“Prince Sado of Joseon” องค์ชายซาโดะ ที่พระบิดาสั่งขังไว้ใน "หีบไม้ใส่ข้าว"จนสิ้นพระชนม์
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่น่าสลดใจที่สุดในประวัติศาสตร์ของราชวงศ์โชซอน-เกาหลี (1392-1910) ที่รัชทายาทพระโอรส กลับถูก "จองจำ" จากคำสั่งของพระราชบิดาตนเองจน "เสียชีวิต" ในหีบข้าวที่ทำด้วยไม้โดยการตากแดดร้อนๆหลายวันจนสิ้นใจตาย
Crown Prince Sado of Joseon (By Wikimedia Commons)
พระนามคือ "องค์ชายซาโดะ" (Prince Sado of Joseon)
การประสูติของ "องค์ชายซาโดะ" นั้น (โดยชื่อเดิมคือ "อีซอน") มันเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ในอาณาจักรโชซอน (ซึ่งถือเป็นอาณาจักรสุดท้ายของเกาหลี) คือในปี พ.ศ. 278 เป็นปีที่ 11 ในรัชกาลของกษัตริย์ยองโจ (King Yeongjo) ซึ่งมีอายุ 40 ปีแล้ว และการเกิดของลูกชายเจ้าชายซาโดะ ทายาทนั้นมีความสำคัญต่อราชอาณาจักรโชซอนเป็นอย่างมาก
"กษัตริย์ยองโจ" ดีใจมากที่องค์ชายซาโดะเกิดมา พระองค์แน่ใจว่าองค์ชายนั้นจะต้องได้รับการเลี้ยงดูด้วยครูที่ดีที่สุด เพื่อฝึกฝนให้องค์ชายฯ นั้นสมควรกับการเป็นทายาทที่คู่ควร เป็นองค์ชายฯที่มีความสามารถและเพียบพร้อม ขยันหมั่นเพียรซึ่งถือว่าอาณาจักรโชซอนจะได้รับพรที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตข้างหน้า
King Yeongjo of Joseon (By Wikimedia Commons)
ความโกลาหลก่อนที่จะเกิดการประสูติขององค์ชายซาโดะ
กษัตริย์ยองโจเป็นผู้รอดชีวิตจากความวุ่นวายอยู่หลายสิบปี เขาไม่เคยถูกกำหนดให้ได้เป้นกษัตริย์ แต่อย่างไรก็ตามจุดจบของการต่อสู้ที่ขมขื่นและโหดร้ายระหว่างสองฝ่ายในราชสำนักที่มีอำนาจ พี่ชายของพระองค์และกษัตริย์รุ่นก่อนเสียชีวิตอย่างลึกลับ ส่งผลให้กษัตริย์ยองโจถูกผลักดันให้ได้เป็นกษัตริย์ในวัยชราแล้วในฐานะที่ได้รับการสนับสนุนของฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ
กษัตริย์ยองโจผู้ที่มีปมด้อยจากชาติกำเนิด
กษัตริย์ยองโจย่อมรู้ดีว่าเขามีความชอบธรรมเพียงเล็กน้อย และต้องอยู่ในความดูแลของพวกกลุ่มอาฆาตเสมอ เพราะความจริงที่ว่าพระองค์เป็นบุตรนอกกฎหมายของอดีต "กษัตริย์ซุกจง" องค์ก่อน (King Sukjong of Joseon)
โดยมีแม่เป็นเพียงสาวใช้ในพระราชวัง ที่เป็น "สามัญชน" และจัดอยู่ในชนชั้น "ชอนมิน" ที่ถือเป็นชนชั้นที่ต่ำที่สุดในโชซอน ซึ่งถือว่าระบบวรรณะของโชซอนสมัยนั้น ยังคงแบ่งชั้นชนสูงกันอยู่ซึ่งถือเป็นเรื่องน่าละอาย ทำให้กษัตริย์ยองโจเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความอับอายนี้มาตลอด
แต่กษัตริย์ยองโจเอาชนะสถานการณ์เช่นนี้ ด้วยการเป็นกษัตริย์ที่ดีทรงนำพาประเทศมาได้ด้วยความพยายาม ทำให้ทุกคนมองข้ามเรื่องชาติกำเนิด และพระองค์ทรงขวนขวายและได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้มีความรู้
