Share Facebook LINE Twitter
หน้าแรก เว็บบอร์ด Chat ตรวจหวย ควิซ คำนวณ Pageแชร์ลิ้ง
หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

6 สถานที่ประวัติศาสตร์ที่ต้องไปเยือนในศรีลังกา

โพสท์โดย น้องมิ่ง รัตนาภรณ์

ศรีลังกา เป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ย้อนกลับไปถึงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสต์ศักราช ดินแดนแห่งนี้เคยรุ่งเรือง ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ และเคยเผชิญกับการรุกรานมากมาย ทั้งจากอินเดียเพื่อนบ้าน และชาติตะวันตก ที่ต้องการเข้ามายึดครอง ศรีลังกา ผ่านการเปลี่ยนแปลงอำนาจ และชื่อเรียก มาหลายยุคหลายสมัย จนกระทั่งได้รับเอกราชในปี 1948 ทั่วทั้งเกาะ เต็มไปด้วยแหล่งประวัติศาสตร์ ที่บอกเล่าเรื่องราวอันน่าหลงใหลของประเทศ ต่อไปนี้คือ 6 สถานที่สำคัญที่ไม่ควรพลาด

 

อนุราธปุระ: เมืองหลวงแห่งแรกของศรีลังกา

เมืองโบราณอนุราธปุระ ก่อตั้งขึ้นในปี 377 ก่อนคริสต์ศักราช และเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรสิงหลยุคแรก สร้างขึ้นโดยพระเจ้า ปัณฑุกาภยะ (ครองราชย์ 380–367 ก่อนคริสต์ศักราช) ซึ่งตั้งชื่อเมืองตามพระปิตุลา อนุราธปุระเป็นเมืองที่มีความสำคัญมานานเกือบ 1,400 ปี และเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนาเมื่อศาสนาเผยแผ่มายังศรีลังการาวปี 246 ก่อนคริสต์ศักราช พุทธศาสนามีบทบาทสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของชาติสิงหล และสถาปัตยกรรมของอนุราธปุระสะท้อนถึงความเชื่อทางศาสนาใหม่นี้ เจดีย์ขนาดใหญ่ในเมืองนี้ถือเป็นอนุสรณ์สถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียยุคโบราณ

แม้อนุราธปุระจะเป็นเมืองสำคัญ แต่ก็ต้องเผชิญกับการแย่งชิงอำนาจ และการรุกรานจากกองทัพอินเดียใต้อยู่บ่อยครั้ง หลังจากช่วงเวลาความวุ่นวายหลายศตวรรษ เมืองถูกทำลายลงครั้งสุดท้ายในปี 993 เมื่อกองทัพจากอินเดียใต้บุกโจมตีและเปลี่ยนเมืองให้กลายเป็นซากปรักหักพัง

ปัจจุบัน ซากเมืองโบราณแห่งนี้ ยังคงเป็นหลักฐานของยุคทองแห่งวัฒนธรรมสิงหล อนุสรณ์สถานและวัดวาอารามที่นี่ ถือเป็นความมหัศจรรย์ทางสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ มีขนาดรองลงมาจากพีระมิดแห่งกีซา สิ่งที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันคือ ต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ (Sri Maha Bodhi) ซึ่งมีอายุกว่า 2,000 ปี และเชื่อกันว่า เป็นกิ่งหนึ่งของต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้

 

วัดถ้ำดัมบุลลา

วัดถ้ำดัมบุลลา มีประวัติศาสตร์ย้อนไปถึงศตวรรษที่ 1 ก่อนคริสต์ศักราช ในรัชสมัยของพระเจ้า วลัคคัมภะ (ครองราชย์ 103 และ 89–77 ก่อนคริสต์ศักราช) พระองค์ทรงถูกโค่นบัลลังก์โดยผู้รุกรานจากทมิฬหลังครองราชย์ได้เพียง 5 เดือน และต้องลี้ภัยอยู่ในถ้ำที่ดัมบุลลานานถึง 14 ปี เมื่อสามารถทวงคืนอำนาจ พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดขึ้นในถ้ำที่เคยเป็นที่หลบภัยของพระองค์ เดิมถ้ำมีเพียงโพรงหินขนาดใหญ่ แต่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นห้องถ้ำ 5 ห้องอย่างเป็นระเบียบ ในเวลาต่อมา กษัตริย์หลายพระองค์ได้บูรณะและตกแต่งเพิ่มเติม และสิ่งที่เห็นในปัจจุบันส่วนใหญ่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 และ 18 วัดถ้ำแห่งนี้ประดับไปด้วยพระพุทธรูปแกะสลักจากหิน และภาพจิตรกรรมฝาผนังสีสันสดใสที่บอกเล่าเรื่องราวทางพุทธศาสนา

