"The Tale of Peter and Inês" กษัตริย์ผู้ที่ควักหัวใจฆาตกร
กระทู้นี้ลองข้ามไปยังเรื่องราวของทางโปรตุเกสดูบ้าง ทุกประเทศต่างก็มีตำนานและเทพนิยายของตนเอง เช่นกันกับโปรตุเกสก็ไม่มีข้อยกเว้น นิทานของโปรตุเกสที่โด่งดังที่สุดก็คือ "เรื่องราวความรักระหว่างกษัตริย์ปีเตอร์แห่งโปรตุเกสและอิเนส เด กัสโตร" เป็นความรักที่ไม่ได้จบอย่างที่คาดหวังไว้ แต่อีกฝ่ายกลับถูกสังหาร ชีวิตได้แยกทั้งคู่จากกัน แต่ความตายกลับทำให้มาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง
1. จุดเริ่มต้น
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นในศตวรรษที่ 14 เมื่อ "เจ้าชายเปโดร" (Prince Pedro) หรืออีกนามคือ "พระเจ้าปีเตอร์ที่ 1 แห่งโปรตุเกส" (Peter I of Portugal) ค.ศ. 1320-1367 เป็นรัชทายาท โดยชอบธรรมของบัลลังก์ ต้องแต่งงานแบบคลุมถุงชนกับ "คอนสตันซา มานูเอล" (Constanza Manuel) จากราชอาณาจักรคาสเทลลา (Castela Kingdom) เพื่อการเมือง ทั้งคู่มีมีลูกชาย-ลูกสาวรวมกัน 4 คน
Constanza Manuel of Castela Kingdom.
2. ความสัมพันธ์ลับๆ
แต่อย่างไรก็ตามพระองค์กลับตกหลุมรักสาวใช้ของว่าที่ภรรยา ที่ติดสอยห้อยตามมารับใช้ด้วย ชื่อของเธอคือ "อิเนส เด คาสโตร" (Inês de Castro) (ค.ศ. 1320-1355) และเธอก็ตอบรับความรักของเจ้าชาย ต่างแอบมีความสัมพันธ์กันลับๆ
3. การกีดกั้นที่ตามมา
วันเวลาผ่านไปพระราชินีคอนสตันซาก็สิ้นพระชนม์ ในขณะกำลังให้กำเนิดบุตรของเจ้าชาย การเสียชีวิตครั้งนี้ทำให้เจ้าชายรู้สึกสบายใจ ที่จะได้ประกาศความสัมพันธ์ของเขากับอิเนสฯ อย่างเป็นทางการ แต่พระบิดาของพระองค์ "พระเจ้าอาฟองโซที่ 4" (King Afonso IV) ไม่ยินยอม และห้ามไม่ให้ทั้งคู่แต่งงานกัน แต่อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็ตัดสินใจ ที่จะอาศัยอยู่ด้วยกันในเมืองโคอิมบรา (Coimbra) ประเทศโปรตุเกส และมีลูกด้วยกัน
4. สังหารหญิงคนรักของเจ้าชาย
แต่เนื่องจากพี่ชายของอิเนส เป็นเพื่อนสนิทกับเจ้าชายเป็นอย่างมาก และมีอิทธิพลก็ได้เริ่มสร้างความกังวัลใจให้กับราชวงศ์ ที่ทั้งสองแอบแต่งงานกัน และลูกๆของพวกเขาก็อาจจะกลายเป็นรัชทายาทในไม่ช้า พระเจ้าอาฟองโซที่ 4 จึงได้ตัดสินใจว่า ถึงเวลาที่จะต้องสังหารอิเนสฯจึงได้รวบรวมคนกลุ่มหนึ่ง และเรียกร้องให้พวกเขาสังหารอิเนสฯทิ้งซะ เธอถูกฆ่าที่ "กินตา ดาส ลากริมาส" (Quinta das Lágrimas) ในเมืองโคอิมบรา โดยการถูกตัดศีรษะ ต่อหน้าลูกๆของเธอโดยขุนนาง 3 คน
5. ควักหัวใจฆาตกร
เจ้าชายพอทราบก็โกรธมากและก็ก่อสงครามกับพ่อ แต่พระราชินี "เบียทริซ" (Queen Beatriz) ผู้เป็นแม่ของเจ้าชาย ได้ขอร้องให้สงบศึกทำให้เจ้าชายต้องยอมแพ้ และสาบานว่าจะไม่ตามล่าคนที่ฆ่าคนรักของเขา แต่ทันทีที่พ่อของเขาสิ้นพระชนม์ ขาก็เปลี่ยนใจ และฆ่าพวกฆาตกรโดยการควักหัวใจ ด้วยมือของพระองค์เอง ดังนั้นจึงทำให้เขาได้รับฉายาว่า "ผู้เหี้ยมโหด"
6. อยู่คู่กันอีกครั้ง
ทั้งสองได้กลับมาพบกันอีกครั้ง หลังจากที่เจ้าชายสิ้นพระชนม์ ซึ่งตอนที่อิเนสฯสิ้นพระชนม์ เจ้าชายก็ได้สถาปนาให้เป็นพระราชินี ทำให้นางได้เป็นพระราชินีโปรตุเกสคนแรก และคนเดียวที่ได้รับการสถาปนาหลังจากสิ้นพระชนม์ไปแล้ว โดยทำตราตำแหน่งนี้ให้ปรากฎ ให้เห็นบนหลุมศพของนาง และทรงสั่งให้หลุมศพของพระองค์ อยู่ติดกับหลุมศพของพระราชินีอิเนสฯ เพื่อทั้งสองจะได้อยู่เคียงข้างกันชั่วนิรันดร์
Recumbent effigy on the tomb of King Peter I (c. 1360), Alcobaça Monastery
7. หลุมศพอยู่ที่ใด
หลุมศพเหล่านี้สร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1358-1367 แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นชาวโปรตุเกศ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศสอยู่บ้าง และตั้งอยู่ที่ "อารามอัลโคบาซา" (Alcobaça Monastery) ตามที่เจ้าชายต้องการ ตอนแรกหลุมศพเหล่านี้ตั้งไว้ในบริเวณทางทิศใต้ของโบสถ์ แต่ต่อมาก็ถูกย้ายไปห้องเก็บหลุมศพ แต่พอในศตวรรษที่ 20 ก็ถูกย้ายกลับมายังที่ตั้งเดิม แต่ตั้งอยู่ตรงข้ามกันแทนที่จะอยู่เคียงข้างกัน หลุมศพพระราชินิอิเนสอยู่ทางทิศเหนือ ส่วนเจ้าชายเปโดรอยู่ทางทิศใต้
King Pedro and Inês de Castro’s tombs in front of each other, c. 1360,
Alcobaça Monastery, Alcobaça, Portugal. Google Arts & Culture.
ขอบคุณภาพ : Google