หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ชุดไปรเวท แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในโรงเรียนได้จริงหรือไม่?

เนื้อหาโดย รู้ไว้ใช่ว่า by News Daily TH

ประเด็นเรื่องชุดนักเรียนและความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษาเป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานในสังคมไทย หลายฝ่ายมองว่าการใส่ชุดไปรเวทอาจเป็นทางออกที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในโรงเรียน แต่อีกฝ่ายกลับเห็นว่าชุดนักเรียนคือตัวช่วยที่ทำให้เด็กทุกคนเท่าเทียมกัน บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจข้อเท็จจริง ข้อมูลเชิงลึก และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ เพื่อตอบคำถามว่า "ชุดไปรเวทแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในโรงเรียนได้จริงหรือไม่"

ความเหลื่อมล้ำการใส่ชุดนักเรียน

ชุดนักเรียนเป็นอัตลักษณ์อย่างหนึ่งของระบบการศึกษาไทยมาอย่างยาวนาน แต่ในความเป็นจริงแล้ว แม้จะมีเครื่องแบบเดียวกัน ความเหลื่อมล้ำก็ยังคงปรากฏอยู่ในหลายมิติ

ปัญหาความเหลื่อมล้ำในระบบเครื่องแบบนักเรียน

จากการศึกษา 2566 จากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่าแม้นักเรียนจะสวมใส่ชุดนักเรียนเหมือนกัน แต่ความเหลื่อมล้ำยังคงปรากฏผ่าน:

  1. คุณภาพของเครื่องแบบ - นักเรียนจากครอบครัวที่มีฐานะดีมักสวมใส่ชุดนักเรียนที่มีคุณภาพดีกว่า ตัดเย็บพิเศษ ในขณะที่นักเรียนจากครอบครัวรายได้น้อยอาจต้องใช้ชุดนักเรียนเก่าหรือชุดมือสอง
  2. อุปกรณ์เสริม - กระเป๋านักเรียน รองเท้า ถุงเท้า และเครื่องประดับอื่นๆ กลายเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะทางเศรษฐกิจและสังคม
  3. การบำรุงรักษา - ความสามารถในการดูแลรักษาชุดให้สะอาดเรียบร้อยอยู่เสมอขึ้นอยู่กับสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัว

งานวิจัยจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ในปี 2565 พบว่า นักเรียนกว่า 30% รู้สึกมีปมด้อยเมื่อชุดนักเรียนของตนเองมีสภาพไม่ดีเท่าเพื่อน ซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจและการเรียนรู้

มุมมองเชิงสังคมวิทยา

ศาสตราจารย์ ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ได้วิเคราะห์ว่า เครื่องแบบนักเรียนเป็นเครื่องมือควบคุมทางสังคมรูปแบบหนึ่ง ที่แม้จะมีวัตถุประสงค์ในการสร้างความเท่าเทียม แต่ในทางปฏิบัติกลับกลายเป็นพื้นที่แสดงความแตกต่างทางชนชั้นในรูปแบบที่ละเอียดอ่อนกว่า

ข้อดี-ข้อเสีย ชุดนักเรียน และชุดไปรเวท

การถกเถียงเรื่องชุดนักเรียนและชุดไปรเวทมีประเด็นที่น่าสนใจหลายแง่มุม งานวิจัยจากหลายแหล่งได้ชี้ให้เห็นข้อดีและข้อเสียของทั้งสองฝั่ง

ข้อดีของชุดนักเรียน

  1. สร้างความเท่าเทียมเบื้องต้น - การศึกษาโดย Craik (2018) พบว่าชุดนักเรียนช่วยลดการเปรียบเทียบฐานะทางเศรษฐกิจอย่างโจ่งแจ้ง
  2. ลดภาระการตัดสินใจ - งานวิจัยด้านจิตวิทยาโดย Dr. Martin และคณะ (2019) พบว่าการมีชุดนักเรียนช่วยลด "decision fatigue" หรือความเหนื่อยล้าจากการตัดสินใจในแต่ละวัน
  3. สร้างอัตลักษณ์และความภาคภูมิใจ - การศึกษาของ สุพัตรา โกศัยกานนท์ (2564) พบว่านักเรียนไทยกว่า 65% รู้สึกภาคภูมิใจในการสวมใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียนตนเอง
  4. ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว - สำหรับครอบครัวรายได้น้อย การซื้อชุดนักเรียนจำนวนจำกัดและใช้ซ้ำประหยัดกว่าการต้องซื้อเสื้อผ้าหลากหลายชุด