 

สิกิริยา

สิกิริยา เป็นเมืองหลวงที่มีช่วงเวลาสั้นที่สุด ของศรีลังกา แต่ก็เป็นหนึ่งในเมืองที่น่าทึ่งที่สุด เดิมทีเคยเป็นสถานที่ปลีกวิเวกของพระสงฆ์ตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช แต่ในอีก 700 ปีต่อมา สถานที่แห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญของประวัติศาสตร์ศรีลังกา เมืองนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วภายใต้สถานการณ์อันดุเดือด เมื่อเจ้าชายกัสสปะ พระราชโอรสองค์รองของพระเจ้า ธาตุเสนะ (ครองราชย์ 455–473) ทรงยึดบัลลังก์ด้วยการเนรเทศพี่ชายของพระองค์ไปยังอินเดียและสังหารพระราชบิดา ด้วยความหวาดกลัวการแก้แค้นจากพี่ชาย พระองค์จึงทรงสร้างป้อมปราการบนยอดหินสิกิริยาที่สูง 200 เมตร และสร้างพระราชวัง พร้อมด้วยเมืองใหม่ที่ฐานหิน ภายในเวลาเพียง 7 ปี

ในปี 491 พี่ชายของพระองค์ โมคัลลานะ ยกทัพกลับมาเพื่อทวงบัลลังก์ กัสสปะพลาดพลั้งเมื่อทรงนำกองทัพออกจากป้อมปราการอันแข็งแกร่งเพื่อต่อสู้ในที่ราบเบื้องล่าง ขณะศึกดำเนินไป ช้างศึกของพระองค์หนีไป ทำให้ทัพของพระองค์แตกพ่าย กัสสปะจึงเลือกจบชีวิตตนเองแทนที่จะถูกจับกุม หลังจากนั้น เมืองหลวงถูกย้ายกลับไปที่อนุราธปุระ ทำให้สิกิริยามีสถานะเป็นเมืองหลวงเพียง 18 ปี

ต่อมา สิกิริยา กลับมาเป็นที่พำนักของพระสงฆ์อีกครั้ง เป็นเวลากว่า 600 ปี ก่อนถูกทิ้งร้างในปี 1155 และถูกลืมไปนานหลายศตวรรษ ปัจจุบัน สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุดในศรีลังกา ไฮไลท์สำคัญ ได้แก่ สวนสวนน้ำ พระราชวังโบราณ และรอยเท้าหินสิงห์ นอกจากนี้ ยังเป็นที่ตั้งของภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาเพียงแห่งเดียวของศรีลังกายุคโบราณ นั่นคือ ภาพวาด "สตรีสิกิริยา" ซึ่งถูกเขียนขึ้นบนหน้าผาในศตวรรษที่ 5 ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 21 ภาพจากเดิม 500 ภาพ

 

โปลอนนารุวะ (Polonnaruwa) 

ซากเมืองโบราณขนาดใหญ่ และได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดี ของโปลอนนารุวะ สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรม และความสำเร็จของศรีลังกาในยุคกลาง เมืองนี้มีความสำคัญทางการค้าตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสต์ศักราช และกลายเป็นฐานที่มั่นของชาวโจฬะจากอินเดียใต้ หลังจากที่พวกเขาทำลายกรุงอนุราธปุระในปี ค.ศ. 993 

