บักสัง ของดีแดนอิสาน ใครเคยเคยทานบ้าง?
บักสัง ของดีแดนอิสาน ใครเคยเคยทานบ้าง?
“ต้มปลา ต้องใส่บักสังเด้อ แซ่บคัก” คำกล่าวนี้ไม่ใช่คำกล่าวของคนเด่นดังอะไร แต่เป็นคนใกล้ตัวนั่นก็คือคุณยายของผู้เขียนนั่นเอง ถึงแม้ว่าผู้เขียนจะเติบโตมาในจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคอิสาน แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่ายังไม่ได้ลองทานอาหารพื้นบ้านทุกเมนู หรือการประยุกต์ใช้วัตถุดิบเพื่อชูรสให้กับอาหาร
ยายหยิบผลสีเขียว จากลักษณะดูจะแข็งไม่น้อย จากที่คุยกับยายทราบมาว่า ผลสีเขียวนี้จะใช้มีดธรรมด่าผ่าไม่ได้ (ถ้าทำแบบนั้นมีหวังมีดคงหักงอแน่) ต้องใช้ อีโต้ หรือ ปังตอ สับสุดแรงเกิด จึงจะสามารถผ่าออกมาได้ ยายบอกว่าผลสีเขียวๆ ผลนี้นี่แหละ ที่จะช่วยให้ต้มปลาของเรามีความเปรี้ยวอย่างกลมกล่อม จนลืมมะนาว หรือมะขาม ไปได้เลย
บักสัง บักสัง ได้ยินคำนี้จนอยากรู้เลยว่าชื่อจริงๆ คืออะไร ‘ต้นมะสัง’ หรือชื่อในภาษาอังกฤษคือ Wood Apple tree บางคนอาจจะรู้จักต้นนี้ในนามไม้ประดับ เนื่องจากนิยมนำมาทำเป็นบอนไซ เพราะตามความเชื่อของคนจีนก็คือหากปลูกบอนไซ ชีวิตของผู้ที่ปลูกนั้นจะเกิดความสมดุลนั่นเอง
มะสัง เป็นทั้งไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้เลื้อยแต่ไม่ใช่ไม้ล้มลุก นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ ได้แก่ ภาคใต้เรียก ชากรูด,กะสัง ทางจังหวัดแม่ฮ่องสอนเรียกว่า ตาฉี่โพ, ผักราชวงศ์ ทางภาคกลางเรียก ผักกระสัง จังหวัดเพชรบุรีเรียก ผักกูด จังหวัดสุราษณ์ธานีเรียก ผักสังเขา ส่วนทางภาคเหนือเรียก ผักฮากกล้วย และทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือบ้านเราเรียกว่า หมากสัง บางคนก็เรียกว่าบักสัง
ซึ่งผลสีเขียวที่เราพูดถึงกันนั่นก็คือส่วนผล จะคล้ายกับมะนาว แต่มีเปลือกแข็งกว่ามาก สามารถใช้ปรุงรสอาหารแทนมะนาวได้เลย
จากปากต่อปาก บางคนก็บอกว่าใช้หมากสังปรุง รสชาติจะอร่อยกลมกล่อมมากกว่าใช้มะนาว ซึ่งผู้เขียนมองว่าก็แล้วแต่ความชื่นชอบที่แตกต่างกัน คุณผู้อ่านที่ถ้าหากเคยลองแล้ว แวะมาแชร์กันได้