Share Facebook LINE Twitter
หน้าแรก เว็บบอร์ด Chat ตรวจหวย ควิซ คำนวณ Pageแชร์ลิ้ง
หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ผลไม้บ่มสุก ดีจริงเหมือนผลไม้ที่สุกเองตามธรรมชาติหรือไม่?

เนื้อหาโดย รู้ไว้ใช่ว่า by News Daily TH

บ่มสุกผลไม้ เป็นกระบวนการที่พบเห็นได้ทั่วไปในอุตสาหกรรมการเกษตรและการค้าผลไม้ทั่วโลก แต่หลายคนอาจยังสงสัยว่าผลไม้ที่ผ่านการบ่มให้สุกนั้นมีคุณค่าทางโภชนาการและความปลอดภัยเทียบเท่ากับผลไม้ที่สุกเองตามธรรมชาติบนต้นหรือไม่ บทความนี้จะพาไปสำรวจข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับกระบวนการบ่มผลไม้ให้สุก ผลกระทบต่อคุณค่าทางโภชนาการ และความปลอดภัยในการบริโภค โดยอ้างอิงจากงานวิจัยที่น่าเชื่อถือและทันสมัย

ผลไม้บ่มสุกได้อย่างไร

กระบวนการสุกของผลไม้เป็นปรากฏการณ์ทางชีวเคมีที่ซับซ้อน โดยธรรมชาติแล้ว ผลไม้จะสร้างฮอร์โมนพืชที่เรียกว่า "เอทิลีน" (Ethylene) ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางชีวเคมีที่นำไปสู่การสุก การศึกษาโดย Lelievre และคณะ (1997) ในวารสาร Physiologia Plantarum ได้แสดงให้เห็นว่าเอทิลีนกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสลายโครงสร้างผนังเซลล์ การเปลี่ยนแปลงแป้งเป็นน้ำตาล และการสังเคราะห์สารให้กลิ่นและสารให้สี

การบ่มผลไม้ให้สุกในเชิงพาณิชย์มีหลายวิธี:

  1. การบ่มด้วยก๊าซเอทิลีน - วิธีที่พบบ่อยที่สุดในอุตสาหกรรม โดยปล่อยก๊าซเอทิลีนเข้าไปในห้องบ่มที่ควบคุมอุณหภูมิและความชื้น 
  2. การบ่มด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์ - เมื่อสัมผัสกับความชื้น แคลเซียมคาร์ไบด์จะปล่อยก๊าซอะเซทิลีนซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายกับเอทิลีน วิธีนี้เป็นที่นิยมในบางประเทศกำลังพัฒนาแต่มีข้อกังวลด้านความปลอดภัย
  3. การบ่มด้วยความร้อน - การเพิ่มอุณหภูมิจะเร่งกระบวนการเมแทบอลิซึมในผลไม้ทำให้สุกเร็วขึ้น
  4. การบ่มด้วยวิธีธรรมชาติ - เช่น การห่อผลไม้ในกระดาษหรือถุงกระดาษ หรือวางใกล้กับผลไม้ที่ปล่อยเอทิลีนสูง เช่น กล้วยหรือแอปเปิล

 

การศึกษาโดย Barry และ Giovannoni (2007) ในวารสาร Annual Review of Plant Biology ได้แสดงให้เห็นว่ากระบวนการสุกของผลไม้สามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทหลักๆ:


บทความที่น่าสนใจ by News Daily TH
✪ เคยสงสัยกันไหม ผลไม้รถเข็นถึงหวานฉ่ำจัง? ความลับการเพิ่มความหวานผลไม้อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ


การบ่มผลไม้มีเสียต่อร่างกายคนทานไหม?

