เมื่อเพื่อนที่ตายไปแล้ว ยังไม่ยอมไปไหน เพราะคำสัญญา....
เมื่อวานขณะผมกำลังสาละวน กับการรื้อค้นหาของสำคัญอยู่นั้น มือผมดันพลาดไปปัดโดนหนังสือเล่มหนึ่งตกลงพื้น ขณะผมก้มลงเก็บ สายตาของผมไปสะดุดเข้ากับภาพถ่ายใบหนึ่ง ซึ่งคงร่วงตกลงมาพร้อมกับหนังสือที่ผมปัดโดน
ผมหยิบภาพนั้นขึ้นมาดู แม้สีของภาพจะซีดจางไปตามกาลเวลา แต่ผมยังจำมันได้ เพราะมันเป็นภาพที่ผมกับเพื่อนเพื่อนถ่ายรูปด้วยกัน เมื่อครั้งยังเรียนอยู่มัธยมปลาย แม้เวลาจะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว ภาพถ่ายใบนี้ ปลุกความทรงจำในอดีตของผมให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
นิยามคำว่าเพื่อนของผม คือเพื่อนที่คอยร่วมทุกข์ร่วมสุขและอยู่เคียงข้างกันในวันที่ลำบาก ซึ่งถือเป็นของขวัญที่วิเศษที่สุดในชีวิต
ผมมั่นใจว่าทุกคนบนโลกนี้มีเพื่อนแน่นอน ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนสนิท หรือ เพื่อนรักที่พร้อมจะตายแทนเราได้
แต่ไม่ว่าชีวิตนี้เราจะพบเจอเพื่อนแบบไหน สิ่งสำคัญของคำว่าเพื่อน คือการรักษามิตรภาพ ไว้ให้ยืนยาว และเนิ่นนานที่สุด
เพื่อนในกลุ่มของผมไม่ใช่เด็กเรียนแต่ละคน เรียกว่าเป็นตัวแสบประจำห้อง สร้างวีรกรรมไว้เยอะ ทั้งแอบหนีโรงเรียน สูบบุหรี่ในห้อง เลิกเรียน ไม่รีบกลับบ้าน เถลไถลไปจับกลุ่มดื่มเหล้ากัน กว่าจะถึงบ้าน ปาไปสี่ห้าทุ่ม ด้วยวัยที่ยังรักสนุก คึกคะนอง ทำให้พวกผมไม่เคยสนใจว่า สิ่งที่ทำเป็นเรื่องไม่ดีเลย บ่อยครั้งที่ต้องทำให้แม่นอนไม่หลับ เพราะต้องคอยมารอผมด้วยความเป็นห่วง นึกถึงตอนนั้น รู้สึกเสียใจขึ้นมาทุกครั้ง แม้เวลาจะผ่านมานานมากแล้วก็ตาม!!!
ในกลุ่มของผม ที่เป็นเพื่อนสนิทจริงจริง มีด้วยกัน สี่คน คือ ไอ้ต่อ ไอ้ป้อง ไอ้ขาว และ ผม ซึ่งไอ้ต่อกับไอ้ขาวมันจะสนิทกันมากที่สุด เพราะมันเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ มัธยมต้น เรียกได้ว่า มันสองคนกินกิน นอนนอน สลับบ้านกัน จนเป็นเรื่องปกติ บ้านไอ้ต่อเป็นศูนย์รวมของพวกเรา เป็นสถานที่นัดพบ เพื่อ สังสรรค์ เฮฮา ปาร์ตี้กัน ซึ่งเป็นเป็นกิจวัตรของกลุ่มพวกเรา เพราะบ้านไอ้ต่อไม่มีใคร มาวุ่นวาย เพราะมันอยู่กับพี่สาวแค่สองคน พ่อกับแม่มัน อยู่ ต่างจังหวัด นานนานจะขึ้นมาหามันสักครั้งหนึ่ง