ข้อเสียของชุดนักเรียน

  1. ไม่ส่งเสริมความเป็นตัวเอง - งานวิจัยของ Wilson และ Beech (2020) พบว่าเครื่องแบบอาจจำกัดการแสดงออกถึงตัวตนของเด็กและเยาวชน
  2. ค่าใช้จ่ายสูงสำหรับครอบครัวบางกลุ่ม - การศึกษาเชิงเศรษฐศาสตร์โดยธนาคารโลก (2563) พบว่าค่าชุดนักเรียนคิดเป็น 8-12% ของค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาทั้งหมดของครอบครัวไทยที่มีรายได้น้อย
  3. ไม่สอดคล้องกับสภาพอากาศ - ชุดนักเรียนไทยที่ออกแบบมานานหลายทศวรรษอาจไม่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน

บทความที่น่าสนใจ by News Daily TH
✪ สัตว์เลี้ยงมีพฤติกรรมเหมือนกับเจ้าของจริงหรือไม่?

✪ ต่อยท้องเล่นๆ ลำไส้ทะลุ-ตับแตก เสี่ยงตาย และมีปัญหาช่องท้องระยะยาว อย่าเล่นพิเรนทร์! มีลูกเตือนลูก!


ข้อดีของชุดไปรเวท

  1. ส่งเสริมความเป็นตัวเอง - การศึกษาของ ดร.วิทยา ชินบุตร (2565) พบว่าการแต่งกายตามความชอบช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและการแสดงออกทางอัตลักษณ์ของเยาวชน
  2. ความยืดหยุ่นและความสบาย - นักเรียนสามารถเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะกับสภาพอากาศและการเคลื่อนไหวได้ดีกว่า
  3. ฝึกทักษะการตัดสินใจ - งานวิจัยของ Thompson (2021) พบว่าการให้นักเรียนเลือกเสื้อผ้าเองช่วยฝึกทักษะการตัดสินใจและการจัดการตนเอง

ข้อเสียของชุดไปรเวท

  1. เพิ่มความเหลื่อมล้ำที่มองเห็นได้ชัด - งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (2564) พบว่าการแต่งกายด้วยชุดส่วนตัวอาจทำให้ความแตกต่างทางเศรษฐฐานะปรากฏชัดขึ้น
  2. แรงกดดันทางสังคมและการบูลลี่ - การศึกษาโดย Johnson และคณะ (2022) พบว่าโรงเรียนที่ไม่มีเครื่องแบบมีอัตราการรังแกกันในประเด็นเกี่ยวกับการแต่งกายสูงกว่า 15%
  3. ค่าใช้จ่ายที่อาจสูงขึ้น - สำหรับครอบครัวบางกลุ่ม การซื้อเสื้อผ้าหลากหลายชุดเพื่อหมุนเวียนอาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการซื้อชุดนักเรียนไม่กี่ชุด

ค่าใช้จ่ายการซื้อชุดนักเรียน VS ความเหลื่อมล้ำ แฟชั่นชุดไปรเวท

การเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายระหว่างชุดนักเรียนและชุดไปรเวทเป็นประเด็นสำคัญในการพิจารณาความเหลื่อมล้ำ

ค่าใช้จ่ายชุดนักเรียน

จากการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2567 พบว่า:

รายการราคาเฉลี่ย (บาท)
เสื้อนักเรียน 250-450
กางเกง/กระโปรง 300-600
รองเท้า 350-800
ถุงเท้า 80-150
เข็มขัด 150-300
เนคไท/โบว์ 100-200
รวมต่อชุด 1,230-2,500

ครอบครัวไทยที่มีอันจะกินโดยเฉลี่ยจำเป็นต้องซื้อชุดนักเรียนประมาณ 2-3 ชุดต่อปี รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 2,500-7,500 บาทต่อนักเรียนหนึ่งคน ส่วนครอบครัวที่มีรายได้น้อย และอยู่โรงเรียนต่างจังหวัดส่วนมากจะซื้อชุดนักเรียนใหม่ 2-3 ชุดต่อชั้นการศึกษา (ประถม, มัธยม เป็นต้น)

ค่าใช้จ่ายชุดไปรเวท

การศึกษาโดยสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (2566) พบว่าค่าใช้จ่ายของชุดไปรเวทมีความหลากหลายมาก:

