หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

นิทานชาดกจากลุ่มน้ำโขง สีทน - มโนราห์ (ສີທົນມະໂນລາ)

โพสท์โดย ประเสริฐ ยอดสง่า

เมืองอุดรปัญจาล มีท้าวอาทิจจวงศ์ เป็นผู้ครองเมือง มีมเหสีนามว่า จันทาเทวี มีพระโอรส 1 องค์ นามว่า สุธนกุมาร เมื่อสุธนกุมารเจริญวัยได้ศึกษาศิลปศาสตร์จนเชี่ยวชาญ ทิศตะวันตกของเมืองอุดรปัญจาลมีพญานาคชื่อ ชมพูจิตร อาศัยอยู่ในสระใหญ่ และเป็นที่สักการะของชาวเมือง เพราะเชื่อว่าด้วยอำนาจของพญานาคจึงทำให้บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ปราศจากอันตราย

เมืองมหาปัญจาล อยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองอุดรปัญจาลได้เกิดเภทภัยแห้งแล้ง ชาวเมืองจึงพากันอพยพไปอยู่ที่เมืองอุดรปัญจาล ทำให้กษัตริย์ของเมืองมหาปัญจาลเกิดความสงสัย จากนั้นจึงทราบว่าต้นเหตุนั้นมาจาก พญานาคชมพูจิตร ที่ชาวเมืองเชื่อกันว่า เหตุที่ปัญจาลนครอุดมสมบูรณ์เป็นเพราะอำนาจของพญานาค จึงได้ประกาศหาพราหมณ์ผู้มีเวทมนตร์ไปฆ่าพญานาคชมพูจิตร

เมื่อเมืองมหาปัญจาลส่งพราหมณ์ผู้มีเวทมนตร์มาที่อุดรปัญจาล ก็ทำพิธีเพื่อฆ่าพญานาคชมพูจิตร ฝ่ายพญานาคชมพูจิตรก็ทนอยู่เมืองบาดาลไม่ได้จึงแปลงกายเป็นพราหมณ์ แล้วไปซ่อนตัวอยู่ที่ขอบสระ จากนั้นได้เจอกับ พรานบุณฑริก และเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ให้ฟัง และขอให้พรานบุณฑริกช่วยเหลือตนให้พ้นจากเวทมนตร์ของพราหมณ์แห่งเมืองมหาปัญจาล

ขณะที่พราหมณ์แห่งเมืองมหาปัญจาลทำพิธี เพื่อจะจับพญานาคชมพูจิตร พรานบุณฑริกจึงยิงพราหมณ์ด้วยธนู จากนั้นจึงบังคับให้คลายมนตร์ และฆ่าพราหมณ์ ณ ที่นั่น หลังจากที่พรานบุณฑริกได้ฆ่าพราหมณ์แล้ว พญานาคชมพูจิตรก็พานายพรานไปยังเมืองบาดาล และบำรุงบำเรอให้มีความสุข พรานบุณฑริกอยู่ที่เมืองบาดาลได้เพียง 7 วันก็ลากลับ พญานาคชมพูจิตรจึงตอบแทนด้วยแก้วแหวนเงินทองจำนวนมาก พร้อมกับสั่งว่า หากพรานบุณฑริกต้องการความช่วยเหลือก็ให้มาบอก

วันหนึ่ง นายพรานบุณฑริกไปล่าสัตว์ในป่า ได้พบกับ พระกัสสปฤษี ซึ่งมีอาศรมอยู่ใกล้สระน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง และทราบจากฤาษีว่า ในวันขึ้น 15 ค่่ำ จะมีบรรดานางกินรีมาอาบน้ำในสระ เมื่อนายพรานทราบเช่นนั้นจึงไปแอบซุ่มดูอยู่ที่ริมสระ ฝ่ายนางกินรีทั้ง 7 ธิดาท้าวทุมราช พร้อมบริวารก็พากันมาอาบน้ำในสระ จนบ่ายคล้อยจึงบินกลับ นายพรานเมื่อเห็นรูปร่างของนางกินรีก็คิดพาอยากจะได้ไปถวายพระสุธน จึงกลับมาปรึกษาพระฤาษี พระฤาษีจึงแนะนำว่า มีแต่นาคบาศของพญานาคเท่านั้นที่จะจับกินรีได้

