ทหารญี่ปุ่น ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวในป่า 30 ปี โดยไม่รู้ว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลงแล้ว
หลายคนอาจเคยได้ยินเรื่องราวของ ฮิโรโอะ โอโนดะ นายทหารจักรวรรดิญี่ปุ่น ที่เคยร่วมสู้รบในสงครามโลกครั้งที่ 2 และหลบซ่อนตัวอยู่บนเกาะแห่งหนึ่ง ในประเทศฟิลิปปินส์ เป็นเวลายาวนานถึง 30 ปี โดยที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าสงครามได้สิ้นสุดลงแล้ว กระทั่งเขาได้ยอมมอบตัวในปี 1974
แต่เรื่องราวของ ฮิโรโอะ โอโนดะ ไม่ใช่ทหารคนสุดท้ายในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ไม่เชื่อว่าสงครามโลกจบแล้ว เพราะอีก 10 เดือนหลังจากนั้น ได้มีการค้นพบนายทหารญี่ปุ่นคนหนึ่ง ซึ่งไม่ค่อยมีใครพูดถึง และไม่ได้รับการบันทึกในการสิ้นสุดของสงคราม
เทรุโอะ นากามูระ
นายทหารคนนี้มีชื่อว่า เทรุโอะ นากามูระ ถูกค้นพบบนเกาะโมโรไท ประเทศอินโดนีเซีย โดยที่ เทรุโอะ เป็นนายทหารในสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาถูกสันนิษฐานว่าเสียชีวิตแล้ว แต่ความจริง เทรุโอะ เขาอาศัยอยู่ลึกเข้าไปในป่าของเกาะ และเพื่อนๆ ทหารญี่ปุ่นอีกหลายคน พร้อมที่จะทำสงครามตามที่ผู้บัญชาการสั่ง
หลังจากสงครามโลกครั้งที่2 สิ้นสุดลง แต่เทรุโอะ ก็ยังใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนๆ และทหารอีกหลายคนบนเกาะ โดยไม่รู้ว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สิ้นสุดลงแล้ว
เทรุโอะ นากามูระ เกิดที่ไต้หวัน เขาเป็นสมาชิกของชนเผ่าอามิส ซึ่งเป็นกลุ่มชนพื้นเมืองไต้หวัน เขาถูกเลี้ยงดูมาด้วยความยากจน เทรุโอะเข้ารับเกณฑ์ทหารเมื่อปี 1943 ในหน่วยอาสาสมัครทากาซาโกะ ของกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น
ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2486 เขาถูกส่งมาประจำการอยู่บนเกาะโมโรไท ประเทศอินโดนีเซีย กระทั้งเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ.2487 กองกำลังอเมริกันและออสเตรเลียได้โจมตีเกาะโมโรไท ภายใต้ภารกิจที่รู้จักกันในชื่อ “ยุทธการโมโรไท” จนเกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือดระหว่างทหารญี่ปุ่นและฝ่ายสัมพันธมิตร
กองกำลังพันธมิตร โจมตีเกาะโมโรไท เมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2487
ในตอนนั้นทหารญี่ปุ่นต่อสู้อย่างหนัก มีทหารจำนวนมาก บาดเจ็บและล้มตาย หลายคนยอมจำนนต่อกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตร บางคนก็ถอยกลับเข้าไปในป่าทึบ ภายในเกาะ รวมทั้งเทรุโอะ
