ทำไม ฝรั่งเศสจึงเป็นประเทศแห่ง Chef ทำอาหาร ?
คำว่า “Chef” ที่เราคุ้นเคย ว่าเป็นบุคคลที่อยู่ในแวดวงการทำอาหาร ไม่ว่าจะเป็นเชฟในภัตตาคารหรู หรือเชฟในรายการแข่งขันทำอาหาร แต่รู้หรือไม่ว่า คํานี้มีที่มาจากภาษาฝรั่งเศส..
คนฝรั่งเศสให้ความสำคัญกับอาหารการกิน ตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบที่หลากหลาย กรรมวิธีการปรุงอาหารที่สลับซับซ้อน ไปจนถึงวัฒนธรรมการกิน
ทีละเมียดละไม ไม่ว่าจะเป็นเอสคาร์โก กงฟีเปิด หรือฟัวกราส์ อาหารฝรั่งเศสคือตัวแทนของ
ความหรูหรา และได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดยอดของอาหารตะวันตก
ตำราอาหารฝรั่งเศสกลายเป็นพื้นฐานของโรงเรียนสอนทำอาหาร และการจัดอันดับร้านอาหารกลายเป็นมาตรฐานที่คนทั้งโลกยอมรับ...อะไรที่ทำให้การทำอาหาร กลายเป็นสิ่งแรก ๆ ที่ทุกคนนึกถึงวัฒนธรรมฝรั่งเศส ?
หากคำนึงถึงเหตุผลในแง่ภูมิศาสตร์ ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางภูมิอากาศมากที่สุดประเทศหนึ่งในยุโรป มีทั้งที่ราบเขตหนาว
ชายฝั่งทะเลเขตหนาว ทะเลเขตอบอุ่น และเขตภูเขาสูง ทั้งหมดล้วนส่งผลมาถึงความหลากหลายของผลผลิตทางการเกษตร
- ที่ราบทางตอนเหนือ ใช้เพาะปลูกพืชเขตหนาว
- ที่ราบทางตอนใต้ ใช้เพาะปลูกพืชแถบเมดิเตอร์เรเนียน เช่น มะกอก ส้ม และองุ่น
- ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกที่หนาวเย็น ให้อาหารทะเลที่แตกต่างกันไปกับชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่อบอุ่น
- ส่วนเขตเทือกเขาแอลป์ทางตะวันออกใช้เลี้ยงสัตว์ ให้ผลิตภัณฑ์ทั้งเนื้อสัตว์ นม และชีส
เมื่อมีวัตถุดิบที่หลากหลาย พ่อครัวก็สามารถรังสรรค์อาหารได้หลายรูปแบบและแหล่งศูนย์รวมพ่อครัวจะเป็นที่ไหนไม่ได้ นอกจากราชสำนักแวร์ซายราชสำนักฝรั่งเศสมีชื่อเสียงไปทั่วยุโรปในเรื่องของความหรูหรา และก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมของภาคพื้นทวีปในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 วิถีชีวิตที่มีความละเมียดละไม ตั้งแต่แฟชั่นการแต่งกาย ข้าวของเครื่องใช้ล้วนกลายเป็นต้นแบบให้ชนชั้นสูงทั่วยุโรปดำเนินรอยตาม และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “อาหารการกิน”
อาหารฝรั่งเศสในวังถูกเรียกว่า Haute Cuisine (โอตคูซีน) ที่หมายถึงอาหารชั้นสูง อาหารเหล่านี้ล้วนต้องการการปรุงอย่างพิถีพิถัน กรรมวิธีซับซ้อน
ใช้เวลาในการเตรียมนาน และเมื่อเสิร์ฟก็ต้องตกแต่งอย่างสวยงามแต่เมื่อเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1789 ชนชั้นสูงและขุนนางต่างล้มหายตายจาก เหล่าพ่อครัวที่เคยทำงานในพระราชวังแวร์ซายจึงต้องออกมาเปิดร้านอาหารเพื่อหาเลี้ยงชีพ เปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้มีโอกาสลิ้มลอง