นายพรานไปอ้อนวอนขอยืมบ่วงนาคบาศจากพญานาคชมพูจิตร ด้วยเหตุที่นายพรานเคยช่วยชีวิตตนเอาไว้ จึงให้บ่วงนาคบาศแก่นายพราน เมื่อได้บ่วงนาคบาศจากพญานาคมาแล้ว ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เหล่านางกินรีพาอาบน้ำที่สระแห่งนั้นอีก พรานบุณฑริกจึงแอบซุ่มอยู่ริมสระ จากนั้นเมื่อได้โอกาสจึงปล่อยบ่วงนาคบาศไปคล้องนางมโนราห์ ทำให้บรรดากินรีนางอื่นๆ แตกตื่นบินหนีกลับเมืองไกรลาศ และทูลเท้าทุมราชและนางเทพกินรีให้ทราบเหตุ เมื่อนางเทพกินรีทราบเช่นนั้นก็พาบริวารออกตามหานางมโนราห์

กล่าวถึงพรานบุณฑริก เมื่อเก็บปีกและหางนางมโนราห์แล้ว ก็เปลื้องนาคบาศจากตัวนาง และพานางเดินจากป่าหิมพานมาจนถึงเมืองอุดรปัญจาล ขณะนั้นเป็นเวลาที่พระสุธนเสร็จประพาสอุทยาน พระสุธนทอดพระเนตรเห็นนางมโนราห์ก็เกิดความรักใคร่ จากนั้นจึงเรียกนายพรานมาถาม พรานเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พระสุธนฟัง และถวายนางแก่พระสุธน หลังจากที่พระสุธนรับนางมโนราห์ไว้ ได้ให้คนสนิทไปทูลบิดามารดาให้ทรงทราบ เมื่อบิดามารดาทราบเช่นนั้นจึงเสร็จออกไปจัดพิธีอภิเษกให้ ณ ตำหนักอุทยาน แล้วรับพระสุธนกับนางมโนราห์กลับเข้าพระนคร

มเหสีท้าวทุมราชและบริวาร บินตามหานางมโนราห์มาจนถึงสระโบกขรณี พบแต่แหวนที่นางถอดวางไว้ จึงเก็บกลับไปเมืองไกรลาศ

ในราชสำนักของพระสุธน มีพราหมณ์ผู้หนึ่งเป็นที่โปรดปรานของพระสุธน พระสุธนได้ให้คำมั่นสัญญากับพราหมณ์ว่า เมื่อพระองค์ได้ครองราชย์จะให้พราหมณ์ผู้นั้นดำรงตำแหน่งปุโรหิต เป็นเหตุให้ปุโรหิตที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงอาฆาตพระสุธน ถึงขั้นใส่ความว่า พระสุธนคิดกบฏ แต่ท้าวอาทิจจวงศ์ไม่เชื่อ

มีข้าศึกยกมาตีเมืองอุดรปัญจาล ปุโรหิตยุยงท้าวอาทิจจวงศ์ให้พระสุธนไปรบ พระสุธนสารารถปราบฆ่าศึกและได้ชัยชนะ ในวันที่พระสุธนได้รับชัยชนะนั้น ท้าวอาทิจจวงศ์ทรงพระสุบินว่า พระอันตะไหลออกมากองรอบจักรวาลได้ 3 รอบ แล้วหดหายเข้าไปในพระอุระดังเดิม

ท้าวอาทิจจวงศ์ให้ปุโรหิตมาทำนายความฝัน ปุโรหิตเห็นโอกาสที่จะแก้แค้นพระสุธนจึงทำนายว่า เป็นฝันร้ายจะเกิดภัยอันตรายใหญ่หลวง และทูลให้ทำพิธีบูชายัญด้วยสัตว์ 2 เท้าและสัตว์ 4 เท้า รวมทั้งนางกินรี และทูลว่า ต้องนำตัวนางมโนราห์มาบูชายัญด้วย แต่เท้าอาทิจจวงศ์ไม่ยอม ปุโรหิตจึงกราบทูลถึงความจำเป็นโดยอ้างเหตุผลต่างๆ จนท้าวอาทิจจวงศ์ต้องยอม เมื่อนางมโนราห์ทราบข่าวร้ายจากสาวใช้ก็ตกใจ รีบไปทูลนางจันทาเทวีให้ช่วย นางจันทาเทวีจึงทูลทัดทานท้าวอาทิจจวงศ์แต่ก็ไม่เป็นผล