คำถามที่สำคัญคือ การบ่มผลไม้ให้สุกส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้บริโภคหรือไม่ ข้อกังวลหลักเกี่ยวกับความปลอดภัยของผลไม้บ่มสุกมีดังนี้:

1. การบ่มด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์

การวิจัยโดย Rahman และคณะ (2008) ในวารสาร Pakistan Journal of Biological Sciences พบว่าการบ่มผลไม้ด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ เนื่องจากแคลเซียมคาร์ไบด์ในทางการค้าอาจมีการปนเปื้อนของสารหนู (arsenic) และฟอสฟอรัส (phosphorus) ซึ่งเป็นสารพิษ การบริโภคผลไม้ที่บ่มด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองในปากและลำคอ ท้องเสีย หรือหากได้รับในปริมาณมากอาจส่งผลต่อระบบประสาทและไต

2. การบ่มด้วยเอทิลีน

ในทางตรงกันข้าม การบ่มด้วยก๊าซเอทิลีนที่ได้รับการยอมรับว่าปลอดภัยกว่า การศึกษาโดย Martínez-Romero และคณะ (2007) ในวารสาร Food Science and Technology International ไม่พบหลักฐานที่แสดงว่าการบ่มด้วยเอทิลีนในปริมาณที่ควบคุมส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้บริโภค เนื่องจากเอทิลีนเป็นฮอร์โมนที่ผลไม้ผลิตขึ้นเองตามธรรมชาติ และไม่มีการตกค้างในผลไม้หลังกระบวนการบ่ม

3. สารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้าง

อีกประเด็นหนึ่งที่ต้องพิจารณาคือสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในผลไม้ การศึกษาโดย Bempah และคณะ (2011) ในวารสาร Journal of Environmental Protection พบว่าผลไม้ที่เก็บเกี่ยวก่อนระยะสุกเต็มที่เพื่อนำมาบ่มอาจมีสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในปริมาณที่สูงกว่า เนื่องจากระยะเวลาระหว่างการฉีดพ่นสารเคมีครั้งสุดท้ายกับการเก็บเกี่ยวอาจสั้นกว่าที่แนะนำ

องค์การอาหารและยา (FDA) และองค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ล้างผลไม้ให้สะอาดก่อนบริโภคเพื่อลดความเสี่ยงจากสารเคมีตกค้าง โดยไม่ว่าจะเป็นผลไม้ที่สุกเองตามธรรมชาติหรือผลไม้บ่มสุกก็ตาม

การทานผลไม้บ่มสุก คุณค่าทางโภชนาการลดลงไหม?

เมื่อเปรียบเทียบคุณค่าทางโภชนาการระหว่างผลไม้ที่สุกตามธรรมชาติกับผลไม้บ่มสุก มีข้อค้นพบที่น่าสนใจจากการวิจัยหลายชิ้น:

1. วิตามินและแร่ธาตุ

การศึกษาโดย Lee และ Kader (2000) ในวารสาร Postharvest Biology and Technology พบว่าปริมาณวิตามินซีในผลไม้อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับวิธีการบ่ม โดยผลไม้ที่สุกบนต้นมักมีปริมาณวิตามินซีสูงกว่าผลไม้ที่เก็บเกี่ยวก่อนสุกและนำมาบ่ม อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างนี้มักไม่มีนัยสำคัญทางโภชนาการในการบริโภคจริง

ในทางกลับกัน การศึกษาโดย Prasanna และคณะ (2007) ในวารสาร Journal of the Science of Food and Agriculture พบว่าผลไม้บางชนิด เช่น มะม่วง อาจมีปริมาณเบต้าแคโรทีนและวิตามินเอเพิ่มขึ้นระหว่างการบ่มให้สุกหลังการเก็บเกี่ยว

2. สารต้านอนุมูลอิสระ

Kevers และคณะ (2007) ในวารสาร Journal of Agricultural and Food Chemistry ได้ศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้ระหว่างการสุก พบว่าผลไม้บางชนิดมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นเมื่อสุก (เช่น มะเขือเทศ) ในขณะที่บางชนิดมีปริมาณลดลง (เช่น เบอร์รี่)

การวิจัยโดย Vinha และคณะ (2013) ในวารสาร Food Chemistry พบว่าวิธีการบ่มมีผลต่อปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระในผลไม้ โดยการบ่มที่อุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมอาจช่วยรักษาหรือเพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระได้

3. ใยอาหารและคาร์โบไฮเดรต

การศึกษาโดย Goldfield และคณะ (2008) ในวารสาร Nutrition Reviews พบว่าปริมาณใยอาหารในผลไม้ไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากวิธีการบ่ม แต่ระดับน้ำตาลอาจแตกต่างกัน โดยผลไม้ที่สุกตามธรรมชาติบนต้นมักมีความสมดุลของรสหวานและความเปรี้ยวที่ดีกว่า

4. รสชาติและกลิ่น

Fellman และคณะ (2000) ในวารสาร Journal of Agricultural and Food Chemistry พบว่าผลไม้ที่สุกบนต้นมักมีโปรไฟล์ของสารให้กลิ่นที่ซับซ้อนกว่าผลไม้ที่บ่มสุกหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งอาจส่งผลต่อรสชาติและกลิ่นโดยรวม นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผลไม้ที่สุกตามธรรมชาติมักมีรสชาติดีกว่า

ผลไม้บ่มสุก มีอะไรบ้าง?