รสชาติความอร่อยของอาหารชาววังมารี-อ็องตวน กาแรม (Marie-Antoine Carème) หนึ่งในหัวหน้าพ่อครัวที่เคยทำงานในวัง กาแรม เป็นผู้มีฝีมือการทำอาหารที่โดดเด่น แต่สิ่งที่เขาแตกต่างจากพ่อครัวคนอื่น ก็คือ อาหารที่เขาทำทั้งหมดมี “การจดบันทึกวิธีการทำอาหาร” อย่างละเอียด
กาแรม ได้รวบรวมเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศสที่มีความหลากหลายเพิ่มเติมจากต้ม, ผัด, แกง, ทอด ซึ่งเทคนิคเหล่านี้เรามักได้ยินจากรายการทําอาหาร เช่น
- Poach (โพช) คือ การทำอาหารให้สุก แบบกึ่งลวกกึ่งต้ม
- Confit (กงฟี) คือ การตุ๋นอาหารในน้ำมันหรือน้ำเชื่อม
- Sauté (ซอเต้) คือ การทอดลักษณะขลุกขลิกโดยใช้น้ำมันน้อย ๆ
นอกจากนี้ กาแรมยังได้คิดค้นเทคนิคการปรุงใหม่ ๆ การกำหนดสัดส่วนการใช้เครื่องปรุง ไปจนถึงวิธีการเสิร์ฟอาหาร ที่แบ่งคร่าว ๆ เป็นอาหารจานเปิดตัวอาหารจานหลัก และของหวาน ซึ่งทั้งหมดก็ถูกจดบันทึกไว้อย่างละเอียด
บันทึกของกาแรม “L'art de la cuisine française” ซึ่งเริ่มตีพิมพ์ในปีค.ศ. 1833 กลายมาเป็นสุดยอดตำราการปรุงอาหารฝรั่งเศส จนเขาได้รับ
การยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งอาหารฝรั่งเศส” เป็นผู้รวบรวมวัฒนธรรมอาหารการกินให้เป็นลายลักษณ์อักษร เมื่อมีต้นตำรับวิธีการทำอาหาร และข้อมูลที่ละเอียดชัดเจน เปิดโอกาสให้พ่อครัวฝรั่งเศสในรุ่นต่อ ๆ มาได้ต่อยอดจากตำราของกาแรม
โอกุสต์ เอสโคฟิเอร์ (Auguste Escoffier) เป็นพ่อครัวผู้วางรากฐานระบบร้านอาหารให้ทันสมัย
จากเดิมในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ร้านอาหารในฝรั่งเศสส่วนใหญ่อยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ สกปรก มีภาวะกลืนเป็นสถานบริการทางเพศ อาชีพพ่อครัวเป็นอาชีพที่ไม่มีเกียรติ มีรายได้น้อย ทำงานในสภาพสกปรก และส่วนใหญ่มีสุขอนามัยในระหว่างทำอาหาร
เอสโคฟิเอร์เริ่มต้นจากการเป็นพ่อครัวในเมืองนีซ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ต่อมาเมื่อได้เป็นหัวหน้าห้องครัว เขาได้ดัดแปลงใหม่เปลี่ยนแปลงชีวิตการทำครัวไปอย่างสิ้นเชิง ห้ามการสูบบุหรี่ระหว่างทำอาหาร และให้พ่อครัวสวมใส่เครื่องแบบสีขาวเพื่อความสะอาด
ปี ค.ศ. 1890 เอสโคฟิเอร์ได้มาร่วมงานกับ César Ritz นักการโรงแรมที่โรงแรม Savoy ในกรุงลอนดอน เขาเป็นผู้วางระบบร้านอาหารในโรงแรมแบบมืออาชีพ นำความสะอาดมาสู่การบริการ มีการนำเสนออาหารฝรั่งเศสชั้นสูง หรือ Haute Cuisine ให้แก่ลูกค้า
ด้วยความที่อาหารเหล่านี้ต้องใช้เวลาเตรียมนาน และมีกรรมวิธีที่ยุ่งยากซับซ้อน เอสโคฟิเอร์ได้จัดระบบการทำงานในห้องครัวแบบใหม่ เรียกว่า “Brigade System” ระบบการทำงานแบบใหม่นี้ จะมีการแบ่งงานกันทำ มีตำแหน่งที่ระบุชัดเจน มีพ่อครัวประจำหน่วยต่าง ๆ เช่น หน่วยปรุงซอส หน่วยของหวาน และจัดระดับการทำงานจากบนลงล่าง โดยทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของหัวหน้าพ่อครัว หรือ “Chef de Cuisine”
และนี่คือจุดเริ่มต้นของบทบาทอาชีพ “Chef” อย่างเป็นทางการ...