ครอบครัวของไอ้ต่อจัดว่ามีฐานะดี พ่อกับแม่ของมัน ซื้อบ้านไว้ให้มันอยู่กับพี่สาวที่กรุงเทพฯ มีคนรับใช้ไว้คอยทำงานบ้านให้ ชีวิตมันจึงสุขสบาย ไม่ต้องดิ้นรนอะไร แค่ไปเรียนหนังสืออย่างเดียวพอ ส่วนไอ้ขาวฐานะทางบ้านมันพอพอกับไอ้ต่อ บ้านไอ้ขาวอยู่แถวย่านสุขุมวิท ซึ่งจัดเป็นบ้านของผู้ดีมีอันจะกิน ส่วนผมกับไอ้ป้อง ฐานะพอพอกัน พ่อกับแม่เราทั้งคู่ เป็นข้าราชการ บ้านผมกับไอ้ป้องห่างกันแค่ ผมอยู่ท้ายซอย ส่วนไอ้ป้องอยู่ต้นซอย เราทั้งคู่จึงสนิทกันมากกว่าไอ้ต่อกับไอ้ขาว
หลังจากงานเลี้ยงอำลาจบ มัธยมปลาย พวกผมทั้งสี่คนนัดกันไปเที่ยวต่างจังหวัด โดยไอ้ขาวอาสาเอารถที่บ้าน ขับมารับเพื่อนเพื่อน โดยมีจุดหมายปลายทางคือไปล่องแพที่เมืองกาญจน์ฯ
ผมจำได้ว่าวันนั้นพวกเราสนุกสนานกันเต็มที่ เพราะต่างรู้ดีว่า โอกาสที่จะได้เจอกันคงน้อยลง เพราะต่างคนต่างต้องแยกย้ายไปเรียนต่อ โดยเฉพาะไอ้ขาว มันต้องไปเรียนไกลถึงอังกฤษ กว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง คงนานหลายปี
พวกเราจึงถือโอกาสนี้ เลี้ยงอำลาส่งไอ้ขาวไปเรียนต่อด้วย บรรยากาศในวันนั้นเป็นไปอย่างสนุกสนาน เราดื่มกินกันจนดึกดื่น ต่างคนต่างนอนสลบไสล ไปตามตามกันด้วยความเมามาย
สายสาย พวกเราชวนกันลงเล่นน้ำ แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อจู่จู่ไอ้ต่อ โดนความแรงของกระแสน้ำดูดร่างของมันลอยออกไปจากฝั่ง ประกอบกับกระแสน้ำที่เป็นน้ำวน ทำให้ไอ้ต่อซึ่งปกติมันว่ายน้ำเก่ง ทำท่าจะหมดแรงที่จะว่ายกลับเข้าฝั่ง ไอ้ขาว มันเห็นเพื่อนรักกำลังจะจมน้ำ มันรีบว่ายตรงไปเพื่อช่วยไอ้ต่อทันที ส่วนพวกผมไม่รอช้า รีบโยนห่วงยางตามลงไปช่วย โชคดีไอ้ขาวคว้าห่วงยางไว้ได้ทัน มันจึงสามารถพยุงตัวเอง และช่วยไอ้ต่อให้รอดจากการจมน้ำตายมาได้
เหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้ไอ้ต่อมันซาบซึ้ง ที่เพื่อนทุกคนช่วยชีวิตมันไว้ โดยเฉพาะไอ้ขาวที่เสี่ยงตายว่ายน้ำออกไปเพื่อช่วยมัน มันถึงกับลั่นวาจากับเพื่อนทุกคนว่า พวกมึงคือ
“เพื่อนตายของกู”
ไอ้ขาวเดินไปกอดคอพร้อมตบไหล่ไอ้ต่อ และพูดว่า
" เพื่อนแท้ตายแทนกันได้ "
ในวันนั้นเราทั้งสี่จับมือกันและให้คำสัญญาไว้ว่า จะเป็นเพื่อนรักกันจนวันตาย!!!
