ตำนานนิทานพื้นบ้าน เรื่อง หนองผีหลอก (Nong Phi Lok)
ในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อน มีหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง หมู่บ้านนี้ มีหนองน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้าน ใช้เป็นแหล่งน้ำดื่ มและทำการเกษตร หนองน้ำแห่งนี้ มีความลึกและกว้างใหญ่ จนเป็นที่เล่าขานว่า มีสิ่งลี้ลับสิงสถิตอยู่ หนองน้ำแห่งนี้ ยังเป็นที่อยู่อาศัยของพญานาคราช ผู้ทรงอำนาจ และเป็นผู้ปกปักษ์รักษาหนองน้ำ มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล พญานาคราช เป็นผู้ที่ชาวบ้านเคารพและเกรงกลัว เพราะเชื่อว่าเขามีพลังอันลึกลับ ที่สามารถควบคุมสายน้ำ และช่วยคุ้มครองหมู่บ้านจากภัยพิบัติ หากผู้ใดลบหลู่ หรือทำให้หนองน้ำแปดเปื้อน อาจถูกพญานาคราช ลงโทษอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ หนองน้ำแห่งนี้ ยังถูกกล่าวขานว่า เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างโลกมนุษย์กับเมืองลี้ลับ ที่เรียกว่า "เมืองบังบด" ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของผู้คน ที่มีความเชื่อว่า เป็นเผ่าพันธุ์ที่ลึกลับ และมีชีวิตอยู่คู่ขนานกับโลกมนุษย์ ผู้คนจากเมืองบังบด มักเดินทางผ่านหนองน้ำแห่งนี้ เพื่อทำกิจธุระในโลกมนุษย์ แต่พวกเขา จะปรากฏตัวให้เห็นเฉพาะในยามค่ำคืน หรือในช่วงเวลาที่หมอกปกคลุมหนองน้ำ ชาวบ้านบางคนเคยเล่าว่า เคยเห็นแสงประหลาด และได้ยินเสียงพูดคุยจากอีกฟากหนึ่งของหนองน้ำ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า เป็นเสียงของคนจากเมืองบังบด
เล่ากันว่า ครั้งหนึ่งในอดีต มีชายหนุ่มชื่อ เป็นผู้มีจิตใจดีและรักสงบ เขาอาศัยอยู่กับมารดา ซึ่งเป็นผู้เฒ่าที่ชาวบ้านเคารพนับถือ วันหนึ่ง ขณะที่เขากำลังหาปลาอยู่ริมหนองน้ำ เขาสังเกตเห็นเงาสีดำลึกลับเคลื่อนไหวอยู่ใต้ผิวน้ำ ความอยากรู้อยากเห็น ทำให้เขาตัดสินใจโยนเหยื่อลงไป แต่ทันใดนั้น คลื่นน้ำก็ปั่นป่วน และเงาดำนั้นก็หายวับไป เงาดำที่เขาเห็นนั้น ไม่ได้เป็นเพียงแค่ภาพลวงตา แต่มันส่งเสียงแปลกประหลาดเหมือนเสียงคำรามลึกจากใต้ผืนน้ำ เสียงนั้น ทำให้เขารู้สึกเย็นสันหลังวาบ แต่ด้วยความอยากรู้ เขายังจ้องมองผืนน้ำต่อไป หวังว่า จะได้เห็นอะไรชัดเจนขึ้น ทว่าเงาดำ กลับจางหายไป พร้อมกับน้ำที่กลับมาเงียบสงบดังเดิม
