เช็คเลย!! “อาหาร” ที่ไม่ควรกินคู่กัน
เช็คเลย!! “อาหาร” ที่ไม่ควรกินคู่กัน
1) โปรตีน(อาหารจำพวกถั่ว ไข่ นม เนื้อสัตว์ ปลา กุ้ง) + เอนไซม์ทริปซิน (trypsin; อาหารจำพวกถั่ว)
มักทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ซึ่งเป็นอาการของอาหารเป็นพิษ
คำอธิบาย: ยกตัวอย่างเช่น น้ำเต้าหู้ใส่ลูกเดือย ในถั่วเหลืองดิบมีเอนไซม์ทริปซินที่ขัดขวางการดูดซึมโปรตีนที่อยู่ในลูกเดือยและควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่ทำหน้าที่สลายโปรตีนในร่างกาย ทำให้เกิดอาการระคายเคืองกระเพาะและลำไส้ ส่งผลให้คลื่นไส้ อาเจียน เอนไซม์สลายโปรตีนเหล่านี้จะถูกทำลายเมื่อถูกความร้อน ดังนั้น หากเรานำไปต้มให้เดือดปรุงให้สุกก็จะไม่เกิดอาการอาหารเป็นพิษ
2) โปรตีน(อาหารจำพวกถั่ว ไข่ นม เนื้อสัตว์ ปลา กุ้ง)+กรดอินทรีย์ เอนไซน์ กรดมาลิก (malic acid;ผลไม้ คาร์โบไฮเครต)
ทำให้ท้องเสียบ่อย
คำอธิบาย: ยกตัวอย่างเช่น แอปเปิลกับนมวัว เมื่อโปรตีนในนมวัวรวมกับกรดมาลิกในแอปเปิล และสะสมจนถึงระดับหนึ่ง นมจะตกตะกอนทำให้ท้องเสียบ่อย จึงไม่ควรกินคู่กัน
3) ไลซีน (lysine) ในอุณหภูมิสูง(เนื้อสัตว์ อาหารทะเล อาหารจำพวกนม) + น้ำตาล (คาร์โบไฮเดรต)
ทำให้กระเพาะและลำไส้ปั่นป่วนคลื่นไส้ ท้องเสีย
คำอธิบาย: ยกตัวอย่างเช่น นมรสหวาน นมแช่เย็นที่นำมาเดิมน้ำตาลจะไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงแต่นมที่อุ่นให้ร้อนและนำมาเติมน้ำตาลจะมีผลเสียต่อร่างกายเพราะในนมวัวมีไลซีน ซึ่งเมื่อรวมตัวกับน้ำตาลในอุณหภูมิสูง จะกลายเป็นสารชนิดหนึ่งที่ย่อยยาก ทำให้กระเพาะลำไส้ปั่นป่วน อาการจะรุนแรงมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน
4) วิตามินซี(ผัก ผลไม้)+โซเดียมอาร์เซเนต(sodium arsenate; กุ้ง)
อาจทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงหรืออาหารเป็นพิษ
คำอธิบาย: ยกตัวอย่างเช่น กุ้งมะนาว กุ้งมีโซเดียมอาร์เซเนต มะนาวมีวิตามินซี เมื่อสาร 2 ชนิด มาพบกันจะกลายเป็นสารอาร์เซไนด์ (arsenite) ซึ่งเป็นสารพิษชนิดหนึ่ง ถ้าร่างกายได้รับในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ ถ้าหากนำไปปรุงให้สุก ก็จะช่วยยับยั้งไม่ให้วิตามินซีไปกระตุ้นโซเดียมอาร์เซเนตและกลายเป็นสารอาร์เซไนต์ นอกจากนี้ สารโลหะอย่างสารโซเดียมอาร์เซเนตมักสะสมอยู่บริเวณหัวกุ้ง ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการกินหัวกุ้ง
5) แคลเซียม(ผักสีเขียวเข้ม สาหร่ายทะเล อาหารจำพวกถั่ว นม และไข่ ปลาที่มีก้าง)+กรดแทนนิก(tannic acid; ผลไม้)
ทำให้กระเพาะปั่นป่วนและอาจทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ เช่น ท้องเสีย ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน
คำอธิบาย: ยกตัวอย่างเช่น ชีสทาร์ดแอปเปิล ชีสอุดมไปด้วยแคลเซียม ส่วนแอปเปิลอุดมไปด้วยกรดแทนนิก หากกินพร้อมกันจะทำให้แคลเซียมในชีสรวมตัวกับกรดแทนนิกในแอปเปิล กลายเป็นสารชนิดหนึ่งที่ย่อยยาก สารตัวนี้จะกัดกระเพาะ ทำให้ระคายเคืองจึงแนะนำให้กินในปริมาณน้อย