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ทุกคนต่างก็แยกย้ายไป เรียนต่อ ถึงแม้จะเรียนกันคนละที่ แต่พวกเรา ก็ยังนัดมารวมตัวสังสรรค์ เฮฮาปาร์ตี้กันเหมือนเดิม ขาดเพียงแต่ไอ้ขาว ที่ต้องไปเรียนไกลถึงเมืองนอก
ความสัมพันธ์ของเพื่อนยังดำเนินไปตามปกติ วันเวลาผ่านไป อีกหลายปี วันหนึ่งไอ้ต่อโทรมาบอกว่า ไอ้ขาวกลับมาจากเมืองนอกแล้ว มันชวนผมกับไอ้ป้องไปสังสรรค์ที่บ้าน ต้อนรับการกลับมาของไอ้ขาว พวกเราดื่มกินกันอย่างสนุกสนาน สมกับที่ไม่ได้รวมกลุ่มกันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้มานาน ต่างคนต่างเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่ได้ไปพบเจอมา ลงท้ายก็เมาสลบไสลกันไปเหมือนทุกครั้ง
หลังจากไอ้ขาวกลับมาจากเมืองนอก พวกเรามักจะนัดพบปะสังสรรค์กันแบบนี้บ่อยบ่อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของกลุ่มพวกเราอยู่แล้ว
จนกระทั่งวันหนึ่ง ไอ้ต่อโทรมาชวนผมกับไอ้ป้องไปเที่ยว แต่บังเอิญ ผมกับไอ้ป้อง ติดธุระ จึงไม่ได้ไปด้วย ไอ้ต่อมันเลยไปเที่ยวกับไอ้ขาวสองคน ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ของพวกมันอยู่แล้ว
เช้าอีกวัน ไอ้ป้องมาหาผมที่บ้านหน้าตาตื่นมาเลย มันบอกกับผมว่า พี่สาวไอ้ต่อโทรมาบอกกับมันว่า ไอ้ขาวกับไอ้ต่อเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล เราทั้งคู่ตกใจมาก ไม่รอช้าผมกับไอ้ป้อง รีบเดินทางไปโรงพยาบาลทันทีหลังทราบข่าวร้ายของเพื่อน
เมื่อไปถึงผมกับไอ้ป้องต้องตกใจอีกเป็นรอบที่สอง เมื่อได้ยินข่าวร้าย ไอ้ขาวตายแล้ว!!! ผมกับไอ้ป้องทรุดลงไปกองกับพื้น กอดกันร้องไห้ด้วยความเสียใจ ไม่คิดว่าเพื่อนรักจะจากไปเร็วแบบนี้
โชคยังดี ไอ้ต่อรอดมาได้ มันแค่บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่เป็นอะไรมาก แม้บาดแผลทางกายของมันไม่มาก แต่บาดแผลทางใจของมัน ใหญ่หลวงนัก เมื่อรู้ว่าเพื่อนรักที่สุดตาย ผมกับไอ้ป้องได้แต่ปลอบใจมัน ให้คลายจากความเศร้าโศก เมื่อตั้งสติได้ ไอ้ต่อเล่าเหตุการณ์อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นให้พวกผมฟัง
คืนนั้น มันกับไอ้ขาวเลิกจากไปเที่ยวดื่มกินกันมา ขณะไอ้ขาวกำลังขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านที่สุขุมวิท เวลานั้น น่าจะประมาณ สักตีสาม เห็นจะได้ ถนนโล่งมาก ขณะขับรถมาตามเส้นทาง ข้างหน้ามีรถบรรทุกพ่วงตู้คอนเทนเนอร์วิ่งอยู่ ไอ้ขาวพยายามจะขับรถแทรก เพื่อแซงรถบรรทุกฯ คันดังกล่าว จังหวะนั้นเอง รถพ่วงเกิดเสียหลัก ตู้คอนเทนเนอร์ซึ่งบรรจุปุ๋ยน้ำหนักกว่า 20 ตัน เซและล้มลงมาทับใส่รถยนต์ตรงฝั่งคนขับพอดี ซึ่งบาดแผลของมันสาหัสเกินกว่าจะยื้อชีวิตไว้ได้ ส่วนไอ้ต่อกลับรอดตายมาได้ราวปาฎิหาร์ย
หลังจากงานศพไอ้ขาวผ่านไปเดือนกว่ากว่า ผมกับไอ้ป้อง แวะมาหาไอ้ต่อที่บ้านตามปกติ หลังจากที่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่งานศพไอ้ขาวผ่านไป
ครั้งนี้ผมกับไอ้ป้องสังเกตว่า ร่างกายไอ้ต่อ ดูเปลี่ยนไปมาก ผอมและคล้ำลงกว่าเดิม การเดินของมันก็ดูแปลกแปลก เหมือนคนหลังค่อม ซึ่งไอ้ต่อมันเล่าให้พวกผมฟังว่า