เทรุโอะ ได้หนีเข้าไปในป่าลึกของเกาะ พร้อมกับเพื่อนๆ ทหารญี่ปุ่นอีกหลายคน และพร้อมที่จะรอรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา แต่ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทหารของญี่ปุ่นถูกจับ ยอมจำนน หรือเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บ หรือความอดอยาก แต่ เทรุโอะ นากามูระ ยังคงอยู่กับกลุ่มผู้เข้าใจผิด กลุ่มเล็กๆ มุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามคำสั่งต่อไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีทางสื่อสารกับโลกภายนอกก็ตาม
เมื่อไม่มีประวัติการยอมจำนนของเทรุโอะ นากามูระ กองทัพญี่ปุ่นจึงประกาศว่าเขาเสียชีวิต เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2487 ระยะเวลาผ่านมา 30 ปี ก่อนที่ครอบครัวของเขาจะรู้ความจริงว่าเขายังมีชีวิตอยู่
เทรุโอะ นากามูระ รอดชีวิตจากการกินกล้วย และตกปลาในน่านน้ำของเกาะ เขาอาศัยอยู่กับทหารญี่ปุ่นอีกหลายคนบนเกาะ เป็นเวลาสิบสองปี เนื่องจากพวกเขาขาดการติดต่อทางวิทยุกับผู้บังคับบัญชา พวกเขาไม่รู้ว่าสงครามสิ้นสุดลงแล้ว
เมื่อใบปลิวถูกทิ้งลงบนเกาะในปี 1945 โดยประกาศว่าญี่ปุ่นได้ยอมจำนนและสงครามสิ้นสุดลง เทรุโอะ นากามูระ และเพื่อนของเขาไม่เชื่อ คิดว่านี่เป็นโฆษณาชวนเชื่อของศัตรู
ในปี พ.ศ.2499 เทรุโอะ ออกจากกลุ่มเพื่อนๆ ของเขา และออกเดินทางตามลำพัง บางคนบอกว่า เพราะคนอื่นพยายามจะฆ่าเขา เขาสร้างกระท่อมหลังเล็กๆ บนเกาะ และรอดชีวิตจากการปลูกมันเทศ และกินกล้วยจากต้นไม้ เขาสร้างความบันเทิงให้ตัวเองด้วยการตกปลา และเล่นซอกับลูกคิดที่เขาทำ เขาทำอาหารเฉพาะตอนมืดเท่านั้น ดังนั้นศัตรูจะไม่เห็นควันจากไฟของเขา
เทรุโอะ นับวันที่ โดยการสังเกตรอบดวงจันทร์ และเขานับเดือนและปีด้วยการผูกปมด้วยเชือก
“ผมอาศัยอยู่ที่นั่นอย่างสงบ” เขากล่าวในภายหลัง “แม้ว่าฉันจะไม่มีใครคุยด้วย แต่สิ่งที่ฝังลึกอยู่ในใจของฉันดูเหมือนจะเป็นความหวังและความคาดหวังริบหรี่ ร่องรอยของความสุขเพียงอย่างเดียวในช่วงเวลานี้มาจากความจริงที่ว่าฉันยังมีชีวิตอยู่และยังไม่สูญเสียความรู้สึกถึงการดำรงอยู่ของฉัน” เทรุโอะกล่าวต่อว่า “การไม่เสียชีวิตกลายเป็นเป้าหมายเดียวของฉัน และนั่นทำให้เวลาของฉันเกือบหมดไป”
การค้นพบ เทรุโอะในครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2517 รัฐบาลชาวอินโดนีเซีย ได้รับแจ้งว่ามีทหารญี่ปุ่น อาศัยอยู่บนเกาะโมโรไท และพวกเขาได้ทำงานร่วมกับสถานทูตญี่ปุ่น เพื่อเริ่มภารกิจค้นหา
เทรุโอะ นากามูระ กลับมาที่ไต้หวัน หลังจากผ่านไป 30 ปี พบว่าพ่อแม่ของเขาเสียชีวิต และภรรยาของเขาแต่งงานใหม่
ผู้ค้นหาโบกธงญี่ปุ่นและร้องเพลงชาติของประเทศ เพื่อพยายามล่อให้เทรุโอะออกจากที่ซ่อน ซึ่งมันได้ผล เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2517 เทรุโอะ อายุ 55 ปี ได้ปรากฏตัวขึ้น เขาเปลือยเปล่าและเหนื่อยล้า แต่มีสุขภาพที่ดีอย่างน่าประหลาดใจ เทรุโอะ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในกรุงจาการ์ตา ซึ่งเขาได้รับการตรวจสุขภาพ และส่งเขากลับไปไต้หวันเพื่อพบครอบครัวอีกครั้ง
ที่มา: https://allthatsinteresting.com