6) กินขนมปังโฮลวีต + ตามด้วยกาแฟ
อาจทำให้เกิดอาการหลงลืม กระวนกระวายโมโหง่าย
คำอธิบาย: คาเฟอีนจะทำลายวิตามินบี 1 ที่อยู่ในขนมปังโฮลวีต หากกินในปริมาณมากและเป็นเวลานาน ร่างกายจะขาดวิตามินบี 1 ทำให้ไม่มีสมาธิ ขี้ลืม กระวนกระวายกังวล โมโห และเหนื่อยง่าย จึงแนะนำให้กินห่างกัน โดยเว้นช่วง 1 ชั่วโมง
7) กินข้าว + ตามด้วยผลไม้
อาจทำให้เกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน
คำอธิบาย: ไม่ควรกินผลไม้ระหว่างกินข้าวหรือหลังกินข้าวเสร็จ เพราะ น้ำตาลจากผลไม้ที่อยู่ในกระเพาะจะทำปฏิกิริยากับข้าวจนเกิดเป็นแก๊สในกระเพาะ ทำให้ท้องอืดท้องเฟ้อ จึงแนะนำให้กินห่างกัน โดยเว้นช่วง 1 ชั่วโมง
8) กินมันเผา+ตามด้วยแอปเปิล
อาจทำให้เกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน
คำอธิบาย: มันเทศอุดมไปด้วยแป้งเมื่อกินเข้าไป กระเพาะจะหลั่งน้ำย่อยปริมาณมาก และเมื่อรวมกับสารเพกทิน (pectin) และกรดแทนนักของเส้นใยอาหารในแอปเปิลจะทำให้เกิดลิ่มที่ย่อยยากเป็นเหตุให้ท้องไส้ปั่นป่วน จึงแนะนำให้กินห่างกัน โดยเว้นช่วง 1 ชั่วโมง
9) กินหัวไช้เท้าทอด + ตามด้วยส้ม
ขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยต์
คำอธิบาย: เมื่อกินหัวไช้เท้าร่างกายจะผลิตกรดไทโอไซยานึก(thiocyanic acid) ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับฟลาโวนอยด์ที่อยู่ในส้ม ส่งผลต่อการดูดซึมไอโอดีนของร่างกายและการทำงานของต่อมไทรอยด์ จึงแนะนำให้กินห่างกัน โดยเว้นช่วง 1 ชั่วโมง
10) กินอาหารรมควัน + ตามด้วยเบียร์
สาเหตุของโรคมะเร็งและโรคเกี่ยวกับการย่อยอาหาร
คำอธิบาย: ผู้ที่ดื่มเบียร์บ่อยๆ จะมีสารตะกั่วในเลือดสูง ส่วนอาหารรมควันจะมีสารอะโรมาติกเอมีน(aromatic amine) สูง อาหารรมควันบางชนิดจะผลิตสารพอลิไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (polycyclic aromatic hydrocarbon) ในปริมาณมากระหว่างการย่าง เมื่อสาร 2 ชนิดมารวมตัวกัน อัตราการเกิดโรคมะเร็งหรือโรคเกี่ยวกับการย่อยอาหารจะสูงกว่าปกติ จึงแนะนำให้กินห่างกัน โดยเว้นช่วง 1 ชั่วโมง
11) กินตับหมูผัด + ตามด้วยน้ำชา
อาจทำให้เกิดอาการท้องผูก
คำอธิบาย: สารแทนนินในน้ำชาจะรวมตัวกับธาตุเหล็กในเนื้อสัตว์ เช่น ตับหมู กลายเป็นสารประกอบที่ย่อยยาก ส่งผลต่อการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น จึงไม่ควรดื่มน้ำชาภายใน 1 ชั่วโมงก่อนและหลังอาหาร ควรเว้นช่วง 1 ชั่วโมง
12) กินสเต๊ก (ไก่หรือหมู) + ตามด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
อาจทำให้เกิดอาการมือสั่น ความจำแย่
คำอธิบาย: สเต๊กไก่มีวิตามินบี 1 หากกินพร้อมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ติดต่อกันเป็นเวลานานแอลกอฮอล์จะทำลายวิตามินบี 1 ทำให้กล้ามเนื้อไม่มีแรง มือเท้าสั่นความจำแย่ จึงแนะนำให้กินห่างกันโดยเว้นช่วง 1 ชั่วโมง
13) กินสาหร่ายคมบุ + ตามด้วยน้ำบ๊วย
อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย
คำอธิบาย: ไอโอดีน โพแทสเซียมและแคลเซียมในสาหร่ายคมบุ เมื่อรวมกับกรดผลไม้ (alphahydroxy acid: AHA) ในน้ำบ๊วย จะทำให้เกิดสารที่ย่อยยาก ทำให้ระคายเคืองกระเพาะและลำไส้คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และท้องเสีย จึงแนะนำให้กินห่างกัน โดยเว้นช่วง 1 ชั่วโมง
14) กินอาหารทะเลต้ม +ตามด้วยน้ำบ๊วย
อาจทำให้เกิดอาการท้องผูก
คำอธิบาย: หากกินอาหารทะเลในปริมาณมาก โปรตีนในอาหารทะเลจะรวมตัวกับกรดแทนนิกในน้ำบ๊วย กลายเป็นโปรตีนแอลบูมิน (albumin) ซึ่งจะขัดขวางการทำงานของลำไส้ ทำให้ท้องผูกและส่งผลต่ออัตราการดูดซึมโปรตีน จึงแนะนำให้กินห่างกัน โดยเว้นช่วง 1 ชั่วโมง หากกินคู่กัน จะทำให้ระคายเคืองกระเพาะและลำไส้
15) กินอาหารทะเล + ตามด้วยเบียร์
อาจทำให้เกิดอาการโรคเกาต์ คุณค่าสารอาหารลดลง
คำอธิบาย: ในอาหารทะเลจะมีสารพิวรีน (purine) และสารนิวคลีโอไทด์ (nucleotide)ส่วนเบียร์มีวิตามินบี 1 ที่ย่อยสลายสารทั้ง 2 ชนิดนี้ ดังนั้น เมื่อกินอาหารทะเลพร้อมกับดื่มเบียร์ เบียร์จะไปควบคุมการขับกรดยูริกส่งผลให้กรดยูริกในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นสาเหตุให้เกิดโรคเกาต์ โรคไต หรือโรคข้ออักเสบ
นอกจากนี้ ในปลาสดมีวิตามินดีสูง หากกินอาหารทะเลพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาจลดการดูดซึมวิตามินดีเข้าสู่ร่างกาย 6-7 เท่า จึงแนะนำให้กินห่างกัน โดยเว้นช่วง 1 ชั่วโมง
16) ดื่มน้ำเต้าหู้ + ตามด้วยส้ม
อาจทำให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อย
คำอธิบาย: เมื่อน้ำเต้าหู้ที่อุดมไปด้วยโปรตีนรวมกับกรดผลไม้ในผักผลไม้ ทำให้โปรตีนแข็งตัวและย่อยยาก ส่งผลเสียต่อกระเพาะและลำไส้ ทำให้ปวดท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อและท้องเสีย จึงแนะนำให้กินห่างกันโดยเว้นช่วง 1 ชั่วโมง
17) กินต้นหอม + ตามด้วยน้ำผึ้ง
อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย
คำอธิบาย: ในต้นหอมมีกรดอะมิโนที่ในโมเลกุลมีซัลเฟอร์ เมื่อรวมกับกรดอินทรีย์และเอนไซม์ในน้ำผึ้ง จะก่อให้เกิดสารชนิดหนึ่งที่ส่งผลเสียต่อการบีบตัวของกระเพาะและลำไส้จนกลายเป็นเหตุให้ท้องเสีย จึงแนะนำให้กินห่างกันโดยเว้นช่วง 1 ชั่วโมง
18) ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์+ตามด้วยกาแฟ
อาจทำให้เกิดอาการโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ กระวนกระวาย
คำอธิบาย: เมื่อดื่มแอลกอฮอล์กับกาเฟอีนพร้อมกันจะยิ่งกระตุ้นสมอง หากดื่มในช่วงที่ตื่นเต้นหรือกระวนกระวายใจจะยิ่งทำให้อารมณ์แย่ลง หากมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจอาจทำให้หลอดเลือดขยายตัว เลือดไหลเวียนเร็วขึ้น ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ จึงแนะนำให้กินห่างกัน โดยเว้นช่วง 1 ชั่วโมง
19) ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์+ตามด้วยน้ำชา
อาจทำให้เกิดอาการเมาค้าง โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ โรคไต