ต่อมาในปี ค.ศ. 1898 ทั้ง เอสโคฟิเอร์ และ ริทซ์ ได้ย้ายกลับมาฝรั่งเศส และเปิดโรงแรม Ritz ขึ้นที่กรุงปารีส โดยใช้ระบบการบริหารร้านอาหารที่เอสโคฟิเอร์ได้วางไว้ ซึ่งโรงแรม Ritz ต่อมาก็ได้ขยายกลายเป็นเครือโรงแรม The Ritz-Carlton ในปัจจุบัน..
เอสโคฟิเอร์ ยังเป็นผู้ตีพิมพ์ “Le guide culinaire” ตำรารวมสูตรอาหารฝรั่งเศส 500 สูตร ทำให้กรรมวิธีการปรุงอาหารฝรั่งเศส กลายเป็นรากฐานของอาหารตะวันตกนับตั้งแต่นั้นเป็นพื้นฐาน
โรงเรียนสอนทำอาหารตะวันตกจึงนิยมใช้อาหารฝรั่งเศสโดยหนึ่งในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงที่ก่อตั้งในช่วงเวลาใกล้เคียงกันก็คือ“Le Cordon Bleu” หรือโรงเรียนเลอ กอร์ดอง เบลอ ที่บุคคลในแวดวงอาหารรู้จักกันดี
จากจุดเริ่มต้นของการทำนิตยสารด้านอาหารชื่อว่า “La Cuisinière Cordon Bleu” ต่อมานักหนังสือพิมพ์ Marthe Distel ได้จัดตั้งโรงเรียนสอนทำอาหารขึ้นในปี ค.ศ. 1895 และมีการจัดสาธิตการประกอบอาหารด้วยเตาไฟฟ้าขึ้นเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนแห่งนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์นิตยสาร และเปิดโรงเรียนสอนทําอาหาร
ไม่นาน ภาพการทําอาหารก็แพร่หลายไปทั่วยุโรป เหล่าบรรดาเชฟและผู้รักการทำอาหารต่างสนใจเข้าเรียนอย่างล้นหลาม จนต่อมาโรงเรียนแห่งนี้
สามารถขยายสาขาได้ถึง 20 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในประเทศไทย
เวลานั้นเริ่มมีนิตยสารด้านการทำอาหารแพร่หลาย นอกจากนิตยสาร La Cuisinière Cordon Bleu แล้ว อีกหนึ่งนิตยสารที่มีชื่อเสียงและก่อตั้ง
ในเวลาใกล้เคียงกันก็คือ “Michelin Guide”
ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ทั่วทั้งยุโรปมีการปฏิวัติอุตสาหกรรมแล้ว อุตสาหกรรมเหล็กเติบโตกลายเป็นรากฐานของอุตสาหกรรมยานยนต์ ทั้งเยอรมนี อังกฤษและฝรั่งเศส ต่างแข่งขันกันพัฒนารถยนต์ เมื่อมีรถยนต์ ผู้คนที่มีฐานะก็สามารถใช้เวลาในช่วงวันหยุดเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วประเทศ ปี ค.ศ. 1900 ฝรั่งเศสมีรถยนต์อยู่ประมาณ 3,000 คัน สองพี่น้อง Edouard และ André Michelin ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งกิจการยางรถยนต์ Michelin มีความคิดที่จะทำหนังสือแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ให้แก่ผู้ใช้รถ โดยหวังว่าจะเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนออกมาซื้อรถ รวมไปถึงซื้อยางจากพวกเขามากขึ้น หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า“Michelin Guide”
แรกเริ่มเดิมที Michelin Guide เป็นการนำเสนอแผนที่ ซึ่งบอกตำแหน่งของปั๊มน้ำมัน ร้านซ่อมรถ ร้านเปลี่ยนยาง และโรงแรมในฝรั่งเศสเพียงเท่านั้น