พระองค์นำพา "โชซอน" ไปสู่ความมั่นคงอย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะเกิดการรุกรานของญี่ปุ่นและแมนจูในศตวรรษที่ 16 และ 17 ดังนั้นพระองค์รู้ดีว่าเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนแบบในทศวรรษจากอดีตที่ผ่านๆมา ลูกชายองค์ชายซาโดะจะต้องเป็นรัชทายาทที่พิเศษ พระองค์จึงเป็นพ่อที่เข้มงวดกับองค์ชาย และเป็นพ่อที่เอาแต่ใจอย่างยิ่ง
การเลี้ยงดูองค์ชายฯ แบบเข้มงวดจนเกินไป
การกระทำของกษัตริย์ยองโจนั้นถือว่าเป็นพ่อที่เข้มงวดและเอาแต่ใจ ตั้งแต่ที่องค์ชายซาโดะยังเป็นเด็กๆ กษัตริย์ยองโจมักกวดขันลูกชายของเขาในแต่ละบทเรียน ถ้าเขาพบสิ่งที่ไม่พอใจเขาจะตำหนิองค์ชายฯต่อหน้าสาธารณชน
แม้ความผิดนั้นจะเป็นความผิดเพียงเล็กน้อยก็ตาม กษัตริย์ยองโจไม่เคยเห็นชอบสิ่งที่องค์ชายฯ ทำแม้แต่คำเดียว ไม่ว่าองค์ชายฯ จะตัดสินใจอย่างไรกษัตริย์ยองโจก็มักจะตำหนิและสั่งสอนองค์ชายฯ เสมอๆ
อุปนิสัยขององค์ชายฯจากการเลี้ยงดู
จากบันทึกของซาโดะ องค์ชายฯ มีอุปนิสัยที่เงียบขรึม ขยันหมั่นเพียร และเชื่อฟังปฎิบัติตามคำแนะนำของพระบิดา กษัตริย์ยองโจพยายามจะผลักดันองค์ชายฯ ให้มีความรับผิดชอบต่องานสำคัญๆ ให้เป็นผู้สำเร็จราชการขณะที่องค์ชายฯมีพระชนมายุเพียงแค่ 15 พรรษา แต่ถึงอย่างไรก็ตามหากไม่มีคำพูดที่ดีกษัตริย์ยองโจก็ยังคงบ่นองค์ชายฯ อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับข้อบกพร่องขององค์ชายฯ อยู่เสมอ
กษัตริย์ยองโจมักอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยปลอดภัยนัก และต้องคอยเกลี้ยกล่อมและสร้างความปรองดองให้กับทุกๆฝ่ายต่างๆภายในรัชกาลของพระองค์ ซึ่งต้องดิ้นรนและในขณะเดียวกันก็อาจจะตกเป็นเหยื่อได้ทุกเวลา
เหมือนกับพี่ชายของพระองค์ที่เคยประสบชะตากรรมมาก่อน กษัตริย์ยองโจรู้ว่าทายาทคนใหม่ของเขาจะต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่ยากลำบากในการเอาชีวิตรอด กษัตริย์ยองโจจึงมักหมดหวังที่จะทำให้องค์ชายฯของเขาต่อสู้กับอำนาจที่บ้าคลั่งเหล่านี้ให้ได้
การเลี้ยงแบบเข้มงวดทำให้องค์ชายฯ กลัวพระบิดา
องค์ชายฯ เกรงกลัวพระบิดาอย่างมาก องค์ชายฯ มักประหม่าและประสบกับความวิตกกังวลต่อหน้าพระบิดา องค์ชายฯ มักตะกุกตะกักเมื่ออยู่ต่อหน้าพระบิดาเหมือนไม่มีความมั่นใจ จนทำให้พระบิดามักโกรธเขามากขึ้นไปอีก และหลังจากการตายของน้องสาวขององค์ชายฯ ย่าและแม่เลี้ยงขององค์ชายฯ องค์ชายฯ ก็เริ่มเข้าสู่ความบ้าคลั่ง "ผิดปกติทางจิตใจ" ในช่วงวัยยี่สิบกลางๆ
พฤติกรรมขององค์ชายฯ ที่เหมือนจิตเภท
พระองค์เริ่มใช้ความรุนแรงต่อคนรอบข้าง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองและบังคับบัญชาของพระองค์ มันเกิดจากความหงุดหงิดที่เกิดจากความไม่พอใจพระบิดาของพระองค์เอง พระองค์เริ่มทุบตีคนรับใช้ในวังทางร่างกาย
