สวมบทเป็นคนจีนที่พูดไทยชัดมาก
เรื่องเล่าเรื่องราวความทรงจำ ครั้งหนึ่งนั้นเคยสวมใส่ชุดสาวจีน
และเรื่องราวการทำงานเพื่อนร่วมคิดร่วมสร้าง อยู่เคียงข้างแม้จะรู้จักกันข้ามประเทศ
ครั้งนี้เปลี่ยนหน่อยลองมาสวมชุดชนชาติจีน เพราะว่าจัดซุ้มอยู่ใกล้ไทย จึงใส่เพื่อที่จะถ่ายภาพเล่นกัน แต่เมื่อใส่เข้าไปเท่านั้น เปลี่ยนไปเลยไม่ใช่คนไทย ชุดที่ใส่น่าจะเป็นชุดของซ้อกิมอะไรสักอย่างเด็กๆ เรียก ไม่ค่อยมีใครใส่ได้เพราะว่าตัวเล็กขนาดว่าใส่ได้ยังแน่นเหมือนกัน
วันนี้เป็นวันชาติที่ทุกประเทศจะต้องจัดกิจกรรมในภาควิชาของตนเอง ในวันนี้ภาควิชาของเราเองก็จัดกิจกรรมการทำกระทง และการร้อยมาลัยถ้าจำไม่ผิด หลังจากเตรียมเสร็จแล้ว ปล่อยให้เด็กๆ ได้ทำงานกัน เราอาจารย์ก็เดินชมงาน
ช่วงชีวิตที่ผ่านมาความสนุกจึงเกิดขึ้นในการใส่ชุดนี้นักเรียนที่เรียนภาษาจีนขอให้ใส่เพื่อที่จะถ่ายภาพ แต่เมื่อใส่เข้าไปแล้วเลยได้รับบท ถ่ายภาพให้คุ้มค่า เรื่องราวดีๆ และความหลังที่ยังคงเป็นทั้งบทเรียน และกำไรชีวิตมาถึงตอนนี้ตัวเลขบอกว่าเราผ่านมาครึ่งชีวิตแล้ว
เหมือนเบอร์ไหน เหมือนจนมีอาจารย์จีนมาทักทายและถามว่าทำไมเราเป็นคนจีนถึงพูดภาษาไทยชัด คิดในใจว่าหากบอกว่าไม่ชัดจะน่าตกใจมากกว่า คนไทยแต่หน้าตาอาเซียนเนียนไปได้ทั้งหมดเลย กลมกลืนกัน
ประสบการณ์ในการใส่ชุดจีน ถึงว่าทำไมคนจีนนั้นมีแต่คนที่หุ่นดีและผอมสูงเพราะว่าชุดของเขานั้นจะต้องตัดเพียงครั้งเดียว และจะต้องใส่ให้ได้ เหมือนเคยอ่านในหนังสือ ว่าผู้หญิงจีนที่ดีจะต้องเท้าเล็กเพราะฉะนั้นจึงมีรองเท้าที่บังคับเท้าไว้ไม่ให้เท้าใหญ่ เพราะว่าเท้าเล็กถือว่าเป็นผู้ดี
มุมถ่ายภาพนี้เป็นด้านหน้าของสถาบันภาษาต่างประเทศ ที่อยู่มานานกว่าหกปีแต่ไม่เคยถ่ายสักครั้งตากล้องก็เลือกมุมดีนะ แต่ว่าลืมตกลงกันว่าจะถ่ายท่าไหน
นี่แสดงถึงว่า เราไม่ได้นัดกันติ
เรื่องราวประสบการณ์ผ่านการถ่ายภาพ จริงแล้วเราอยู่กันคนละประเทศ คนเราไม่ได้พบกันง่ายๆ พระพุทธเจ้ายังบอกเลยว่า เมล็ดผักกาดหรือเต่าที่อยู่ในทะเล จะขึ้นมาหายใจ แล้วพอดีกับการโยนห่วงเข้าคอเต่าพอดี นั่นคือความยากของการเกิดเป็นคน เราได้พบกันแสดงว่าเราเคยมีกรรมร่วมกัน อาจจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วแล้วแต่ เพื่อนแท้นั้นย่อมมีอยู่รอบตัวเรา
เธอคือเพื่อนฉัน ที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน กินข้าว ไปสอน วันหยุดไปเที่ยวทั้งกลางวันและกลางคืนไม่เข้าใจภาษาคอยแปลให้ มีงานก็ช่วยกันจนสำเร็จ คุยกันได้ทุกเรื่อง
เล่ามาถึงตรงนี้ชีวิตเรามีความโชคดีหลายอย่าง อย่างแรกโชคดีที่ได้เกิดมา จากนั้นโชคดีที่ได้เรียน ได้ทำงาน ได้เดินทางไปในที่หลายที่ในหลายประเทศ ได้เห็นในหลายอย่าง ได้ต่อสู้ชีวิตรายทางที่เดินมีเพื่อนที่ดี เพื่อนร่วมงานที่เข้าใจ ทำงานด้วยกันได้ สุดท้ายแล้วเส้นทางชีวิตก็ต้องเดินไปต่อข้างหน้า
ทางเลือกของคนเรามีให้เลือกหลายทางเสมอ แต่ส่วนใหญ่แล้วคนเราจะเห็นเพียงสองทาง ซ้ายหรือขวาเท่านั้นเอง เวลางานเราก็ทำงาน เวลาบ้าเราก็ชวนกันบ้าได้เช่นกัน ทำงานด้วยกันเหมือนพี่น้อง
เมื่อคนเราได้ไตร่ตรอง เรื่องราวที่ผ่านมีทั้งสุขทั้งเศร้า ผิดถูกมีหมด กาลเวลาจะทำให้ทุกอย่างลงตัวเพราะว่าเราไม่ได้อยู่กับที่ เราต้องเดินหน้าเสมอ
ชีวิตผ่านมาสามสิบปีกว่าๆ สามสิบยังแจ๋ว มองย้อนกลับไปข้างหลัง บางทีคิดเหมือนกันนะว่าชีวิตเราผ่านอะไรมามากมาย ในลาว ในกัมพูชา ในจีน ในอินเดีย ในเนปาล หรือในหลายๆ ประเทศนั้น เส้นทางแท้ที่สุดแล้วคนเราจะต้องกลับบ้าน กลับมาหาครอบครัว
















