9 ตำนานปีศาจจากประเทศเวียดนามสุดสะพรึง!หาฟังอ่านยาก
เวียดนาม ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีหลากหลายวัฒนธรรม ทั้งตำนานพื้นบ้าน ความเชื่อตามท้องถิ่นต่างๆ และศาสนาที่ได้รับจากทั้งพุทธ ลัทธิเต๋า ขงจื้อ และไสยศาตร์ท้องถิ่น แต่กระนั้นภูติผีปีศาจกลับไม่มีคนพูดถึงมากนักจากประเทศแห่งนี้ วันนี้ เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับภูติผีปีศาจในตำนานของของเวียดนามที่น้อยคนจะรู้จักและหาอ่านยาก วันนี้ เรารวมทั้งหมด 9 ตนมาให้ทุกท่านชมกัน
1. องบ่าบี (Ông Ba Bị)
องบ่าบี เป็นผีหรือวิญญาณคล้ายชายชราสวมเสื้อผ้าขาดปอน ใบหน้าน่ากลัวน่าขนลุก มักเดินเตร็ดเตร่ไปตามท้องถนนในยามวิกาล คอยลักพาตัวเด็กดื้อใส่กระสอบใบปอที่เขาถือติดตัว พ่อแม่ชาวเวียดนามมักจะขู่เด็กๆ ว่าให้ระวังองบ่าบี มาลักพาตัวไปถ้าหากดื้อหรืองอแง คาดว่า อง บ่า บีนั้นเป็นเรื่องเล่าที่มีที่มาจากสมัยคริสต์ศตรวรรษที่ 17 ที่เวียดนามประสบปัญหาขาดแคลนจนมีการลักพาตัวเด็กไปทารุณเกิดขึ้น
2. มาดา (Ma Da)
มาดา พูดง่ายๆ ก็คือผีพราย เป็นผีพรายหญิงที่เกิดจากหญิงสาวที่จมน้ำตายตามแหล่งน้ำ เช่น ทะเลสาบ แม่น้ำ ทะเล หนอง คลอง บึง บ่อน้ำ โดยมักคล้ายกับผีพรายในตำนานอื่นๆ ที่มักปรากฏตัวด้วยรูปร่างซีดขาวคล้ายศพ ผมยาวรุงรังคล้ายวัชพืชในน้ำ ชาวเวียดนามจึงมักจะไม่ให้ผู้คนหรือลูกหลานไปกล้ำกรายแถวแหล่งน้ำในยามวิกาล เพราะมา ดา จะมาลากไปเป็นตัวตายตัวแทน
3. มาทันห์เหวื่อง (Ma Thần Vòng)
มาทันห์เหวื่อง หรือผีตายโหง เกิดจากคนที่ฆ่าตัวตายด้วยการผูกคอหรือตายแบบผิดธรรมชาติ ในทางศาสนาพุทธ วิญญาณเหล่านี้มีกรรมหนักเพราะฆ่าตนเอง จึงทำให้ไปสู่สุขคติไม่ได้ มีจิตผูกด้วยความเศร้าโศกเป็นทุนและติดค้างในโลกคนเป็น จึงมักจะคอยหาตัวตายตัวแทนหรือล่อลวงโน้มน้าวให้คนมาฆ่าตัวตายเช่นเดียวกับตน มา ทันห์ เหวื่องจะสิงอยู่ในเชือกที่ใช้ผูกคอตายหรือสิ่งของของตน หากเป็นคนที่มีจิตแข็งสามารถสวดมนตร์ไล่มันไปได้ และการทำพิธีเผาเชือกหรือของใช้ของมันก็ส่งมันไปยังภพภูมิอื่นได้
4. กุ๋ยหงาบจราง (Quỷ Nhập Tràng)
กุ๋ยหงาบจราง คือวิญญาณร้ายที่สิงสู่ในศพ คล้ายกับผีดิบ ศพเหล่านั้นจะไม่เน่าเสีย และดูคล้ายกับมีชีวิตมาก ร่างของศพนั้นจะถูกกุ๋ยหงาบจรางบังคับบงการให้ออกล่าหาอาหารลักขโมยสัตว์เลี้ยงของผู้คนมากินประทังความหิว แต่กินเท่าไหร่จะไม่อิ่ม โดยสามารถไล่ได้ด้วยหมอผีหรือผู้มีวิชาอาคมได้ เมื่อถูกไล่ออกไป ศพนั้นจะเน่าเสียอย่างรวดเร็วในทันที ซึ่งการป้องกันไม่ให้มีกุ๋ยหงาบจรางมาสิงศพ ก็คือ อย่าให้ศพนั้นถูกแมวดำกระโดดข้ามโลงในพิธีศพนั่นเอง