จนพัฒนาไปถึงการแสดงออกทางพฤติกรรมที่ผิดปกติมากยิ่งขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปความรุนแรงก็กลายเป็นความโหดร้าย องค์ชายฯ มักทุบตีมเหสีของเขาและข้าราชการหลายคนในวังก็ถูกฆ่าตาย หรือแม้กระทั้งทุบตีนางสนมจนตาย ซึ่งกษัตริย์ยองโจพยายามเมินต่อเหตุการณ์เหล่านี้
วาระสุดท้ายชีวิตขององค์ชายฯ
ในปี ค.ศ. 1762 หลังจากการโต้เถียงอย่างดุเดือดกับเจ้าหน้าที่ศาลฯ องค์ชายฯก็พยามยามแอบเข้าไปในวังหลวง เพื่อจะสังหารลูกชายของเจ้าหน้าที่ผู้นั้น จึงกลายเป็นข่าวลือแพร่กระจายว่าองค์ชายฯ ตั้งใจจะสังหารกษัตริย์ยองโจ
สถานการณ์ร้ายแรงดังกล่าวสมควรได้รับโทษในการเนรเทศหรือสั่งประหารชีวิต หากว่าตามกฎหมายที่มีอยู่ถ้าทำเช่นนี้ภรรยาและลูกชายคือ "องค์ชายจองโจ" (King Jeongjo) ขององค์ชายฯ ซึ่งถือเป็นรัชทายาทสายตรงเพียงคนเดียวแห่งราชบัลลังก์โชซอน ต่อจากองค์ชายซาโดะก็ต้องโดนรับโทษเช่นเดียวกันไปด้วย
การลงโทษจากพระบิดาจนนำไปสู่ "ความตาย"
พอเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1762 องค์ชายซาโดะแห่งโชซอน จึงต้องรับโทษให้ปีนเข้าไปอยู่ในหีบไม้ที่เก็บข้าว ตามคำสั่งของพระบิดาของเขา องค์ชายฯ อ้อนวอนขอชีวิตและเป็นครั้งแรกที่องค์ชายฯ เอ่ยคำว่า "พระบิดา" ออกมาแทนคำว่า "ฝ่าพระบาท"
และได้อ้อนวอนต่อพระบิดาว่า..."พ่อครับ..ให้ผมอยู่เถอะครับ"
เหมือนเป็นคำขอชีวิตครั้งสุดท้าย แต่พระบิดาไม่สนใจคำอ้อนวอนขององค์ชายฯ พระบิดาทรงสั่งให้มัดหน้าอกด้วยเชือก และโรยด้วยหญ้าแล้วก็ทิ้งองค์ชายฯ ให้อยู่ในหีบไม้ข้าวที่หน้าพระราชวังท่ามกลางแสงแดดที่แผดเผาตลอด 7 วัน 7 คืน
เสียงคร่ำครวญร้องขอชีวิตขององค์ชายฯ นั้นช่างทรมานจากความเจ็บปวดจากการถูกแดดเผาจนร่างกายพุพอง และพอถึงวันที่ 8 หีบข้าวก็ถูกเปิดออก แต่ก็เป็นที่น่าสลดใจเพราะองค์ชายซาโดะได้สิ้นพระชนม์ไปแล้ว
Yeungreung where Prince Sado is buried. (By Wikimedia Commons)
และนี่ก็คือเรื่องราวของ "องค์ชายซาโดะ" ที่ต้องจบชีวิตอย่างน่าเวทนาและน่าสลดใจอย่างน่าเศร้าใจ แต่พอหลังจากองค์ชายฯสิ้นพระชนม์ "องค์ชายจองโจ" รัชทายาทของพระองค์ ก็ได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโชซอน
และ "กษัตริย์ยองโจ" ก็เลี้ยงดูหลานชายแบบอิสระมากขึ้น ไม่ได้เลี้ยงอย่างเข้มงวดแบบเก่าอีกต่อไป เหมือนเป็นการยอมรับภายในจิตใจของพระองค์ว่า..พระองค์ต้องรับผิดชอบต่อการทำลายจิตใจลูกชายของพระองค์เองในอดีต
ดังนั้นองค์ชายจองโจ (หลานชาย) องค์รัชทายาทสายตรงจึงเติบโตขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ และกลายเป็นที่เลื่องลือในฐานะ "กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่" ที่สุดของโชซอนในเวลาต่อมานั้นเอง
ขอบคุณภาพจาก : กูลเกิล, วิกิพีเดียร์, และ korea-gfe07676aa_1280 (By Cegoh Pixabay License Free)