ผลสำรวจจาก 2567 สะท้อนให้เห็นว่าในโรงเรียนที่อนุญาตให้แต่งกายด้วยชุดไปรเวท นักเรียนร้อยละ 42 รู้สึกกดดันที่ต้องแต่งตัวให้ทันสมัยและไม่ซ้ำกับวันก่อนหน้า โดยเฉพาะในยุคโซเชียลมีเดียที่มีการแชร์รูปอย่างต่อเนื่อง

ผลกระทบทางจิตวิทยาและสังคม

งานวิจัยจาก Prof. Emma Davies แห่งมหาวิทยาลัย Oxford (2023) พบว่า:

กรณีศึกษาจากต่างประเทศ

ประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีแนวทางที่หลากหลายในการจัดการกับประเด็นชุดนักเรียนและความเหลื่อมล้ำ

สหราชอาณาจักร: การยึดมั่นในเครื่องแบบ

สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในการใช้ชุดนักเรียน การศึกษาโดย London School of Economics (2022) พบว่า:

ฟินแลนด์: การยืดหยุ่นและอิสระ

ฟินแลนด์ซึ่งมีระบบการศึกษาที่ได้รับการยอมรับระดับโลก ไม่มีนโยบายชุดนักเรียน:

ญี่ปุ่น: ความภาคภูมิใจในเครื่องแบบ

ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมชุดนักเรียนที่เข้มแข็ง แต่ก็พบกับความท้าทายด้านความเหลื่อมล้ำ:

จีน: การปฏิรูปสู่ชุดนักเรียนที่เท่าเทียม

จีนได้ดำเนินการปฏิรูปชุดนักเรียนเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ:

สรุป ชุดไปรเวทแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้จริงหรือไม่

จากข้อมูลและงานวิจัยที่รวบรวม สามารถสรุปได้ว่า:

  1. ไม่มีคำตอบเดียว - ทั้งระบบชุดนักเรียนและชุดไปรเวทต่างมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน
  2. ปัจจัยแวดล้อม - ประสิทธิภาพของแต่ละระบบขึ้นอยู่กับบริบททางสังคม วัฒนธรรม และนโยบายสนับสนุนอื่นๆ
  3. ทางเลือกที่ยืดหยุ่น - บางประเทศประสบความสำเร็จกับระบบผสมผสาน เช่น การมีชุดนักเรียนพื้นฐานที่เรียบง่ายราคาไม่แพง ร่วมกับวัน casual แต่งตัวอิสระเป็นครั้งคราว
  4. นโยบายสนับสนุน - ประเด็นสำคัญไม่ใช่เพียงการเลือกระหว่างชุดนักเรียนหรือชุดไปรเวท แต่คือการมีนโยบายสนับสนุนที่ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เช่น การสนับสนุนค่าเครื่องแบบสำหรับครอบครัวรายได้น้อย หรือการจัดระบบบริจาคและหมุนเวียนเสื้อผ้า

จากการศึกษา พบว่าการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในโรงเรียนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลือกระบบการแต่งกายเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการบูรณาการนโยบายหลายด้าน รวมถึงการพัฒนาทัศนคติของสังคมที่ไม่ตัดสินคนจากการแต่งกายภายนอก

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ชุดนักเรียน, ชุดไปรเวท (FAQ)

1. ทำไมโรงเรียนส่วนใหญ่ในไทยยังคงใช้ระบบชุดนักเรียน?

โรงเรียนไทยยังคงใช้ระบบชุดนักเรียนด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งด้านวัฒนธรรมและการบริหารจัดการ รวมถึงความเชื่อว่าชุดนักเรียนช่วยสร้างระเบียบวินัยและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นอกจากนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการศึกษาที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่ต้องการสร้างมาตรฐานและความทันสมัยให้กับระบบการศึกษาไทย

2. นักเรียนมีทัศนคติอย่างไรต่อชุดนักเรียนและชุดไปรเวท?

จากการสำรวจความคิดเห็นนักเรียนทั่วประเทศโดยสถาบัน NIDA ในปี 2567 พบข้อมูลที่น่าสนใจคือ นักเรียนร้อยละ 58 ชอบที่จะมีอิสระในการแต่งกายมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ร้อยละ 62 ยอมรับว่าระบบชุดนักเรียนช่วยประหยัดเวลาและลดความกังวลในการเลือกเสื้อผ้า โดยเฉพาะนักเรียนในช่วงมัธยมต้นที่ยังไม่มั่นใจในการแสดงออกทางแฟชั่น

3. มีโรงเรียนในไทยที่ประสบความสำเร็จกับการใช้ชุดไปรเวทหรือไม่?