ผลไม้แต่ละชนิดมีความเหมาะสมในการบ่มให้สุกแตกต่างกัน ตามการศึกษาของ Paul และ Pandey (2014) ในวารสาร Comprehensive Reviews in Food Science and Food Safety สามารถแบ่งผลไม้ตามความเหมาะสมในการบ่มได้ดังนี้:

ผลไม้ที่เหมาะสำหรับการบ่มสุก (ไคลแมคเทอริก)

  1. กล้วย - เป็นผลไม้ที่บ่มสุกได้ดีที่สุด การศึกษาโดย Ahmad และคณะ (2006) ในวารสาร Tropical Science พบว่ากล้วยที่เก็บเกี่ยวในระยะเขียวและบ่มด้วยเอทิลีนสามารถพัฒนารสชาติและเนื้อสัมผัสได้ใกล้เคียงกับกล้วยที่สุกบนต้น
  2. มะม่วง - Lalel และคณะ (2003) ในวารสาร Journal of Horticultural Science and Biotechnology พบว่ามะม่วงสามารถบ่มให้สุกได้ดีหลังการเก็บเกี่ยว แต่โปรไฟล์ของสารให้กลิ่นอาจแตกต่างจากมะม่วงที่สุกบนต้น
  3. อะโวคาโด - ต้องเก็บเกี่ยวในระยะที่เหมาะสมและบ่มที่อุณหภูมิห้องเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มและรสชาติที่ดี (Woolf et al., 2004; Postharvest Biology and Technology)
  4. ลูกพีช - การบ่มที่อุณหภูมิ 20-25°C จะช่วยให้ลูกพีชมีรสชาติหวานและเนื้อนุ่ม (Crisosto et al., 2001; Postharvest Biology and Technology)
  5. มะละกอ - สามารถเก็บเกี่ยวในระยะเริ่มเปลี่ยนสีและบ่มให้สุกได้ (Paull et al., 1997; Postharvest Biology and Technology)
  6. แอปเปิล - บางสายพันธุ์สามารถบ่มให้สุกได้ดี แต่บางสายพันธุ์ควรสุกบนต้น (Johnston et al., 2002; Postharvest Biology and Technology)
  7. สาลี่ - เหมาะสำหรับการบ่มที่อุณหภูมิห้อง และมักมีรสชาติดีกว่าเมื่อบ่มหลังการเก็บเกี่ยว (Chen and Mellenthin, 1981; Journal of American Society for Horticultural Science)

ผลไม้ที่ไม่เหมาะสำหรับการบ่มสุก (นอน-ไคลแมคเทอริก)

  1. ส้ม - ต้องสุกบนต้น การบ่มหลังเก็บเกี่ยวไม่ช่วยเพิ่มความหวานหรือคุณภาพ (Rodrigo et al., 2013; Food Science and Technology International)
  2. องุ่น - ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคุณภาพที่สำคัญหลังการเก็บเกี่ยว (Chervin et al., 2004; Postharvest Biology and Technology)
  3. สตรอเบอร์รี่ - ควรเก็บเกี่ยวเมื่อสุกเต็มที่เท่านั้น การบ่มไม่ช่วยปรับปรุงคุณภาพ (Kalt et al., 1993; Journal of Food Science)
  4. เชอร์รี่ - เช่นเดียวกับสตรอเบอร์รี่ ต้องสุกบนต้น (Serrano et al., 2005; Food Chemistry)
  5. สับปะรด - แม้จะมีการเปลี่ยนสีภายนอกหลังการเก็บเกี่ยว แต่ความหวานไม่เพิ่มขึ้น (Chen and Paull, 2001; Postharvest Biology and Technology)

วิธีการบ่มผลไม้ให้สุก

การบ่มผลไม้ในระดับครัวเรือนสามารถทำได้หลายวิธี โดยวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมีดังนี้:

1. การบ่มด้วยถุงกระดาษ

การศึกษาโดย Thompson และคณะ (2008) ในวารสาร HortTechnology พบว่าการห่อผลไม้ในถุงกระดาษช่วยกักเก็บก๊าซเอทิลีนที่ผลไม้ปล่อยออกมา ทำให้กระบวนการสุกเร็วขึ้น:

  1. นำผลไม้ที่ต้องการบ่ม เช่น กล้วย มะม่วง หรืออะโวคาโด ใส่ในถุงกระดาษ
  2. พับปากถุงให้สนิท
  3. เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง (20-25°C)
  4. ตรวจสอบทุกวันเพื่อดูระดับความสุก

2. การบ่มโดยใช้ผลไม้ที่ปล่อยเอทิลีนสูง

Wills และ Warton (2004) ในวารสาร Postharvest Biology and Technology แนะนำการบ่มผลไม้โดยวางใกล้กับผลไม้ที่ปล่อยเอทิลีนสูง:

  1. วางผลไม้ที่ต้องการบ่มใกล้กับกล้วยสุกหรือแอปเปิล
  2. นำไปไว้ในภาชนะปิดหรือถุงกระดาษเพื่อกักเก็บก๊าซเอทิลีน
  3. เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง
  4. ตรวจสอบทุกวันเพื่อป้องกันการสุกเกินไป

3. การบ่มด้วยข้าวสาร

วิธีดั้งเดิมในหลายประเทศแถบเอเชีย:

  1. ใส่ข้าวสารลงในภาชนะ
  2. วางผลไม้ลงบนข้าวสาร โดยให้ผลไม้ไม่สัมผัสกัน
  3. ปิดภาชนะและเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง
  4. ข้าวสารจะช่วยดูดซับความชื้นและรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสม

4. การบ่มด้วยความร้อน

Ferguson และคณะ (1999) ในวารสาร Postharvest Biology and Technology พบว่าอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นจะเร่งกระบวนการสุก:

  1. เก็บผลไม้ไว้ในที่อุ่นในบ้าน (เช่น ใกล้หน้าต่างที่มีแสงแดดส่อง)
  2. หมั่นพลิกผลไม้เพื่อให้ได้รับความร้อนอย่างทั่วถึง
  3. ระวังไม่ให้ผลไม้ได้รับความร้อนมากเกินไปซึ่งอาจทำให้เน่าเสียได้

คงมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกัน (Kader, 2008; Annual Review of Food Science and Technology)

FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับผลไม้บ่มสุก

1. ผลไม้บ่มสุกและผลไม้สุกธรรมชาติแตกต่างกันอย่างไร?

ผลไม้ที่สุกตามธรรมชาติบนต้นมักมีรสชาติที่สมดุลกว่าและมีโปรไฟล์ของสารให้กลิ่นที่ซับซ้อนกว่า ในขณะที่ผลไม้บ่มสุกอาจมีรสชาติและกลิ่นที่ด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ยังคงมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกัน (Kader, 2008; Annual Review of Food Science and Technology)

2. ผลไม้บ่มสุกด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์อันตรายหรือไม่?

การบ่มผลไม้ด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์อาจเป็นอันตรายเนื่องจากอาจมีสารพิษปนเปื้อน เช่น สารหนูและฟอสฟอรัส ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคผลไม้ที่บ่มด้วยวิธีนี้ (Siddiqui and Dhua, 2010; Journal of Food Science and Technology)

3. จะรู้ได้อย่างไรว่าผลไม้ถูกบ่มด้วยสารเคมี?

ผลไม้ที่บ่มด้วยสารเคมีมักมีลักษณะสังเกตได้ เช่น สีสม่ำเสมอเกินธรรมชาติ มีจุดสีเข้มที่ผิว มีกลิ่นแปลกปลอม หรือมีเนื้อแข็งผิดปกติในขณะที่ภายนอกดูสุก (Gunther, 2016; Food Safety Magazine)

4. ผลไม้ชนิดใดที่ไม่ควรซื้อมาบ่มเอง?

