คนไทย ซื้อของออนไลน์มากขนาดไหน กับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงแบบถาวร
เป็นที่รู้กันว่า เศรษฐกิจในช่วงโควิดเป็นอย่างไร คนไม่ยอมออกจากบ้านมาช้อปปิ้งเหมือนเดิม ภาพการค้าจึงดูซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด คนที่ทำงานออฟฟิสหลายคนเริ่มชอบการทำงานแบบ Work From Home และไม่ออกมาช้อปปิ้งเหมือนเดิม เป้นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปทั่วโลก โดยส่วนใหญ่นิยมช้อปปิ้งทางออนไลน์แทนในสินค้าส่วนใหญ่ แม้กระทั่งอาหาร แต่ช่องทางออฟไลน์ยังคงเป็นช่องทางหลักในสินค้าบางประเภท
"ผลการสำรวจระบุว่า 38% ของผู้บริโภคชาวไทยยังคงเลือกจับจ่ายสินค้าจากหน้าร้านเป็นช่องทางหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าอุปโภคบริโภคหรือสินค้าประเภทของชำ แต่ในขณะเดียวกันก็มีการจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ เป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนหรือโทรศัพท์มือถือ (37%) ผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะอุปกรณ์สมาร์ทโฮมภายในบ้าน (31%) และแท็บเล็ต (25%) เป็นต้น"
จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ช่องทางออนไลน์เติบโตจริงในช่วงที่โควิดระบาด แถมในอนาคตก็คาดกันว่า พฤติกรรมนี้จะเปลี่ยนแปลงไปถาวรด้วยครับ
สอดคล้องกับแนวโน้มพฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลกที่เห็นการเติบโตของการช้อปปิ้งออนไลน์เร่งตัวขึ้นในช่วงโควิด-19 สำหรับสินค้าที่ผู้บริโภคนิยมซื้อออนไลน์เป็นอันดับต้นๆ ได้แก่ สินค้าแฟชั่น ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม และสินค้าประเภททำได้ด้วยตัวเอง และการปรับปรุงบ้าน โดยอินเตอร์เฟส เว็บไซต์ หรือแอปฯ ที่ใช้งานง่าย ความรวดเร็วในการขนส่งและการบริการที่น่าเชื่อถือ รวมถึงรีวิวจากลูกค้าท่านอื่น ล้วนเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคชาวไทยใช้พิจารณาประกอบการตัดสินใจเมื่อซื้อสินค้าออนไลน์
นั่นแสดงให้เห็นว่า พฤติกรรมลูกค้ามีความฉลาดในการเลือกซื้อของทางออนไลน์มากกว่าเดิม โดยมักมีการเปรียบเทียบจากแหล่งต่างๆ สเปคของสินค้า รวมไปถึง ราคา โดยเปรียบเทียบกับหลายๆร้านค้าในช่องทางออนไลน์ก่อนซื้อจริง นั่นหมายความว่า ลูกค้าล้วนมีช้อมูลอยู่ในใจอยู่แล้วแทบทั้งหมดก่อนการซื้อ ต่างจากสมัยก่อนที่ต้องไปถามหาข้อมูลจากพนักงานขายตามหน้าร้าน แปลว่า นับจากนี้ พนักงานขายหน้าขายเริ่มหมดความสำคัญลง และในอนาคตธุรกิจอาจไม่อยากมีหน้าร้านอีกเลย
นั่นคือ ความยากของธุรกิจในยุคนี้ เพราะไม่ใช่แค่ว่า ใครก็ได้ที่สามารถลงมาในสนามออนไลน์ได้ง่ายๆ มือใหม่ที่ทุนน้อย หากินกับส่วนต่างราคาเริ่มอยู่ได้ยากขึ้น เพราะลูกค้าใช้การเปรียบเทียบราคาประกอบในการตัดสินใจซื้อของออนไลน์ แถมถ้าร้านค้าใหม่ๆ ที่มียอดวิวน้อย ลูกค้าจะรู้สึกว่าไม่ว่าไว้วางใจ แถมถ้ามีประวัติการรีวิวไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ลูกค้าจะไม่ซื้อของจากร้านค้านั้นอีกเลย ตลอดไป ทำให้ธุรกิจที่ซื้อมาขายไป ถ้าไม่ใช่โรงงานผู้ผลิตแล้วจะอยู่ได้ยากมาก เพราะในปแัจจุบัน โรงงานผู้ผลิตได้เปิดช่องทางออนไลน์มาแย่งขายของแทนร้านค้าหมดแล้ว เพราะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า และได้เปรียบมากกว่านั่นเอง
เราจะเห็นได้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคไทยปรับตัวไปสู่ดิจิทัลมากขึ้นภายในเวลาชั่วพริบตา ดังนั้นธุรกิจที่มีช่องทางการขายเป็นหน้าร้านเพียงช่องทางเดียว ต้องเร่งปรับตัวเพื่อไม่ให้เสียโอกาสทางธุรกิจ และควรขยายช่องทางการจำหน่ายเพื่อรองรับลูกค้าที่หันมาซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น แม้ในอนาคตวิกฤตโควิด-19 จะผ่านพ้นไปแล้วก็ตาม