มีโรงเรียนทางเลือกและโรงเรียนนานาชาติหลายแห่งในไทยที่ใช้ระบบชุดไปรเวทหรือระบบผสมผสาน เช่น โรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนสาธิตบางแห่ง และโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งพบว่าการบูรณาการเรื่องการแต่งกายเข้ากับปรัชญาการศึกษาและการมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนช่วยให้การดำเนินนโยบายประสบความสำเร็จ อย่างไรก็ตาม โรงเรียนเหล่านี้มักมีค่าเล่าเรียนสูงและมีระบบสนับสนุนผู้เรียนที่ครอบคลุม

4. จะทำอย่างไรหากครอบครัวมีปัญหาค่าใช้จ่ายเรื่องชุดนักเรียน?

ปัจจุบันมีหลายช่องทางช่วยเหลือ ได้แก่:

5. ความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษามีเพียงเรื่องชุดนักเรียนเท่านั้นหรือไม่?

ความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษาเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและมีหลายมิติ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเรื่องชุดนักเรียนเท่านั้น จากรายงานของ UNESCO (2023) และงานวิจัยของ ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ (2565) พบว่าความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษาไทยยังปรากฏในด้านอื่นๆ เช่น:

ดังนั้น การแก้ไขเพียงประเด็นเรื่องชุดนักเรียนอาจไม่เพียงพอต่อการลดความเหลื่อมล้ำในภาพรวม แต่ต้องอาศัยการปฏิรูปเชิงระบบในหลายมิติพร้อมกัน

6. ประเทศที่ไม่มีระบบชุดนักเรียนมีปัญหาความเหลื่อมล้ำน้อยกว่าจริงหรือไม่?

จากการศึกษาเปรียบเทียบโดย OECD (2022) ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลจาก 35 ประเทศ พบว่าไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงระหว่างการมีหรือไม่มีชุดนักเรียนกับระดับความเหลื่อมล้ำในระบบการศึกษา ปัจจัยที่มีผลต่อความเหลื่อมล้ำมากกว่าคือ:

  1. นโยบายการกระจายทรัพยากรทางการศึกษา
  2. ระบบสวัสดิการสังคมโดยรวมของประเทศ
  3. คุณภาพของการศึกษาที่เข้าถึงได้โดยไม่คำนึงถึงฐานะทางเศรษฐกิจ

ตัวอย่างเช่น ฟินแลนด์ซึ่งไม่มีระบบชุดนักเรียนมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาต่ำ แต่ปัจจัยสำคัญมาจากระบบสวัสดิการสังคมที่เข้มแข็งและการลงทุนอย่างมากในคุณภาพของโรงเรียนรัฐบาล ในขณะที่บางประเทศในละตินอเมริกาที่ไม่มีชุดนักเรียนกลับมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาสูง

7. มีทางออกอื่นนอกจากการเลือกระหว่างชุดนักเรียนกับชุดไปรเวทหรือไม่?

งานวิจัยจากหลายประเทศชี้ให้เห็นว่ามีทางเลือกที่น่าสนใจหลายรูปแบบ:

  1. ระบบผสมผสาน - โรงเรียนในออสเตรเลียหลายแห่งใช้ระบบที่มีชุดนักเรียนพื้นฐาน แต่อนุญาตให้มี "วันแต่งกายอิสระ" (casual day) เป็นครั้งคราว ซึ่งช่วยให้นักเรียนได้แสดงออกโดยไม่สร้างภาระมากเกินไป
  2. ชุดนักเรียนหลายทางเลือก - โรงเรียนในแคนาดาบางแห่งมีชุดนักเรียนหลากหลายรูปแบบให้เลือก แต่ยังคงโทนสีและรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียน
  3. ชุดนักเรียนที่เน้นความสะดวกและราคาประหยัด - โรงเรียนในนิวซีแลนด์บางแห่งได้ปรับเปลี่ยนชุดนักเรียนให้เรียบง่าย ทนทาน สวมใส่สบาย และหาซื้อได้จากร้านค้าทั่วไปในราคาไม่แพง
  4. นโยบายแต่งกายที่มีหลักการ - บางโรงเรียนในสวีเดนไม่มีชุดนักเรียน แต่มีแนวปฏิบัติการแต่งกายที่ชัดเจน เช่น เสื้อผ้าต้องสุภาพเหมาะสม ไม่มีโลโก้หรือข้อความที่ไม่เหมาะสม ซึ่งช่วยสร้างกรอบโดยไม่จำกัดมากเกินไป

