ทำไมของกินเล่นหน้าโรงหนัง ต้องเป็นป๊อปคอร์น?
เวลาเราไปดูหนัง ของว่างที่ทุกคนมักจะซื้อติดไม้ติดมือเข้าโรงหนังนั่นก็คือป๊อปคอร์น จะให้เดินเข้าไปตัวเปล่าสิบนิ้วมันก็กะไรอยู่ มือว่างไปเปล่า ๆ ปรี้ๆ ไม่ด้าย!!! ปากว่างระหว่างดูหนัง มันรู้สึกไม่ชิน 5555 แต่ก็สงสัยเหมือนกันว่า ทำไมหน้าโรงหนังถึงขายแค่ป๊อบคอร์น กับน้ำอัดลม เป็นสแน็คอย่างอื่นไม่ได้เหรอ เช่น ไก่ป๊อบ มันฝรั่งทอด หรืออะไรก็แล้วแต่ วันนี้มีคำตอบค่ะ
แรกเริ่มเดิมทีป๊อปคอร์นจะเป็นที่นิยมกันมากในแถบอเมริกาใต้ ต่อมาในได้มีการแพร่มาทางแถบอเมริกาเหนือ จนเป็นขนมที่ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายมากขึ้นในปี 1848 โดยช่วงนี้ป๊อปคอร์นมักจะมีขายเฉพาะในงานแฟร์ต่าง ๆ งานกีฬา และงานรื่นเริงต่างๆ รวมถึงในละครเวทีด้วย เพราะมันผลิตง่าย ทานง่าย พกพาง่าย และอร่อย แต่ตอนนั้นยังไม่มีขายในโรงหนัง เพราะตอนผลิตกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่ว โรงหนังจึงไม่อนุญาตให้เอาป๊อบคอร์นเข้าไปกิน เพราะโซฟาและพรมในโรงหนังสมัยก่อนราคาแพง ทำให้เจ้าของโรงหนังไม่อยากให้เอาป๊อบคอร์นเข้าไปกินให้มันเลอเทอะ อีกทั้งผู้คนอื่นอาจจะรำคาญเสียงเคี้ยวป๊อบคอร์นด้วย
จนกระทั่งในปี 1930 ด้วยความบูมของน้องป๊อบ ทุกที่มีป๊อบแล้ว โรงหนังจะไม่มีสักหน่อยหรา!!! 5555555 ผู้ประกอบการก็ลังเลสองจิตสองใจ ใจนึงก็คิดว่าเสียงเคี้ยวมันไม่น่าจะดังเท่าเสียงหนังนะ (นี่น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วมั้ย 5555) อีกใจก็คิดว่ามันก็คงไม่เลอะมากหรอก ถ้าเทียบกับการที่คนจะเข้าโรงหนังมากขึ้นก็น่าลองไม่ใช้เหรอ
แต่ระหว่างคิดนั้นก็มีคนแอบเอาป๊อบคอร์นเข้าไปกินอยู่เรื่อย ๆ นับวันก็มากคิด จับได้เเทบทุกวัน ทำให้ทางโรงหนังตัดสินใจอนุญาต และขายป๊อปคอร์นเองมันซะเลย บอกเลยว่ายอดขายพุ่งปรี๊ดยิ่งกว่าตั๋วหนังซะอีก เพราะขายได้ทั้งคนที่มาดูหนังและคนที่เดินผ่านมา และยังพบว่าคนจะกินป๊อบคอร์นในโรงหนังมาก ต่อมาในปี 1930 กิจการโรงหนังเริ่มไม่เป็นที่นิยม แต่อย่างไรก็ตาม โรงหนังก็ยังได้กำไรจากการขายป๊อปคอร์น และคนส่วนใหญ่ก็ชอบทานไปเสียแล้ว เเละนิยมมาจนถึงปัจจุบัน
ในปัจจุบันนี้เมื่อนึกถึงโรงหนังก็ต้องนึกถึงป๊อปคอร์น และน้ำอัดลม เป็นสแน็คที่อยู่คู่กับในโรงหนังมานาน มีการออกรสใหม่ออกมาให้ผู้บริโภคอย่างเราเลือกได้ตามความชอบ ไม่ว่าจะรสหวาน รสเค็ม รสเนย นอกจากเราจะรู้สึกว่ารสชาติมันอร่อยกว่าปกติแล้ว เรื่องราคาก็แรงกว่าปกติด้วยเช่นกัน 55555