หลังจาก 75 ปีแห่งการปกครองโดยชาวโจฬะ กษัตริย์วิชัยพาหุที่ 1 (ครองราชย์ 1055–1110) ได้ขับไล่พวกเขาออกไปและสถาปนาโปลอนนารุวะเป็นเมืองหลวงใหม่ เนื่องจากตั้งอยู่ไกลจากอินเดียและมีความปลอดภัยมากกว่า ต่อมา พระเจ้าปรากรมพาหุที่ 1 หรือที่รู้จักกันในนาม "ปรากรมพาหุมหาราช" (ครองราชย์ 1153–1186) ได้ปฏิรูปเมืองให้เป็นศูนย์กลางของยุคทองของศรีลังกาในศตวรรษที่ 12 

ในช่วงรัชสมัยของพระเจ้าปรากรมพาหุ มีการก่อสร้างอาคารและอนุสรณ์สถานที่สำคัญหลายแห่ง รวมถึงวังหลวง วัดลังกาทิลกาวิหาร และวัดวาตะทาเค ซึ่งเป็นอาคารทรงกลมที่ตั้งอยู่กลางพื้นที่ควอดรังเกิล (Quadrangle) ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมชิ้นเอกของยุคกลาง 

อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ภายใต้การปกครองของพระเจ้าปรากรมพาหุและกษัตริย์นิสังกรรมลล (ครองราชย์ 1186–1196) ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของเมือง โปลอนนารุวะเข้าสู่ยุคแห่งความวุ่นวายในช่วงต้นศตวรรษที่ 13 ด้วยการรุกรานของกองทัพทมิฬ และภายในปี ค.ศ. 1293 เมืองก็ถูกทิ้งร้างและถูกปกคลุมด้วยป่าทึบเป็นเวลานานเกือบ 700 ปี 

 

ป้อมกอลล์ (Galle Fort) 

 

ใจกลางเมืองกอลล์ เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของศรีลังกา คือเขตเมืองเก่าที่มีกำแพงป้อมปราการแบบดัตช์ หรือที่รู้จักกันในชื่อป้อมกอลล์ เมืองนี้เคยอยู่ภายใต้การปกครองของชาวโปรตุเกส ดัตช์ และอังกฤษมายาวนาน 

ก่อนที่ชาวยุโรปจะเดินทางมาถึง กอลล์เป็นเมืองท่าค้าขายที่สำคัญเนื่องจากมีท่าเรือธรรมชาติและตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าระหว่างอาระเบีย อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ชาวโปรตุเกสมาถึงศรีลังกาในปี ค.ศ. 1505 และสร้างป้อมเล็ก ๆ ในกอลล์ในปี ค.ศ. 1589 ต่อมาจึงเสริมป้อมให้แข็งแกร่งขึ้น 

ในปี ค.ศ. 1638 ชาวดัตช์ เริ่มโจมตีป้อมของโปรตุเกส ตามแนวชายฝั่งศรีลังกา และในปี ค.ศ. 1640 พวกเขาสามารถยึดป้อมกอลล์ได้สำเร็จ หลังจากนั้น ดัตช์ได้ขยายป้อมปราการออกไป และปกครองเมืองเป็นเวลากว่าศตวรรษ จนกระทั่งศรีลังกา ถูกยกให้กับอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1796 หลังจากที่ดัตช์ พ่ายแพ้ในสงครามนโปเลียน 

ตลอดศตวรรษที่ 19 กอลล์ยังคงเป็นท่าเรือที่สำคัญของประเทศ แต่เริ่มเสื่อมความสำคัญลงในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เมื่อโคลัมโบกลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าที่สำคัญที่สุดของศรีลังกา ปัจจุบัน ป้อมกอลล์เป็นเมืองโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดแห่งหนึ่งของศรีลังกา การเดินเข้าไปในป้อมแห่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในยุคอาณานิคม ด้วยบ้านเรือนสไตล์ดัตช์ ถนนสายเล็ก ๆ และโบสถ์เก่าแก่ 

 

วัดพระเขี้ยวแก้ว (Temple of the Tooth) 