เมื่อใกล้ถึงเวลาทำพิธีนางมโนราห์คิดอุบายขอปีกหางและเครื่องประดับ อ้างว่าจะทำการร่ายรำถวาย เมื่อนางจันทาเทวีดูจนเพลิน ขณะนั้นราชบุรุษจะเข้ามาจับตัวนาง นางก็บินหนีออกไปทางช่องพระแกล นางมโนราห์บินไปถึงป่าหิมพานต์ก็แวะไปหากัสสปฤษี แล้วสั่งความไว้ว่า ถ้าพระสุธนตามถึงที่นี่ให้ทัดทานไว้ เพราะหนทางข้างหน้าทุระกันดารเต็มไปด้วยภัยอันตราย นางจึงฝากภูษาและธำรงค์ไว้ให้พระสุธน

จากนั้นเมื่อนางนึกได้ว่า พระสุธนคงไม่ฟังคำทัดทานและจะออกติดตามหานางให้จงได้ นางจึงบอกทางแก่ฤาษีให้บอกพระสุธนว่า ทางไปเมืองไกรลาศนั้นเต็มไปด้วยภัยอันตรายต่างๆ พร้อมวิธีแก้ไขโดยละเอียดว่า เมื่อพ้นทางที่มนุษย์จะไปได้แล้วจะถึงป่าไม้ที่มีผลเป็นพิษให้พระสุธนจับลูกวานรไปด้วย เพื่อจะได้เลือกกินผลไม้ที่ไม่เป็นพิษ จากนั้นจะถึงป่าหวายทึบให้พระสุธนใช้ภูษาคลุมกาย และนอนให้ "นกหัสดีลิงค์" มาโฉบข้ามป่าไป เมื่อข้ามไปได้แล้วให้ทำเสียงดังให้นกตกใจบินหนี และเดินทางต่อไปจะพบช้างสารต่อสู้กันขวางทางอยู่ ให้พระสุธนใช้ผงยาทาให้ทั่วกายแล้วร่ายมนตร์เดินลอดระหว่างขาช้างไป จากนั้นจะถึงภูเขา 2 ลูก โน้มยอดกระทบกัน ให้พระสุธนใช้มนตร์เพื่อภูเขาจะได้แยกเป็นช่อง แล้วให้รีบเดินผ่าน จากนั้นจะผ่านไปถึงที่อยู่ของหมู่ผีเสื้อน้ำ ให้ร่ายมนตร์ก็จะผ่านไปได้ เมื่อเดินทางต่อไปจะผ่านป่าหญ้าคา ภูเขาทอง ภูเขาเงิน ป่าหญ้า ป่าไม่ไผ่ ป่าดงอ้อ และจะถึงป่าทึบที่มีสระน้ำลึกเต็มไปด้วยงูพิษ ริมสระนั้นก็เป็นภูเขายากที่จะผ่านไปได้ แต่ถ้าพระสุธนผ่านไปได้ก็จะถึงดงดอนใหญ่ที่นั่นจะมียักษ์สูงใหญ่ ให้พระสุธนใช้ยาผงโรยที่ลูกศรยิงให้ถูกอกยักษ์ เมื่อยักษ์ล้มให้เดินไปทางหัวยักษ์ก็จะพบแม่น้ำ ที่มีงูเหลือมทอดกายเหมือนสะพานทอดข้ามแม่น้ำ จากนั้นก็ถึงป่าหวายจะมีพญานกทำรังอยู่บนต้นไม้ใหญ่ในป่าหวาย ให้พระสุธนไปซ่อนอยู่ในรังนก เพื่อจะได้อาศัยเกาะขนนกพามาจนถึงเมืองไกรลาศ เมื่อสั่งความทุกสิ่งอย่างแล้ว นางมโนราห์ก็จดมนตร์ลงบนใบไม้ฝากไว้พร้อมกับห่อยา และนางก็ลาพระกัสสปฤษีบินกลับเมืองไกรลาศ

