไร ว่าเมืองมนุษย์ต้องการน้ำตอนไหน เมื่อไร

พญาคันคากตอบว่า จะส่งสัญญาณให้พญานาคขึ้นมาบอก แล้วเล่นน้ำบนฟ้า

พญาแถนบอกว่า ฟ้าแถนอยู่ไกลมาก กว่าพญานาคมาบอกจะช้าเกินไป

พญาคันคากยกมือตบหัวพญาแถน แล้วอธิบายว่า จะให้พญานาค ขี่บั้งไฟขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เมื่อได้ยินเสียงแล้วมองเห็นบั้งไฟ มีหัวพญานาค ก็ให้ไขน้ำทำฝน หล่นลงเมืองมนุษย์ทันที

พญาแถนน้อมรับคำสั่งสอน ของพญาคันคากทุกอย่าง แล้วสั่งให้ไพร่พลลูกเมีย เตรียมสำรับกับข้าวเลี้ยงดูกองทัพพญาคันคาก

พญาคันคากไม่รู้จักข้าว เลยถามว่ามันคืออะไร

พญาแถนบอกว่า เมืองฟ้าเมืองแถน มีข้าวปลูกไว้กิน เป็นข้าวหอมและอร่อยมาก แล้วอธิบายสรรพคุณยืดยาว พญาคันคาก เลยสั่งให้พญาแถน เอาข้าวลงไปปลูกในเมืองมนุษย์

พญาแถนถามว่า จะเอาข้าวเมล็ดขนาดไหน เพราะมีหลายขนาด มีทั้งเมล็ดเล็กและเมล็ดใหญ่ กับมีเมล็ดเรียวยาว และเมล็ดอ้วนป้อม

พญาเสือได้ยินดังนั้น จึงร้องบอกไปว่า เมล็ดอย่างไหนก็ได้ แต่ขอให้มีรวงยาว เท่าหางเสือของข้าก็แล้วกัน

พญาคันคากทำหน้าถมึงทึง แล้วร้องบอกว่าอย่าเสือก เป็นเสืออย่าใส่เกือก คืออย่าเสือก อย่าทะลึ่ง เหตุนี้ เสือเลยกลัวคันคากคางคก ตั้งแต่นั้นมา

พญาคันคากบอกพญาแถนว่า รวงข้าวให้ยาวแค่วาของข้า เมล็ดข้าวเท่ามะพร้าว ต้นข้าวเท่าลำตาลก็พอแล้ว

พญาแถนรับคำ แล้วบอกเพิ่มเติมว่า ข้าวพวกนี้ เมื่อโตเต็มที่แล้ว เมล็ดข้าวจะหล่นจากรวงเอง แล้วจะแล่นไปเข้ายุ้งฉางเล้าข้าวเอง ขอให้มนุษย์ทำยุ้งฉางเยียข้าว คอยไว้เท่านั้น

เมื่อสำเร็จเสร็จสรรพแล้ว พญาคันคาก ก็พาสารพัดสัตว์ ไพร่พลทั้งหลาย ลงจากเมืองแถนแดนฟ้า กลับสู่แดนดินเมืองชมพู ตามเส้นทางเดิมที่ปลวกทำไว้

นับแต่พญาคันคากร่างคางคก ยกรบชนะพญาแถน บรรดาผู้คนและสัตว์พืชในโลกชมพูทวีป ก็อุดมสมบูรณ์พูนสุขทุกประการ พืชพันธุ์ว่านยาอาหาร มั่งคั่งและมั่นคง ถึงเดือนอ้าย ได้ฉลองความร่มเย็นเป็นปีใหม่ เก็บเกี่ยวพืชผล จนถึงเดือนห้า ฟ้าฝนแห้งแล้งก็แต่งตก ยอยกพญานาค ขี่บั้งไฟขึ้นไปบอกแถนฟ้า น้ำฟ้าน้ำฝน ก็หล่นลงมาเป็นธรรมชาติ ไม่ขาดแคลนตามคำแถนตกลงไว้ ข้าวทิพย์ข้าวแถน เมล็ดเท่าลูกหมากพร้าว ต้นเท่าลำตาล ก็เอิกเกริกเบิกบาน บินเข้ายุ้งเยียไม่เสียหายอันใดเลย