แหล่งท่องเที่ยวหลักของเมืองแคนดี ในเขตที่ราบสูงของศรีลังกา คือ "วัดพระเขี้ยวแก้ว" ตำนานเล่าว่า หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานในปี 543 ก่อนคริสต์ศักราช พระบรมสารีริกธาตุ รวมถึงพระเขี้ยวแก้ว ถูกเก็บรักษาไว้ และถูกลักลอบนำเข้ามาในศรีลังกา ในศตวรรษที่ 4 

พระเขี้ยวแก้ว ถูกเก็บรักษาไว้ในเมืองหลวงของศรีลังกาเสมอ โดยเปลี่ยนสถานที่ตามยุคสมัย เริ่มจากอนุราธปุระ โปลอนนารุวะ และเมืองสำคัญอื่น ๆ เนื่องจากพระธาตุนี้เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจอธิปไตยของกษัตริย์และเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา 

ในปี ค.ศ. 1284 พระเขี้ยวแก้วถูกกองทัพอินเดียใต้ยึดไป แต่สามารถนำกลับคืนสู่ศรีลังกาได้ในอีกสี่ปีต่อมา ในที่สุด พระเขี้ยวแก้วมาถึงเมืองแคนดีในปี ค.ศ. 1592 และวัดพระเขี้ยวแก้วแห่งแรกถูกสร้างขึ้นราวปี ค.ศ. 1600 

แม้ว่าวัดดั้งเดิมจะไม่เหลืออยู่แล้ว แต่วัดที่เห็นในปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในต้นศตวรรษที่ 18 ในรัชสมัยพระเจ้า Vimaladharmasuriya II (ครองราชย์ 1687–1707) ต่อมามีการขยายและบูรณะหลายครั้ง รวมถึงการสร้างหลังคาทองคำในปี ค.ศ. 1987 ซึ่งเป็นของขวัญจากประธานาธิบดีรณปรเมทะ พรีเมทสะ (Ranasinghe Premadasa) 

ในปี ค.ศ. 1998 วัดพระเขี้ยวแก้วถูกโจมตีโดยกลุ่มกบฏพยัคฆ์ทมิฬ (Tamil Tigers) ด้วยระเบิดที่หน้าวัด ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 คน และโครงสร้างด้านหน้าวัดพังทลายลง อย่างไรก็ตาม การบูรณะอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพทำให้ไม่มีร่องรอยของความเสียหายให้เห็นอีก 

ปัจจุบัน วัดพระเขี้ยวแก้วยังคงเป็นศาสนสถานที่สำคัญที่สุดของศรีลังกา และเป็นสถานที่แสวงบุญของพุทธศาสนิกชนที่ต้องการมากราบไหว้พระเขี้ยวแก้วอันศักดิ์สิทธิ์ 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
มาเป็นคนแรกที่ VOTE ให้กระทู้นี้
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สิบเลขขายดีแม่จำเนียรงวด 16/3/68“แกงรัญจวน” เมนูสุดอร่อย มาจากอาหารเหลือ?ย้อนรำลึกเรื่องราวสะเทือนขวัญของการจารกรรมที่ล้มเหลวของเกาหลีเหนือ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ใจสั่น! หนุ่มหล่อระดับเทพ คัมแบ็กทวงบัลลังก์ Calvin Klein
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
"ช้าง" สัตว์บกที่ตั้งครรภ์ยาวนานที่สุด – 22 เดือนแห่งการรอคอยชีวิตใหม่พระจันทร์สีเลือด: ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงย้อนรำลึกเรื่องราวสะเทือนขวัญของการจารกรรมที่ล้มเหลวของเกาหลีเหนือเงินบำนาญชราภาพแบบใหม่ VS แบบเดิม ต่างกันอย่างไร
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกเว็บบอร์ดหาเพื่อนChatหาเพื่อน Lineหาเพื่อน SkypePic PostตรวจหวยควิซคำนวณPageแชร์ลิ้ง
Postjung
เงื่อนไขการให้บริการ ติดต่อเว็บไซต์ แจ้งปัญหาการใช้งาน แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม ข่าวประชาสัมพันธ์ ลงโฆษณา
เว็บไซต์นี้ใช้ Cookie
เพื่อประสบการณ์ที่ดีและการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติม อ่านนโยบายการใช้งาน
ตกลง