ผลไม้นอน-ไคลแมคเทอริก เช่น ส้ม องุ่น สตรอเบอร์รี่ เชอร์รี่ และสับปะรด ไม่ควรซื้อมาบ่มเอง เนื่องจากไม่สามารถสุกเพิ่มขึ้นได้หลังการเก็บเกี่ยว (Paul et al., 2012; Frontiers in Plant Science)

5. การบ่มผลไม้ให้สุกที่บ้านวิธีใดปลอดภัยที่สุด?

การบ่มผลไม้ในถุงกระดาษหรือวางใกล้กับผลไม้ที่ปล่อยเอทิลีนสูง เช่น กล้วยสุก เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการบ่มผลไม้ที่บ้าน เนื่องจากไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ (Mattheis, 2012; HortScience)

6. ผลไม้บ่มสุกมีวิตามินน้อยกว่าผลไม้สุกธรรมชาติจริงหรือไม่?

จากการศึกษาของ Yahia และคณะ (2019) ในวารสาร Journal of Agricultural and Food Chemistry พบว่าความแตกต่างของปริมาณวิตามินระหว่างผลไม้บ่มสุกและผลไม้สุกธรรมชาติมีไม่มากและมักไม่มีผลกระทบต่อคุณค่าทางโภชนาการโดยรวมในการบริโภคประจำวัน

7. ทำไมผลไม้ในซูเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่จึงเป็นผลไม้บ่มสุก?

เนื่องจากข้อจำกัดด้านการขนส่งและอายุการเก็บรักษา ผลไม้มักถูกเก็บเกี่ยวก่อนระยะสุกเต็มที่เพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่ง และบ่มให้สุกเมื่อถึงปลายทาง (Watkins, 2006; Trends in Food Science & Technology)

8. ผลไม้บ่มสุกเก็บได้นานเท่าไร?

ผลไม้บ่มสุกมักมีอายุการเก็บรักษาสั้นกว่าผลไม้ที่ยังไม่สุก โดยทั่วไปควรบริโภคภายใน 3-7 วันหลังจากสุกเต็มที่ ขึ้นอยู่กับชนิดของผลไม้ (Pareek, 2016; Postharvest Ripening Physiology of Crops)

9. ควรล้างผลไม้บ่มสุกก่อนรับประทานหรือไม่?

ควรล้างผลไม้ทุกชนิดก่อนรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นผลไม้บ่มสุกหรือสุกตามธรรมชาติ เพื่อลดความเสี่ยงจากสารเคมีตกค้างและเชื้อจุลินทรีย์ (FDA, 2018; Food Safety Guidelines)

สรุปบทความ

ผลไม้บ่มสุกเป็นทางเลือกที่มีทั้งข้อดีและข้อด้อยเมื่อเทียบกับผลไม้ที่สุกเองตามธรรมชาติบนต้น จากการทบทวนงานวิจัยต่างๆ สามารถสรุปได้ว่า:

  1. คุณค่าทางโภชนาการ: ผลไม้บ่มสุกและผลไม้สุกตามธรรมชาติมีคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกัน แม้ว่าอาจมีความแตกต่างเล็กน้อยในปริมาณวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระบางชนิด แต่โดยทั่วไปแล้วไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสุขภาพของผู้บริโภค
  2. รสชาติและคุณภาพ: ผลไม้ที่สุกบนต้นมักมีรสชาติและกลิ่นที่ดีกว่าผลไม้บ่มสุก เนื่องจากมีการพัฒนาสารให้กลิ่นที่ซับซ้อนมากกว่า
  3. ความปลอดภัย: การบ่มผลไม้ด้วยก๊าซเอทิลีนหรือวิธีธรรมชาติมีความปลอดภัย แต่การบ่มด้วยแคลเซียมคาร์ไบด์อาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพเนื่องจากการปนเปื้อนของสารพิษ
  4. ความเหมาะสม: ผลไม้ไคลแมคเทอริก เช่น กล้วย มะม่วง และอะโวคาโด สามารถบ่มให้สุกได้ดีหลังการเก็บเกี่ยว ในขณะที่ผลไม้นอน-ไคลแมคเทอริก เช่น ส้มและสตรอเบอร์รี่ ควรสุกบนต้นและไม่เหมาะสำหรับการบ่ม
  5. ทางเลือกที่ดีที่สุด: หากมีโอกาส การเลือกผลไม้ที่สุกตามธรรมชาติบนต้นจะให้รสชาติและคุณภาพที่ดีที่สุด แต่ผลไม้บ่มสุกก็เป็นทางเลือกที่ยอมรับได้ในแง่ของคุณค่าทางโภชนาการและความสะดวก