คำอธิบาย: เอทานอลที่ถูกย่อยไม่หมดกับน้ำชาที่มีคุณสมบัติช่วยขับปัสสาวะจะไปกระตุ้นไตและส่งผลเสียต่อการทำงานของไต นอกจากนี้ แอลกอฮอล์และน้ำชาล้วนมีคุณสมบัติกระตุ้นหลอดเลือดหัวใจ ดังนั้น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามด้วยน้ำชาจะยิ่งไปกระตุ้นให้หัวใจทำงานหนักขึ้นจึงแนะนำให้กินห่างกัน โดยเว้นช่วง 1 ชั่วโมง
20) กินของหวาน + ตามด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น
คำอธิบาย: แอลกอฮอล์ที่ผ่านกระบวนการป้องกันการออกซิเดชันจะไปควบคุมการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตในร่างกาย ทำให้ปริมาณน้ำตาลกลูโคสที่ถูกนำไปใช้ลดลง ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานไม่ควรกินของหวานและดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตาม แนะนำให้กินห่างกัน โดยเว้นช่วง 1 ชั่วโมง
ป.ล. เพื่อนๆ สามารถติดตามกระทู้อื่นๆ ได้ที่
https://page.postjung.com/n00kky
อ้างอิงจาก: หนังสือกินเปลี่ยนชีวิต ด้วยอาหาร 100 ชนิดจากธรรมชาติ คัมภีร์อาหารเพื่อสุขภาพ ที่แต่งโดย “3 ผู้เชี่ยวชาญ” ทั้งโภชนากร แพทย์แผนปัจจุบัน และแพทย์แผนจีนของไต้หวัน
AI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปี
ทหารไทยพบหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ ยืนยันว่า มี "มหาอำนาจ" แอบส่งอาวุธหนักทันสมัยให้เขมร
4 นักษัตรดวงเศรษฐี ยิ่งอายุมากยิ่งเงินไหลมา—ช่วงพีคอยู่ที่วัยกลางคน
ทรัมป์ยันจะตอบโต้ หลังทหารมะกัน 2 นาย และ ล่ามพลเรือน 1 ราย เสียชีวิตในซีเรีย
11 นายกรัฐมนตรีไทย ที่วาระการดำรงตำแหน่งไม่ครบปี
"ฮุนเซน" เผยเหตุผลที่ไม่ให้ "คนไทย" ข้ามแดนกลับประเทศตอนนี้..เพราะหวั่นมีอันตรายจากระเบิด
"ฝนดาวตกเจมินิดส์" กับคำอธิษฐานบนฟากฟ้า
ดาราดัง "ดิก แวน ไดก์" อายุครบ 100 ปีแล้ว!!
เกิดเหตุเตาแก๊สกระป๋องระเบิดในร้านอาหาร
นางเอกดัง "เหอ ชิง" เสียชีวิตแล้ว
เครื่องบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ประสบเหตุขัดข้องกลางอากาศ เลยบินวกกลับที่เดิม
มาเลเซียเตรียมจัดการประชุมพิเศษอาเซียน ว่าด้วยเหตุปะทะบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย
แนะนำ! เว็บไซต์ ai สามารถวาดรูป [l8+](สร้างฟรี) ผู้ใหญ่เท่านั้น
"ฝนดาวตกเจมินิดส์" กับคำอธิษฐานบนฟากฟ้า
เกิดเหตุเตาแก๊สกระป๋องระเบิดในร้านอาหาร
ธงไทยโบกสะบัด 14 ธ.ค. 68 เวลา 07.00 น. นาวิกโยธิน ปักธงชาติไทย ยึดคืนและควบคุมพื้นที่บ้านสามหลัง จ.ตราด สำเร็จ!
ทหารไทยพบหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งหลักฐานชิ้นนี้ ยืนยันว่า มี "มหาอำนาจ" แอบส่งอาวุธหนักทันสมัยให้เขมร
“นายกฯ” ยืนยันเดินหน้าทางทหารจนพ้นภัยคุกคาม โต้ “ทรัมป์” ว่าระเบิดไม่ใช่อุบัติเหตุ
11 นายกรัฐมนตรีไทย ที่วาระการดำรงตำแหน่งไม่ครบปี
19 ฮีโร่ที่ไม่เคยกลับบ้าน เรื่องจริงสุดพีคของ Granite Mountain Hotshots
ใบหูที่กลับชาติมาเกิดบน “หลังเท้า” ภารกิจแพทย์จีนที่โคตรพีคจนโลกต้องทึ่ง
ผู้หญิงที่อยู่บนต้นไม้ 738 วัน เรื่องจริงที่ทำให้ทั้งโลกต้องเงยหน้ามองป่าเรดวูด