หลังจากงานเผาศพไอ้ขาวผ่านไปได้สักอาทิตย์นึง มันก็กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติที่บ้าน แต่หลังจากนั้นไม่นาน มันเริ่มมีอาการปวดหลัง ปวดคอ ยิ่งเวลายืน หรือ เดินจะยิ่งปวดมากกว่าปกติ โดยเฉพาะเวลานอน ถ้านอนคว่ำ จะรู้สึกอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกเหมือนกับมีอะไรมากดทับอยู่บนตัว แต่แปลกมาก ถ้านอนหงายกลับไม่รู้สึกเป็นอะไรเลย
อาการเจ็บปวดที่เป็น ทวีความรุนแรงจนมันทนไม่ไหวจึงยอมไปโรงพยาบาลเพื่อให้หมอตรวจหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร แต่เมื่อผลตรวจออกมา กลับไม่พบความผิดปกติใดใดเลย หมอจึงสรุปสาเหตุ ว่าน่าจะเกิดจากความเครียด ทำให้ส่งผลต่อร่างกาย ทำให้เกิดอาการดังกล่าวขึ้น หมอจัดยามาให้ แต่ดูเหมือนอาการของไอ้ต่อไม่ดีขึ้นเลย
จนกระทั่งวันหนึ่ง ไอ้ต่อมันโทรมาหาผม ชวนให้ผมกับไอ้ป้อง ให้ไปหามันที่บ้าน มันบอกมีเรื่องสำคัญจะเล่าให้ฟัง
เมื่อพวกผมไปถึง ไอ้ต่อมันเริ่มเล่าเรื่องราวที่ทำให้ผมกับไอ้ป้อง ถึงกับอึ้งพูดไม่ออกเลยที่เดียว มันเล่าว่า มันรู้สาเหตุของอาการป่วยที่มันเป็นอยู่ตอนนี้แล้ว ว่าเกิดจากอะไร แล้วมันก็เริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พวกผมฟังดังนี้
เมื่อสองวันที่แล้วพี่สาวมันกลับมาจากต่างจังหวัด และบอกให้มันเอาของฝากไปให้คุณลุงคุณป้าที่อยู่ข้างบ้าน ซึ่งทั้งสองท่านเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ที่มันให้ความเคารพนับถือ
จากนั้นไอ้ต่อมันเล่าต่อไปว่า ขณะมันกำลังถือของฝาก เพื่อนำไปให้คุณลุงคุณป้าข้างบ้านนั้น บังเอิญจังหวะเดียวกับที่คุณลุงกับเพื่อนคุณลุง เดินสวนออกมาพอดี
และเรื่องราวต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ ไอ้ต่อได้เล่าให้ผมกับไอ้ป้องฟัง
มันเล่าว่า เพื่อนของคุณลุงซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อน จ้องมาที่มันตาไม่กะพริบ จนมันรู้สึกแปลกใจ ก่อนที่ท่านจะเอ่ยขึ้นมาเบาเบาพอให้มันได้ยินว่า ตอนนี้ที่ตัวของไอ้ต่อ มีวิญญาณกำลังเกาะหลังอยู่ ยังไม่ทันที่มันจะตั้งตัว เพื่อนของคุณลุง ถอดสร้อยประคำที่ห้อยคอออก แล้วคล้องตวัดไปบนหัวของไอ้ต่อ จากนั้นท่านก็ตวัดมืออย่างแรง ราวกับจะเกี่ยวอะไรสักอย่างหนึ่งออกมาด้วย
แทบไม่น่าเชื่อ ไอ้ต่อมันเล่าต่อไปว่า หลังจากที่เพื่อนของคุณลุง ท่านใช้สร้อยประคำตวัดไปบนหัวของมัน อาการเจ็บปวดทรมานเหมือนมีอะไรหนักหนัก มากดทับบนตัวของมัน หายไปเป็นปลิดทิ้ง หลังที่เคยค่อม สามารถยืดตรงได้เหมือนปกติ ราวกับว่าไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อนเลย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเพื่อนของผม ในบางครั้งผมไม่สามารถที่จะเล่าหรืออธิบายให้ใครเชื่อได้ เพราะมันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก เกินกว่าใครจะเข้าใจ ถ้าไม่ได้ตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนั้น!!!