ที่สำคัญ ผู้บริโภคควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีลักษณะผิดปกติซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการบ่มด้วยสารเคมีที่ไม่ปลอดภัย และควรล้างผลไม้ทุกชนิดให้สะอาดก่อนรับประทานเพื่อลดความเสี่ยงจากสารเคมีตกค้างและเชื้อจุลินทรีย์

การเลือกผลไม้จึงขึ้นอยู่กับความต้องการและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล ในกรณีที่ต้องการความสะดวกและการเก็บรักษาที่ยาวนานขึ้น ผลไม้บ่มสุกอาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่หากต้องการรสชาติและคุณภาพที่ดีที่สุด การเลือกผลไม้ตามฤดูกาลที่สุกบนต้นจากแหล่งที่เชื่อถือได้จะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า


บทความที่น่าสนใจ by News Daily TH
✪ 5 ประโยชน์ผงกล้วยดิบ ที่ช่วยได้มากกว่าลดกรดไหลย้อน

✪ 10 เครื่องดื่มช่วยลดไขมันเลว LDL ลดคอเลสเตอรอลในเลือด

✪ โรคเก๊าท์ อย่าโทษไก่ รู้ไหมเนื้อแดงทำให้เป็นเก๊าท์ได้มากกว่าไก่?

หากอ่านแล้วบทความมีประโยชน์ กดโหวต ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ ให้ด้วยนะคะ

เนื้อหาโดย: News Daily TH
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
10 VOTES (5/5 จาก 2 คน)
VOTED: หัวหน้าแก๊งแมวน้ำ, รู้ไว้ใช่ว่า by News Daily TH
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ไฮโซมิจจี้ ตัดสินใจดิ่งตึก สน. โคกคราม ชั้น 3 ร่วงลงมากบนหลังคาโรงรถ ก่อนลงไปนอนกับพื้นเลขเด็ด สำนักดัง เกษม+ตำไท+ทร งวดวันที่ 16 เมษายน 2568มาแล้ว! เลขเด็ด "ปฏิทินท้าวเวสสุวรรณโณ" งวดวันที่ 16 เมษายน 68..รีบส่องเลย ก่อนหวยหมด!!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สาวกินชาบู ถ่ายรูปอ้าปากใกล้สายพานลำเลียงอาหาร แบบนี้เหมาะสมหรือไม่?ร้านข้าวแกงไทยในญี่ปุ่นที่ "ไทยยิ่งกว่าอยู่ไทย" ข้าวมันไก่หมดในชั่วโมงเดียวไฮโซมิจจี้ ตัดสินใจดิ่งตึก สน. โคกคราม ชั้น 3 ร่วงลงมากบนหลังคาโรงรถ ก่อนลงไปนอนกับพื้นเขมรเคลมชุดไทย อ้าง! เป็นชุดแต่งงานเขมร เตรียมส่งขึ้นทะเบียน "ยูเนสโก" ?
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ทั่วไป
Margaret Qualley จาก The Substance เธอเคยมีผลงานในเกม Death Stranding มาก่อนจำนวนครั้งที่ชิซูกะอาบน้ำในหนังสือการ์ตูน Doraemon มีทั้งหมด 107 ครั้งเท่านั้นรีวิว “Law of attraction กฎแห่งรักดึงดูด” ซีรีส์วายแนวสืบสวนสอบสวนปี 2023 สุดเข้มข้นที่อยากแนะนำให้ทุกคนดูไอเดียสุดเจ๋งให้ Ai เปลี่ยนตัวละครในเกมให้มามีชีวิต
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกเว็บบอร์ดหาเพื่อนChatหาเพื่อน Lineหาเพื่อน SkypePic PostตรวจหวยควิซคำนวณPageแชร์ลิ้ง
Postjung
เงื่อนไขการให้บริการ ติดต่อเว็บไซต์ แจ้งปัญหาการใช้งาน แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม ข่าวประชาสัมพันธ์ ลงโฆษณา
เว็บไซต์นี้ใช้ Cookie
เพื่อประสบการณ์ที่ดีและการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติม อ่านนโยบายการใช้งาน
ตกลง