ล่าขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า!!! เมื่อนานาชาติตามยึดอภิมหาเรือยอร์ชของเหล่าเพื่อนปูติน

เมื่อสงครามระหว่างรัสเซียยูเครนยังไม่จบ เหล่าชาติตะวันตกจึงยกระดับมาตรการกดดันปูตินและเหล่าคนสนิทที่สนับสนุนปูติน (Oligarchs) ให้สิ้นซาก ครั้งนี้ชาติตะวันตกได้ผลึกกำลังตามล่าเพื่อยึดอภิมหาเรือยอร์ชของเหล่า Oligarchs สัญลักษณ์แห่งอำนาจ ความหรูหรา ที่ได้มาจากเงินผิดกฎหมายครับ

อภิมหาเรือยอร์ชที่เหล่าเพื่อนปูตินสะสม

ในอดีตเศรษฐีผู้มั่งคั่งมักจะมีเรือยอร์ช (Yacht) ซึ่งเป็นเรือโดยสารสุดหรูเพื่อใช้เดินทางส่วนตัว แต่ในต้นศตวรรษที่ 20 เหล่ามหาเศรษฐีเริ่มมองเห็นว่าเรือหรูขนาดปกติที่มีความยาวของตัวเรือประมาณ 24 – 40 เมตรอาจไม่หรูหราสมฐานะของพวกเขาอีกต่อไป บริษัทต่างๆ จึงได้สร้างเรือชนิดใหม่ขึ้นมาคืออภิมหาเรือยอร์ช (Megayacht) ที่มีความยาวโดยประมาณ 40 – 180 เมตรขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความหรูหราเหนือระดับไปอีกขึ้น

แหล่งที่สามารถพบเจออภิมหาเรือยอร์ชได้บ่อยที่สุดคือแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและทะเลแคริบเบียน โดยนอกจากอภิมหาเรือยอร์ชจะมีขนาดที่ใหญ่ยักษ์แล้ว แต่ยังอุดมไปด้วยอุปกรณ์สันธนาการและความบันเทิงต่างๆ มากมาย เช่น สระน้ำไว้ให้ว่ายเล่นอย่างเป็นส่วนตัว หรือบางลำที่มีขนาดใหญ่มากก็อาจบรรทุกเรือยอร์ชขนาดปกติหรือมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์บนเรือเป็นการส่วนตัวอีกด้วย มหาเศรษฐีชั้นนำ เช่น Jeff Bezos เจ้าของอเมเซอนก็มีเรืออภิมหายอร์ชมูลค่า 500 ล้านดอลลาห์เพื่อใช้พักผ่อนเช่นกัน

ในทางกลับกันเหล่าเพื่อนปูตินเองก็สะสมอภิมหาเรือยอร์ชไว้ประดับบารมีด้วยเช่นกัน ทางชาติตะวันตกมองว่าพวกเขากำลังมีความสุขกับทรัพย์สินและเงินทองมากมาย เช่น อภิมหาเรือยอร์ชมูลค่ารวมกันกว่า 2,000 ล้านดอลลาห์ในท่ามกลางไฟสงครามที่ร้อนระอุไปทั่ว ดังนั้นเหล่าสหายของปูตินจะต้องโดยคว่ำบาตรและทรัพย์สินสุดหรูจะต้องโดนยึดทรัพย์ด้วยเช่นกัน

ปฏิบัติการยึดเรืออภิมหายอร์ช

จนถึงปัจจุบัน อภิมหาเรือชอร์ชสุดหรูอย่างน้อย 16 ลำได้ถูกยึดไว้โดยรัฐบาลของชาติตะวันตก โดยลำที่เด่นที่สุดคือเรืออภิมหายอร์ช Dilba ที่มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์บนเรือถึง 2 ที่และมีสระว่ายน้ำบนเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อหนีจากการเข้ายึดของชาติตะวันตกเหล่าเศรษฐีรัสเซียที่คาดว่าจะถือครองเรือสุดหรูประมาณ 10% ของจำนวนอภิมหายอร์ชทั้งหมดจำเป็นต้องขับเรือหนีเข้าน่านน้ำสากลโดยทันที บางลำมีเป้าหมายหลักคือการเข้าเทียบท่าที่ประเทศตุรกีเนื่องจากมีอู่เรือที่ทันสมัยและใหญ่พอจะสามารถดูแลเรือขนาดยักษ์เหล่านี้ได้