5. มาจรัง (Ma Trành)
มาจรัง คือเสือสมิง เกิดจากเสือที่มีอายุร้อยปีกินคนเข้าไปมากและมีอาคมแก่กล้าจากวิญญาณมนุษย์จำนวนมากที่อยู่รอบตัวมัน มันสามารถแปลงร่างเป็นคนเพื่อล่อลวงนายพรานไปฆ่ากินได้ ซึ่งเสือที่เป็นมาจรังจะมีข้อสังเกตคือ มันจะมีขนหงอกสีเทาแซมตามตัว มีจุดสีแดงที่หลังหูที่บ่งบอกจำนวนคนที่กินเข้าไป และมันมักจะเลือกพยายามออกมาจากป่าไม่เหมือนเสือทั่วไปเพื่อมาหามนุษย์กินในหมู่บ้านติดกับป่า
6. มาก่า (Ma Ga)
มาก่า คือผีที่มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อดูคล้ายไก่หรือลูกเจี๋ยบพิการ มักถูกผู้มีวิชาหรือผู้ใช้เลี้ยงไว้ในโอ่งหรือไหที่ตั้งสูงบนหิ้งในบ้าน และจะมีการเซ่นไหว้ด้วยเหล้าและเนื้อไก่ มันสามารถสิงคน แปลงร่างเป็นอะไรก็ได้เพื่อหลอกคน และมักเลี้ยงเพื่อเสริมโชคลาภหรือขับไล่โจรผู้ร้าย และการไหว้พวกมันนั้นก็มีราคาต้องจ่าย หากลืมให้อาหารหรือเซ่นไหว้มัน มาก่าจะหลอกหลอนเจ้าของบ้านพร้อมกับทำให้เป็นบ้าหรือป่วยอาการสาหัสเจียนตายได้
7. มาลาย (Ma Lai)
มาลาย เป็นกระสือฉบับของเวียดนาม นิยมเล่าในเวียดนามตอนใต้พื้นที่ที่ติดกับกัมพูชา จึงอาจจะเป็นการแลกเปลี่ยนของวิชาไสยเวทย์ตามวัฒนธรรม โดยกลางวันจะเป็นหญิงสาวที่สวยหรือหญิงชราที่ดูคล้ายคนปกติทุกประการ แต่กลางคืน มาลายจะถอดศรีษะออกไปพร้อมไส้และหัวใจ หรือเพียงแค่ส่วนหัวเปล่าๆ ล่องลอยออกไปในยามวิกาลเพื่อหาอาหารจำพวกของเน่าเสีย รกเด็ก และขยะปฏิกูลกิน เหตุที่เป็นเช่นนี้เกิดจากการเล่นของจนย้อนกลับ ซึ่งวิธีจัดการก็มีเช่น ใช้ของแหลมปักไว้หน้าบ้าน ขึงลวดหนามหรือพืชมีหนามไว้ตามรั้ว เกลือ พริก คาถาอาคม หรือซ่อนส่วนลำตัวของมันทำให้มันประกอบร่างคืนไม่ได้ หากมาลายประกอบร่างไม่ได้ มันจะตายไปเองในรุ่งเช้า
8. แถ่งจรึง Thần Trùng
แถ่งจรึง เป็นปีศาจที่มีหัวเป็นนกที่น่ากลัว ลำตัวเป็นคนที่ผอมแห้งไม่สวมเสื้อผ้า มักจะไปเกาะตามหลังคาบ้านที่มีคนป่วยและเร่งดูดพลังชีวิตให้คนๆ นั้นอาการแย่ลงจนตายคาที่ แถ่งจรึงบางครั้งก็ปรากฏตัวหน้าสุสานเพื่อขโมยกินศพได้อีกด้วย
9. มาวุด่าย (Ma Vú Dài)
มาวุด่าย เป็นผีรูปร่างคล้ายผู้หญิง มีหน้าอกยานเปลือยเห็นเต้าห้อยต่องแต่งดูน่าขนลุก มักจะปรากฏตัวตอนกลางคืนสิงสู่ตามต้นกล้วยหรือต้นไม้ใหญ่ โดยเมื่อคนเห็นนาง จะถูกสะกดให้เดินไปหาและถูกบังคับให้กินนมจากเต้า เขาคนนั้นจะสลบไปและตื่นขึ้นมาพร้อมน้ำโคลนเต็มปาก จัดเป็นผีที่น่ากลัวค่อนข้างน้อย และคาดว่าเป็นเรื่องแต่งเพื่อเตือนลูกหลานไม่ให้เข้าใกล้ป่าหรือต้นไม้ใหญ่ยามวิกาลนั่นเอง