บทความที่น่าสนใจ by News Daily TH

✪ กระเป๋านักเรียนญี่ปุ่น รันโดเซรุ กระเป๋าที่ไม่ใช่เป็นแค่กระเป๋า

✪ มนุษย์ป้า หรือ ป้าแคเรน (Karen) ปรากฏการณ์ทางสังคมที่พบได้ทั่วโลก เข้าใจปัญหาสภาพจิตใจพวกเขาให้มากขึ้น

✪ จากบ้านเมืองที่เคยสงบสุข ผู้อพยพในยุโรปเริ่มก่อปัญหา มุมมองด้านสุขภาพและสิทธิมนุษยชน

หากอ่านแล้วบทความมีประโยชน์ กดโหวต ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ ให้ด้วยนะคะ

เนื้อหาโดย: News Daily TH
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
24 VOTES (4.8/5 จาก 5 คน)
VOTED: Happy Happeeeee, หัวหน้าแก๊งแมวน้ำ, ชตระกูล ศรีสวัสดิ์, paktronghie, รู้ไว้ใช่ว่า by News Daily TH
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
รู้จักที่มาของ'ซิจญีล'ชื่อขีปนาวุธสุดโหดของอิหร่าน!Talkative Introvert พูดเก่ง แต่ชอบอยู่คนเดียว คนที่ชอบเก็บตัวแต่พูดมากไม่คิดอะไรเป็นเวลา 10 วินาที ช่วยให้นอนหลับเร็วขึ้น ฝึกบ่อย ๆ วิธี “หลับได้ทุกที่”‘รสชาติอาหารที่ชอบบอกนิสัย’ รสชาติที่ชอบกินสามารถสะท้อนลักษณะบางอย่างของบุคคลได้ตำนานสามล้อถูกหวย ตำนานสอนใจที่ไม่ใช่แค่นิทานทึ่งทั่วโลก : "Pedra do Telégrafo" จุดยอดนิยมสำหรับการถ่ายภาพ ที่โด่งดัง มากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศบราซิลตะลุมบอนรับคริสต์มาส! เมื่อหมัดแทนของขวัญในเทศกาล Takanakuyเดือด! “บีม ศรัณยู” ลั่นกลางโซเชียล ไม่ทนแล้ว พร้อมลงถนน ไล่รัฐบาลชินวัตรอดนอนบ่อยๆ ไม่ได้ทำให้คุณเก่งขึ้น แต่ทำให้สมองพังต่างหากเลขเด็ด "แม่นมาก ขั้นเทพ" งวดวันที่ 1 กรกฎาคม 68 มาแล้ว!..รีบส่องด่วน!!Pesapallo: กีฬาประจำชาติของฟินแลนด์ที่คุณอาจไม่เคยรู้จักสมาธิสั้น หรือแค่สมองล้า? วิธีดูแลสุขภาพใจในยุคเร่งรีบ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เฌอเอม รองอันดับ 1 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2025 ต่อต้านไม่เอารัฐประหารสมาธิสั้น หรือแค่สมองล้า? วิธีดูแลสุขภาพใจในยุคเร่งรีบตะลุมบอนรับคริสต์มาส! เมื่อหมัดแทนของขวัญในเทศกาล Takanakuyโอปอล- สุชาตา ช่วงศรี นางงามผู้สร้างประวัติศาสตร์ Miss World 2025 คนแรกของประเทศไทย บันทึกประวัติศาสตร์ไทย“ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ประกาศกลับมาลุยการเมืองเต็มตัว ในนามพรรครักประเทศไทย ลั่นพร้อมเป็นทางเลือกใหม่ให้ประชาชนหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ พระผู้เปี่ยมเมตตา ผู้สร้างศรัทธาและความผูกพันกับคนทั้งประเทศ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
สมาธิสั้น หรือแค่สมองล้า? วิธีดูแลสุขภาพใจในยุคเร่งรีบตะลุมบอนรับคริสต์มาส! เมื่อหมัดแทนของขวัญในเทศกาล Takanakuyเมื่อ 80 ล้านปีก่อน มหาสมุทรแอตแลนติกเคยมีสัตว์ยักษ์หน้าตาประหลาดแหวกว่ายอยู่Pesapallo: กีฬาประจำชาติของฟินแลนด์ที่คุณอาจไม่เคยรู้จัก
ตั้งกระทู้ใหม่