ฝ่ายพระสุธนเมื่อมีชัยแก่ฆ่าศึกก็ยกทัพกลับอุดรปัญจาล เมื่อถึงพระนครก็ทรงทราบเรื่องราวจากนางจันทาเทวีว่า นางมโนราห์จะถูกจับบูชายัญนางจึงบินหนีไป พระสุธนให้นายพรานบุณฑริกนำทางไปที่อาศรมฤาษี เมื่อถึงอาศรมแล้วให้นายพรานกลับ ส่วนพระองค์เองเข้าไปถามถึงนางมโนราห์ กัสสปฤษีมอบธำรงและภูษาที่นางมโนราห์ฝากไว้แก่พระสุธน พร้อมบอกความตามที่นางสั่งห้ามไม่ให้ตามไป แต่พระสุธนยังยืนยันที่จะติดตาม ฤาษีจึงบอกอุบายแก้ภัยอันตรายต่างๆ และมนตร์ที่นางมโนราห์ฝากและจดไว้ให้พระสุธน ดังที่นางบอกไว้ทุกประการ จากนั้นฤาษีมอบยาแล้วชี้เส้นทางที่นางไป เมื่อทราบความสิ้นแล้วพระสุธนจึงจับลูกวานรมาตัวหนึ่ง แล้วลากัสสปฤษีเดินทางตามเส้นทางและสถานที่ต่างๆ ที่นางบอกไว้

พระสุธนได้เดินทางตามทางทุรกันดารพบภัยอันตรายต่างๆ และสามารถรอดพ้นด้วยอุบายที่นางมโนราห์บอกไว้ทุกประการ พระสุธนใช้เวลาเดินทางทั้งสิ้นเป็นเวลา 7 ปี 7 เดือน และ 7 วัน พระสุธนเดินทางถึงป่าหวายที่มีหนามแหลมคม จึงห้อยโหนขึ้นไปบนต้นไม้ที่อยู่ระหว่างป่าหวาย ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำ ไม่รู้ว่าจะเดินทางต่อไปแห่งหนใด ก็เกิดความรันทดท้อพระทัยนึกถึงตนเองที่ได้ละทิ้งบิดามารดา จึงต้องมาทนทุกข์ยากลำบาก เพราะหลงรักผู้หญิงจึงรำพันออกมาว่า “เราอาศัยอีผู้หญิงจึงมาละทิ้งบิดามารดาผู้มีบุญคุณได้มาเสวยทุกข์ลำบากอย่างใหญ่คราวนี้ เราจะไปทางไหนได้"

ขณะพระสุธนกันแสงอยู่ ก็ได้ยินเสียงพญานกซึ่งอาศัยอยู่บนต้นไม้พูดคุยกันว่า "พรุ่งนี้ ที่เมืองไกรลาศจะมีพิธีชำระมลทินล้างกลิ่นสาบมนุษย์ให้แก่นางมโนราห์ เนื่องจากถึงกำหนดวันคำรบ 7 ที่นางหนีกลับมาจากเมืองมนุษย์ จะมีงานสมโภชทำขวัญนาง เราจะพากันไปกินเครื่องพลีกรรมในเมืองนั้น" เมื่อพระสุธนได้ยินเช่นนั้น ก็คลานเข้าไประหว่างซอกขนพญานก ผูกตนไว้กับขนปีกอย่างมั่นคง และคอยอยู่จนรุ่งเช้าพญานกก็พากันบินไปเมืองไกรลาศ เมื่อใกล้จะถึงเมืองไกรลาศก็ร่อนลงยังขอบสระใหญ่ พระสุธนได้โอกาสรีบแก้มัดออกแล้วแอบเข้าไปซ่อนตนอยู่ริมสระแห่งนั้น

สาวใช้ของนางมโนราห์พากันมาตักน้ำที่สระและสนทนากัน พระสุธนซึ่งแอบอยู่ริมสระได้ยินเข้าก็ปรารถนาจะทราบเรื่อง จึงอธิษฐานว่า ขออย่าให้นางกินรีคนสุดท้ายยกหม้อน้ำขึ้นได้ ด้วยอำนาจแรงอธิษฐานทำให้กินรีนางสุดท้ายไมสามารถยกหม้อน้ำขึ้นได้ เมื่อเหลียวมาพบพระสุธนจึงขอความช่วยเหลือ พระสุธนจึงไต่ถามจึงทราบว่า นางมาตักน้ำเพื่อจะไปสรงนางมโนราห์ชำระกลิ่นสาบมนุษย์ พระสุธนจึงถอดธำรงค์หย่อนลงในหม้อน้ำ แล้วยกให้นางกินรีผู้นั้นรับไป