ต่อมา Michelin พบว่าส่วนหนึ่งที่เป็นการแนะนำร้านอาหารนั้นได้รับความนิยมสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงริเริ่มการให้คะแนนร้านอาหารผ่านการให้ “ดาว” หรือที่เรียกว่า Michelin Star เป็นครั้งแรกใน โปปปี ค.ศ. 1926
Michelin Star แบ่งออกเป็น 3 ระดับ
1 ดาว หมายถึง ร้านอาหารที่ดีมากในหมวดหมู่นั้น ๆ
2 ดาว หมายถึง ร้านอาหารชั้นยอด ที่ควรค่าแก่การแวะออกนอกเส้นทางเพื่อไปลิ้มลอง
3 ดาว หมายถึง ร้านอาหารชั้นเลิศ ที่ควรค่าแก่การเดินทางไปเพื่อสิ่งเดียวโดยเฉพาะ
ไม่ได้มีเพียงตัวร้านอาหารเท่านั้นที่ได้รับรางวัลจนขนานนามว่าเป็นร้านอาหารระดับ Michelin Star แต่ตัวเชฟเอง! ก็จะถูกเรียกขานว่าเป็นเชฟ Michelin Star ด้วย ซึ่งเป็นเรื่องน่าภูมิใจอย่างยิ่งสำหรับเชฟ และเป็นที่ยอมรับในวงการอาหารระดับโลกอย่างแน่นอน
จากจุดเริ่มต้นของการให้ดาวมิชลินร้านอาหารในฝรั่งเศส ต่อมาก็ลุกลามขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และล่าสุดประเทศไทย เท่ากับว่า ร้านอาหารทั่วโลกต่างก็ให้การยอมรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ซึ่งถือกำเนิดโดยคนฝรั่งเศส
จากเรื่องทั้งหมดที่กล่าวมา ก็น่าจะสรุปได้ว่า การที่วัฒนธรรมอาหารฝรั่งเศสได้รับการยอมรับในระดับสากล สาเหตุสำคัญที่สุดไม่ใช่เพราะความหรูหราที่สั่งสมมานาน หรือเป็นเพราะอาหารฝรั่งเศสอร่อยกว่าอาหารของชาติอื่นๆ
แต่เป็นเพราะการสร้างระบบในการทำอาหารให้มี “มาตรฐาน” การต่อยอดจากการทำอาหาร มาสู่การจดบันทึก ตีพิมพ์ตำราอาหาร วางระบบการทำงานในร้านอาหาร ตั้งโรงเรียนสอนทำอาหาร ก่อตั้งนิตยสาร ไปจนถึงการให้คะแนนร้านอาหาร
พัฒนาการที่ต่อเนื่องเป็นเวลามากกว่า 100 ปี ทำให้วัฒนธรรมอาหารฝรั่งเศสแข็งแกร่ง และกลายเป็นสิ่งที่ทํารายได้มหาศาลให้กับประเทศ
ซึ่งหากจะคิดถึงสักประเทศที่เป็นเจ้าแห่ง “Chef” ทำอาหาร“ฝรั่งเศส” จะเป็นประเทศแรกที่คนทั่วโลกนึกถึงนั่นเอง..
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
ตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
ทัพฟ้าไทย พร้อมรบ 24 ชั่วโมง โชว์ยุทโธปกรณ์สุดล้ำ โจมตีแม่นยำ "ไม่ให้ใครย่ำยี" น่านฟ้าไทย
กองกำลังพิเศษ BHQ ทรยศฮุนเซน แอบไปซบ อก สมรังสี
ตำรวจแยกสอบ 2 เคส! “เวย์ ไทเทเนี่ยม” ถูกเหยื่อแจ้งความฉ้อโกง อ้างชื่อนักธุรกิจดังตุ๋นลงทุนหุ้นทิพย์ สูญกว่า 50 ล้าน
ตร.เผย เวย์ ไทเทเนี่ยม ใช้ชื่อนักธุรกิจดังหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงิน 50 ล้าน
ตุ๋นลงทุนทิพย์: ไว้ใจ เชื่อใจ หรือเกรงใจ… สุดท้ายใครคือเหยื่อ?
รอบ 3 อาการ 12: หัวใจแห่งการตื่นรู้สำหรับชีวิตประจำวัน (เอไอ รวบรวมและเรียบเรียง)
เลิกกัน แต่ปล่อยคลิปลับ — คนแบบนี้ยังมีอยู่ในโลกได้ยังไง?
7 อันดับสารพิษตัวร้าย : อยู่ให้ไกล ระวังให้ดี เพราะโลกนี้ไม่ได้อ่อนโยนกับเราเสมอไป