ไอ้ต่อมันเล่าให้ผมฟังต่อไปอีกว่า เพื่อนของคุณลุงได้บอกลักษณะ รูปร่างหน้าตาของวิญญาณดวงนี้ให้มันฟังอย่างละเอียด เมื่อมันฟังจบลง หัวใจของมันแทบหยุดเต้น ขนลุกซู่ไปหมด เพราะลักษณะแบบนี้ เป็นใครไปไม่ได้ นอกจากไอ้ขาวเพื่อนรักของมัน ที่พึ่งตายไปนั่นเอง และที่สำคัญเพื่อนของคุณลุง ไม่เคยรู้จักหรือเคยเห็นหน้าไอ้ขาวมาก่อน แต่ท่านสามารถบอกรูปร่างลักษณะของไอ้ขาวได้อย่างถูกต้อง
ทุกอย่างล้วนไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพื่อนของคุณลุงอธิบายต่อไปว่า สิ่งที่ท่านมองเห็นนั้นน่าจะเป็นเพราะบุญกุศลที่ท่านได้สร้างมา ทั้งจากการรักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์และนั่งปฏิบัติทำกัมมัฏฐานทุกวัน ผนวกกับดวงของไอ้ต่อมันยังไม่ถึงฆาต และมันคงพอมีบุญเก่าอยู่บ้าง จึงทำให้ท่านมองเห็น และสามารถที่จะช่วยเหลือมันเอาไว้ได้ ส่วนสาเหตุที่ดวงวิญญาณดวงนี้ยังเฝ้าติดตามไอ้ต่อ ท่านบอกกับมันว่า คงเป็นเพราะคำมั่นสัญญาที่ได้เคยให้ต่อกันไว้ก่อนตาย ว่า
“จะเป็นเพื่อนรัก เพื่อนกัน ตราบจนวันตาย”
มาบัดนี้เพื่อนที่รัก เพื่อนที่เคยร่วมทาง กลับต้องมาตายจากไปเสียก่อน เมื่อจิตสุดท้ายที่รับรู้ กลับกลายเป็นพันธนาการที่ผูกติดให้เขาต้องกลับมาหาและทวงคำสัญญา กลายเป็นบ่วงที่ยึดติด เพื่อรอเวลาที่จะได้เอาชีวิตของเพื่อนที่เขารักที่สุดไปอยู่ด้วยกัน และมันก็คือไอ้ต่อนั่นเอง!!!
แต่ในชีวิตจริงนั้น คงไม่มีใครที่จะตายแทนกันได้ เพราะเมื่อความตายมาถึงเข้าจริงจริง แม้ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พี่น้อง ลูก หรือ เพื่อนที่รักกันมากเพียงใด เราก็คงไม่สามารถตายตามไปได้หรอกเมื่อยังไม่ถึงเวลา เราทุกคนคงทำได้เพียงเดินทางไปส่งผู้ที่รักและตายจากเราไป และส่งได้ไกลที่สุดแค่เมรุเผาศพเท่านั้นเอง เหมือนดัง คำกล่าวที่ว่า
“ร่างกายนี้ เมื่อวิญญาณจากไปแล้ว หมู่ญาติก็เกลียดกลัว เอาไปทิ้งในป่าช้าเหมือนท่อนไม้”
“ยถา วาริวโห ปูโร วเห รุกฺเข ปกูลเช
เอวํ ชราย มรเณน วุยฺหนฺเต สพฺพปาณิโน.
ห้วงน้ำที่เต็มฝั่ง พึงพัดต้นไม้ซึ่งเกิดที่ตลิ่งไปฉันใด, สัตว์มี ชีวิตทั้งปวง ย่อมถูกความแก่และความตายพัดไปฉันนั้น.”