เรือที่กำลังทำการหลบหนีอยู่ เช่น My Solaris ของมหาเศรษฐีแดนหมีขาว คุณ Roman Abramovich เรือดังกล่าวมีมูลค่ามากถึง 600 ล้านดอลลาห์ เพราะตัวเรือมีขนาดที่ใหญ่โดยสามารถรับรองแขกได้ถึง 30 คน และบรรทุกลูกเรือได้ถึง 60 คน นอกจากนี้ยังมีสระว่ายน้ำและลานจอดเฮลิคอปเตอร์อีกด้วย เมื่อสถานการณ์การคว่ำบาตรรุนแรงขึ้น เรือ My Solaris ก็ออกจากท่าที่บาเซโลน่าในวันืที่ 8 มีนาคม และพยายามลัดเลาะน่านน้ำสากลเพราะโดยทั้งอังกฤษและยุโรปประกาศคว่ำบาตรและยึดทรัพย์สินเพื่อไปให้ถึงท่าเรือของตุรกี

เรืออีกลำที่น่าสนใจคือเรือ Eclipse ที่มีมูลค่ามากถึง 700 ล้านดอลลาห์และมีเรือดำน้ำเป็นของตนเองก็ได้หนีออกจากท่าที่เกาะเซนต์มาร์ติน (Caribbean island of Sint Maarten) ในส่วนการปกครองของเนเธอร์แลนด์ในวันที่ 3 มีนาคม เพื่อหนีการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปและมุ่งหน้าผ่านน่านน้ำสากลเพื่อไปที่ตุรกีทันที โดยตัวเรือสามารถฝ่าเข้าไปถึงตุรกีได้ในวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา

ผลกระทบของการยึดเรืออภิมหายอร์ช

แรงงานอุตสาหกรรมเดินเรือจำนวนมากในทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือได้รับผลกระทบดังกล่าวโดยทันทีเพราะขาดรายได้จากการดูแลบำรุงรักษาเรือเหล่านี้ ยิ่งรวมการสูญเสียรายได้ในช่วงหน้าร้อนของซีกโลกตะวันตกที่กำลังมาถึงนับเป็นช่วงเวลาทองสำหรับการท่องเที่ยวที่ทะเลแคลิบเบียนและเมดิเตอร์เรเนียนยิ่งทำให้สถานการณ์น่าเป็นห่วงมากขึ้น ประเทศปลายทางที่รับดูแลเรือหรูดังกล่าวก็ต้องวิตกเรื่องค่าบริการของตนเพราะเหล่าเศรษฐีขาวรัสเซียถูกคว่ำบาตรทางการเงินทำให้การโอนเงินระหว่างประเทศเป็นเรื่องยากมาก

ในทางกลับกันเหล่าบริษัทออกแบบเรือหรูก็จะสูญเสียรายได้อย่างมหาศาล จากเดิมที่บริษัทต่อเรือเริ่มที่จะฟื้นตัวจากสถานการณ์ COVID-19 ได้บ้าง แต่เมื่อเจอกับการคว่ำบาตรอาจทำให้บริษัทของพวกเขาประสบปัญหาเอาได้ ซึ่งทางบริษัทต่อเรือหลายแห่งได้กล่าวว่าเจ้าของเรือบางคนอาจเป็นคนไม่ดี แต่เจ้าของเรืออีกหลายคนก็เป็นคนดีเช่นกัน ดังนั้นหวังว่าสังคมจะไม่ป้ายสีว่าเรือเหล่านี้เป็นสิ่งที่เหล่าร้ายถือครอง แบบเดียวกับวายร้ายในภาพยนตร์ James Bond