ในคืนเดียวกัน เขาฝันเห็นหญิงสาวผู้มีใบหน้างดงาม แต่แฝงไปด้วยความเศร้า เธอเล่าให้เขาฟังในฝันว่า เธอชื่อ "ผีฟ้า" เป็นวิญญาณที่ถูกคำสาป ให้เฝ้าหนองน้ำนี้ เนื่องจากในอดีต เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด และถูกชาวบ้านในยุคนั้น โยนลงหนองน้ำ เธอเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงอันโศกเศร้า ว่าเธอเคยเป็นหญิงสาวที่จิตใจดีงาม และรักสงบ แต่ในช่วงเวลาที่ภัยแล้งคุกคามหมู่บ้าน เธอได้แนะนำวิธีบวงสรวงขอฝนจากเทพเจ้า ซึ่งเป็นความรู้ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ชาวบ้านบางคนกลับหวาดกลัว และกล่าวหาว่า เธอใช้มนต์ดำเพื่อเรียกพายุร้าย เธอถูกตัดสินโดยไม่มีความยุติธรรม และถูกลงโทษอย่างไร้ความปรานี โดยถูกจับโยนลงไปในหนองน้ำพร้อมคำสาป ที่ติดตัวเธอมาจนถึงทุกวันนี้ เธอร้องขอให้เขาช่วยปลดปล่อยเธอจากคำสาปนี้ เพื่อให้เธอได้ไปเกิดใหม่และพ้นจากความทุกข์ทรมาน
เขาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสับสน เขาตัดสินใจไปหามารดาเพื่อปรึกษา ผู้เป็นมารดาเล่าว่า หนองน้ำนี้มีตำนานว่า หากใครที่สามารถนำดอกบัวสีทองที่อยู่กลางหนองน้ำ ขึ้นมาได้ จะสามารถปลดปล่อยวิญญาณของผีฟ้าได้ แต่การเดินทางไปเก็บดอกบัวนั้น เต็มไปด้วยอันตราย เพราะต้องเผชิญกับสิ่งลี้ลับ ที่ปกป้องหนองน้ำ
เขารวบรวมความกล้า และอาสาที่จะช่วยเหลือผีฟ้า เขาเตรียมเครื่องรางที่มารดามอบให้ และพายเรือออกไปกลางหนองน้ำ ทันใดนั้น คลื่นน้ำก็เริ่มปั่นป่วน เงาดำขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาจากน้ำ และกลายร่างเป็นพญานาคผู้ดุร้าย เขาใช้เครื่องรางที่มารดามอบให้ เป็นเกราะป้องกัน และด้วยจิตใจที่มั่นคง เขาสวดมนต์และขอให้พญานาคเปิดทางให้เขาได้ช่วยผีฟ้า
พญานาค เมื่อเห็นความจริงใจของเขา จึงสงบลงและพยักหน้าให้ เขาพายเรือต่อไปจนถึงกลางหนองน้ำ และพบดอกบัวสีทองที่ลอยอยู่ เขาเก็บดอกบัวขึ้นมา และทันใดนั้นเอง ท้องฟ้าที่มืดมนก็สว่างไสว เสียงกรีดร้องของผีฟ้าค่อย ๆ จางหายไป พร้อมกับวิญญาณของเธอ ที่ลอยขึ้นสู่ฟ้าอย่างสงบ
หลังจากเหตุการณ์นี้ หนองน้ำที่เคยเงียบสงัด กลับมาสงบสุขอีกครั้ง ชาวบ้านเล่าขานถึงความกล้าหาญของเขา และพญานาคผู้ปกป้องหนองน้ำ ส่วนหนองน้ำนี้ ก็ถูกเรียกว่า "หนองผีหลอก" เพื่อระลึกถึงเรื่องราวในอดีต
คำว่า "หนองผีหลอก" เกิดจากการที่ชาวบ้านเล่าขานกันว่า ในคืนที่มีหมอกลงจัด หรือคืนเดือนมืด บริเวณหนองน้ำ มักมีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้น เช่น เสียงคนพูดคุย เสียงหัวเราะ หรือเสียงร้องไห้ ซึ่งหลายคนเชื่อว่า เป็นเสียงของผีฟ้าหรือวิญญาณอื่น ๆ ที่ยังคงวนเวียนอยู่รอบหนองน้ำ บ้างก็ว่ามีแสงประหลาดลอยขึ้นจากผืนน้ำ ทำให้ชาวบ้านพากันหวาดกลัว และเรียกสถานที่นี้ ด้วยชื่อที่สะท้อนความลี้ลับนี้
ทุกวันนี้ หนองน้ำแห่งนี้ กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ผู้คนเดินทางมาสักการะและขอพร และยังเป็นเครื่องเตือนใจว่า ความกล้าหาญและความเมตตา สามารถปลดปล่อยความทุกข์ได้ แม้จะต้องเผชิญกับสิ่งลี้ลับก็ตาม