เราทั้งหลายล้วนมีความพลัดพรากเป็นธรรมดา ความตายเปรียบเสมือนการเดินทางที่โดดเดี่ยว เดียวดาย หากบุคคลผู้นั้น ยังมิได้เตรียมตัวหรือเตรียมใจที่จะตายไว้ล่วงหน้า
ดวงจิตหลังความตาย จึงมักจะประสพกับความทุกขเวทนา และน่าสงสารยิ่งนัก โดยเฉพาะการที่ต้องตายจากไปแบบกะทันหันด้วยอุบัติเหตุเช่นไอ้ขาวเพื่อนของผมเป็นต้น หลังจากที่เรื่องราวกระจ่างว่า ไอ้ต่อมันไม่ได้ป่วยแบบปกติธรรมดาทั่วไป แต่มันโดนวิญญาณของไอ้ขาวเฝ้าติดตามและคอยเกาะหลังไว้อยู่ตลอดเวลา เพื่อนของคุณลุงท่านได้แนะนำต่อไปว่า พรุ่งนี้ให้ไอ้ต่อไปทำบุญที่วัด และกำชับกับมันว่า ก่อนนอนคืนนี้ให้มันจุดธูปไหว้พระ และบอกกล่าวกับวิญญาณของไอ้ขาว ให้ติดตามไปร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันที่วัด และเมื่อได้รับบุญกุศลแล้ว ก็อย่าได้มารบกวน เบียดเบียนกันอีกเลย
รุ่งเช้าไอ้ต่อไปทำบุญให้ไอ้ขาวตามที่เพื่อนของคุณลุงแนะนำ และตั้งแต่นั้นมา อาการป่วยที่เคยเป็นก็หายเป็นปลิดทิ้งโดยไม่ต้องไปหาหมออีกเลย
เรื่องราวที่ผมถ่ายทอดมาให้ทุกท่านได้อ่านกัน จนถึงช่วงสุดท้ายนี้ ผมไม่ได้ต้องการให้ท่านเชื่อในสิ่งที่ผมเล่า เพราะผมรู้ดีว่า มันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้ยาก เพราะแม้แต่ตัวผมเองหากเป็นคนอื่นมาเล่าให้ฟัง ผมก็คงคิดว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ไร้สาระ แต่เมื่อมันเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัว ผมไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรมาหักล้าง ว่าทำไมอาการไอ้ต่อถึงหายเป็นปลิดทิ้งหลังจากทำตามที่เพื่อนคุณลุงแนะนำแล้วทำไมวิญญาณของไอ้ขาวถึงเลือกเกาะหลังไอ้ต่อ คำมั่นสัญญาในวัยเด็ก สามารถทำให้ดวงวิญญาณดวงหนึ่ง มีอำนาจพอที่จะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้เชียวหรือ ผมได้แต่นึกสงสัย
ดวงอาทิตย์กำลังจะลาลับขอบฟ้า ผมเพ่งมองภาพถ่ายใบนี้อีกครั้ง ทบทวนเรื่องราวในอดีต หวนนึกภาพความทรงจำในวัยเด็ก ที่เราทั้งสี่คนเคยกอดคอกัน บัดนี้ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เรื่องราวที่เกิดขึ้น วันหนึ่งมันคงหายไป แต่อย่างน้อยวันนี้ ผมได้นำมันมาเขียนถ่ายทอดเล่าให้ทุกท่านได้อ่านเป็นธรรมทาน
ผมหวังว่าเรื่องราวของเพื่อนผม จะเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ให้ใครอีกหลายคน ได้ตระหนักและให้ความสำคัญในการใช้ชีวิต และตั้งอยู่บนความไม่ประมาท เพราะเราไม่มีโอกาสรู้เลยว่า ความตายจะมาเยือนเราเมื่อไหร่ ขอความสุขสวัสดี จงมีแด่ท่านทุกเมื่อเทอญ
https://www.readawrite.com/a/62bd8dd716c2c05ae0d38b73f3ab9ea4?r=user_page