ฝ่ายนางมโนราห์ถึงเวลาเข้าที่สรง ก็รับหม้อน้ำมารด ครั้นถึงหม้อที่มีธำรงค์สาวใช้ได้รดลงที่ศีรษะนางมโนราห์ พระธำรงค์ก็เลื่อนมาสวมอยู่ที่นิ้วก้อยของนาง นางจึงรู้ว่า พระสุธนติดตามมาถึงแล้ว

เมื่อเสร็จพิธีสรง ก็เรียกนางสาวใช้มาถาม สาวใช้ก็ทูลให้ทราบ นางมโนราห์จึงจัดผ้าทรงกับเครื่องกระยาหารให้นำไปถวายพระสุธน แล้วนางมโนราห์ก็ไปทูลนางมารดาและบิดาให้ทราบ ท้าวทุมราชผู้เป็นบิดาทราบเรื่องราวจึงรับสั่งถามถึงพระสุธน นางมโนราห์ทูลถึงความเก่งกล้าสามารถของพระสุธน ท้าวทุมราชจึงถามด้วยความสงสัยว่า ทำไมนางจึงหนีมา นางมโนราห์ก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ทรงทราบ ท้าวทุมราชจึงถามต่อว่า หากพระสุธนเป็นผู้ที่มีความเก่งกล้าสามารถจริง เหตุใดจึงไม่ติดตามนางมา นางมโนราห์จึงได้โอกาสทูลว่า ขณะนี้พระสุธนได้ติดตามมาถึงเมืองไกรลาศแล้ว ท้าวทุมราชจึงให้ไปรับพระสุธนเข้ามาในเมือง และถามถึงการเดินทาง พระสุธนก็เล่าถวายให้ทรงทราบทุกประการ

ท้าวทุมราชให้ประชุมเทวดาและคนธรรพ์แล้วให้พระสุธนทดลองธนูฤทธิ์ โดยยิงธนูทะลุผ่านเครื่องกีดขวาง คือ ต้นตาล กระดานไม้มะเดื่อ เสาหิน แผ่นเหล็ก แผ่นทองแดง และเกวียนบรรทุกทราย ที่วางซ้อนกัน 7 ระยะ และให้ยกศิลาแท่งใหญ่ ซึ่งบุรุษพันหนึ่งจะยกไหว พระสุธนก็สารารถกระทำได้ พวกเทวดา คนธรรพ์ กินนร ที่มาประชุมก็แซ้ซ้องสาธุการชมฤทธิ์พระสุธน ท้าวทุมราชก็ประสงค์จะลองใจพระสุธน จึงให้แต่งธิดาทั้ง 7 องค์ มานั่งเรียงกัน และให้พระสุธนเข้าไปชี้ว่า มเหสีของพระองค์คนไหน หากเลือกถูกจะให้อภิเษก พระสุธนเมื่อเห็นรูปร่างนางทั้ง 7 เหมือนกันหมดจึงไม่อาจเลือกได้

ด้วยอ้านาจความสัตย์ของพระสุธนร้อนถึงพระอินทร์ พระอินทร์จึงจ้าแลงเป็นแมลงวันทองมาจับที่ผมของนางมโนราห์ พระสุธนจึงชี้ตัวถูก ท้าวทุมราชจึงจัดงานอภิเษกให้ อยู่มาวันหนึ่งพระสุธนปรารถนาจะกลับไปยังเมืองอุดรปัญจาล นางมโนราห์จึงขอติดตามไปด้วย จึงได้ไปกราบทูลท้าวทุมราชให้ทราบ ท้าวทุมราชก็ใคร่จะไปยังโลกมนุษย์ด้วย