อนาถจิต อนิจจา ครั้นพญาคันคาก ละร่างคางคกรูปคน สิ้นอายุขัยแล้วสวรรคต เมื่อช้านานกาลกำหนด ความอุดมสมบูรณ์ก็เริ่มประหลาด ผู้คนในชมพูทวีปต่างประมาท ขาดสำรวมจนเรรวนแล้วเกียจคร้าน เหตุเพราะความสะดวกสบายที่พญาแถนบันดาล ผู้คน ลืมทำยุ้งเยียเล้าข้าวให้พร้อมเสร็จ ตามเวลากำหนด เมื่อเมล็ดข้าวสุก จึงหล่นเรี่ยรายตามนาไร่ เมื่อไม่มีที่อยู่ ก็บินหาที่พำนักในเรือนนอนของผู้คน เขาก็พากันเอาพร้ามีดขวานโขกสับเมล็ดข้าว จนปี้ป่นแตกตัดกระจัดกระจาย เหลือเมล็ดเท่ากรวดทรายกระจิริดตั้งแต่นั้นมา

ทางถนนที่ปลวกทำไว้ ให้พญาคันคากขึ้นไปหาฟ้าแถนแต่ก่อน มีเครือเขากาดเกี่ยวพันแน่นหนา ไม่สั่นคลอนถาวรเป็นนิรันดร์ ให้ผีแลคนสัญจรไปมา พญาแถนพิจารณา ว่ามนุษย์ไม่ซื่อตรง ล้วนลุ่มหลงแต่ความสบาย บริโภคซึ่งพิษภัย เบียดเบียนกันเองไม่เกรงใคร เหมือนปลาใหญ่กินปลาเล็กทุกบริเวณ ผีฟ้าพญาแถนก็ก่งศรร่อนธนู สู่ทางถนนเครือเขากาด หนทางปลวกของพญาคันคาก ก็ขาดสะบั้นถล่มทลายกระจายเป็นภูดอยน้อยใหญ่ ในชมพูทวีปแต่นั้นมา

ผีฟ้าพญาแถน แดนสวางสวงสังเวียนบนสวรรค์ ก็ลงโทษทัณฑ์มนุษย์ทั้งหลาย ที่มักเกียจคร้าน จึงไม่ปลูกพันธุ์ข้าวทิพย์ ให้มนุษย์เหมือนแต่ก่อน มนุษย์ต้องหักร้างถางพงในดงดอน แล้วถางไถปลูกข้าวกินเอง อย่างทุกข์ทรมานแต่นั้นมา

พญาคันคากจากไป พญาแถนก็ไม่กลับมา ฤดูเดือนจึงเคลื่อนที่ไม่คงทน น้ำฟ้าน้ำฝนขาดตกบกพร่อง แม่น้ำลำคลองเน่าเหม็นเป็นอันตราย สุมทุมพุ่มไม้ ป่าดงพงไพรพินาศ ล้วนมีเหตุจากความประมาทของมนุษย์ ตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้

โพสท์โดย: ประเสริฐ ยอดสง่า
อ้างอิงจาก:
https://youtu.be/Nj_Ewr39OW4?si=FPF11YJERML9nzvY
ตำนานพื้นบ้าน พญาคันคาก ปราบพญาแถน
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: ลิลลี่ ไมโครนอส
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เงินดิจิทัล 10000 บาท คนทั่วไป ได้เงินวันไหน?‘ลีน่าจัง’ เมินกระเเส ถูกร้านก๋วยเตี๋ยว ติดป้ายห้ามเข้า คนทำระวังติดคุกสื่อฮ่องกง แฉ “บอสเหล่าดารา” เอี่ยวคดี “ดิไอคอน” โยงนักการเมืองหัวหน้า เปิดแชทคุยลูกน้อง วานให้ทำงานด่วน เจอสวนกลับ รีบมากทำไมไม่สั่งเมื่อวาน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
disrespectful: ไม่เคารพ ไม่เคารพนับถือ7อันดับ"ทำเลที่ดินกรุงเทพที่มีราคาสูง"(ราคาแรง-ราคาหลักล้าน)พายุ "จ่ามี" จ่อถล่มอีสาน! กรมอุตุฯ เตือน 26-27 ต.ค. นี้ เตรียมรับมือฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง 🌧️🌬️‘ลีน่าจัง’ เมินกระเเส ถูกร้านก๋วยเตี๋ยว ติดป้ายห้ามเข้า คนทำระวังติดคุกในระหว่างการแสดง วาฬเพชฌฆาตอึในน้ำ และกระโดดให้น้ำกระจายโดนผู้ชมเงินดิจิทัล 10000 บาท คนทั่วไป ได้เงินวันไหน?
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
ไดอารี่ปริศนาเล่มที่ 6 คดีลวงโลกของ "ฆาตกรรม" ที่ไม่มีใครตายมนตราวายสะ ตอนที่ 14 โตขึ้นฉันอยากเป็น... (3)ทองประกายแสด อวสานชีวิตรักน้องทอง ทองเป็นที่พึ่งของทองเองมนตราวายสะ ตอนที่ 14 โตขึ้นฉันอยากเป็น... (2)
ตั้งกระทู้ใหม่