ท้าวทุมราชจัดเตรียมไพร่พลเหาะไปยังอุดรปัญจาล เมื่อไปถึงก็ตั้งพลับพลาใกล้อุดรปัญจาล ฝ่ายท้าวอาทิจจวงศ์ครั้งเห็นพลับพลาและไพร่พลมากมายเช่นนั้นก็คิดว่า มีข้าศึกมาล้อมเมือง จึงตกพระทัยไม่รู้จะคิดอ่านอย่างไร พระสุธนเกรงว่า พระบิดาจะเข้าพระทัยผิด จึงพาบริวารเข้าไปกราบทูลให้ผู้เป็นพ่อทรงทราบทั้งหมด ตลอดจนพานางมโนราห์กลับมา

หลังจากที่ท้าวทุมราช ลากลับไปยังนครไกรลาศแล้ว ท้าวอาทิจจวงศ์ก็มอบราชสมบัติแก่พระสุธน ส่วนพระองค์เองเสด็จออกบรรพชาเป็นดาบส พระสุธนก็ครอบครองราชย์สมบัติเป็นสุขสืบต่อมา เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว ก็ขึ้นไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิตเทวโลก

 

โพสท์โดย: ประเสริฐ ยอดสง่า
อ้างอิงจาก:
https://youtu.be/UKXpOM9SPX4?si=MU3TJyEE5sr0mQ3S
สีทน-มโนราห์ จากนิทานชาดกลุ่มน้ำโขง
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สาวออฟฟิศพูดเล่นๆ ถ้าถูกลอตเตอรี่จะลาออกจากงาน สุดท้ายถูกจริงเเม่เลี้ยงเดี่ยว ป่วยมะเร็ง เจอเพื่อนบ้านเปิดเพลงดัง รุมด่า-ขู่ทำร้ายถึงหน้าบ้าน จบปรับ 500เตือนจากประสบการณ์จริง ที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหาเปิดตัวแฟชั่นทนายสายหยุด ที่มาพร้อมกับเครื่องประดับสุดหรู ราคาต่อชิ้นไม่ธรรมดารวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่เป็นวันพฤหัส ที่กระแสน้องเสือ เอวา ที่สวนสัตว์เชียงใหม่กำลังมาแรงเด้อครับเด้อ"งานขนส่งรวยกว่าที่คิด! หนุ่มเผยรายได้ วิ่งทั้งเดือนเทียบออฟฟิศสบายๆ""ลิลลี่ เหงียน" สวนกลับ "ปู มัณฑนา"..อย่าลืมเอาเงินมาคืนกะxsี่ผู้มีพระคุณด้วยเพียง 3 วินาที หญิงสาวสามารถขโมยนมผงในร้านสะดวกซื้อโดยไม่มีใครเห็นจากเรื่องสามก๊ก สามคนสาบานเป็นพี่น้องในสวนท้อ ไม่มีจริงในประวัติศาสตร์จีน“จี๋ สุทธิรักษ์” พระเอกสุดปัง โกอินเตอร์แสดงซีรีส์ญี่ปุ่น เตรียมออนแอร์ต้นปี 2025!ชายอายุ 50 ปีกลั้นอุจจาระเป็นเวลานาน ตรวจพบมะเร็งลำไส้ระยะที่ 3ตำรวจไม่ท้อ นักข่าวไม่ถอย ! แถลงข่าวผลการกวาดล้างอาชญากรรม สู้กับฝน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
9 เมนู อาหารจานเดียว อาหารตามสั่ง กินแล้วตอบโจทย์ ดีต่อสุขภาพรวมคำคมนักเลง กวนๆวัยรุ่นชายอายุ 50 ปีกลั้นอุจจาระเป็นเวลานาน ตรวจพบมะเร็งลำไส้ระยะที่ 3ตั๊กแตนสีชมพูสุดแปลกในซัฟฟอล์ก: ผลงานของธรรมชาติที่หายาก
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
อีกมุมของ "ยายสา" ตำนานแม่มดแห่งสมิหลา กับความลึกลับที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย"“ศึกเสน่หา ไกรทอง ชาละวัน” ในที่สุดไกรทองก็มีเมียครบ 5 คนยายสา: ตำนานรักกลางเกลียวคลื่นแห่งสมิหลาทุ่งไหหิน (ທົ່ງໄຫຫິນ)
ตั้งกระทู้ใหม่