ขุนพันธ์ 3 ใน 13 นาที

สวัสดีครับ มาพบกันอีกครั้งที่ช่องแมงวันมูวี่ สำหรับวันนี้ จะไม่พูดถึง ขุนพันธ์ 3 ก็คงจะไม่ได้ เนื่องจากตัวผมเอง โดนสปอยจากทางยูทูปหลายๆ ช่อง และทางติ๊กต๊อกอีกหลายคลิป เกี่ยวกับเซอร์ไพร์ที่พูดถึงในภาพยนตร์ ว่าถ้าอยากรู้ต้องไปดูเอง ผมก็ไม่ค่อยว่างไปดู แต่ก็โดนหลายๆ ช่อง พูดถึงซะจนแบบ โอเค กุไปดูก็ได้วะ และนี่ ก็เป็นที่มาที่ไปของคลิปนี้ครับ

 

ขอบอกไว้ก่อนนะครับ ตัวใหญ่ๆ ดังๆ ชัดๆ ว่าเนื้อหาในคลิปนี้ มีสปอยแน่นอนครับ สปอยหนักด้วย อาจจะหนักกว่าช่องอื่นๆ และก็พร้อมจะโดนด่า หากเอาเนื้อหาที่สำคัญมาเปิดเผย ถ้าใครยังไม่พร้อมที่จะรับฟัง เชิญปิดไปก่อนได้เลยครับ เพราะผมสปอยโหด เหมือนโกรธคนชม พูดตรงๆ

เรื่องของเนื้อหาหรือรีวิวหรือสปอย ผมว่าอาจจะมีหลายๆ ช่องได้ทำกันไปแล้ว ส่วนใหญ่จากที่รับชมจากช่องอื่นๆ หรือทางติ๊กต๊อก ออกไปในแนวทางปั่นซะมากกว่า เกี่ยวกับเซอร์ไพร์ที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์ในเรื่อง ซึ่งหลายๆ คนก็ตอบมาในทางเดียวกันว่า "มันว๊าวมาก" คาดไม่ถึงกับเซอร์ไพร์ที่จะได้เจอกับภาพยนตร์แนวนี้ ซึ่งเขาได้บอกว่า เซอร์ไพร์นั้น มันบอกอยู่ชัดเจนอยู่แล้ว ในภาพโปสเตอร์หนัง กับเงารางๆ ที่ขี่ม้าอยู่ 2 คนที่อยู่ด้านหลังของขุนพันธ์ จากคำตอบที่ได้มา ว่า 2 คนดังกล่าวคือ

ผู้กององอาจ,

อิทธิ จากจอมขมังเวท ที่แสดงโดยฉัตรชัย เปร่งทีละนิด ,

หมาก ปริญ จากจอมขมังเวท,

ก๊อต จากจอมขมังเวท,

หนุ่ม คงกะพันจาก มหาอุต

นิรุติ์ จาก มหาอุต

หรือแม้แต่ ขุนแผน

เรียกได้ว่าะ...อะไรกันวะเนี้ย... จริงดิ... ด้วยเพราะเหตุนี้ ผมถึงรีบไปดูทันที และแล้ว ก็ถึงฉากท้ายๆ กับการเซอร์ไพร์คนดู นั้นคือ (เนื้อหาสปอย อยู่ในคลิป)

โดยในนักแสดงเอง หรือใครหลายๆ คน ต่างมองกันว่า นี่มันไม่ต่างอะไรกับการรวมฮีโร่ คล้ายๆ อเวนเจอร์เอนเกมส์

 

แต่ผมกลับมองฉีกออกไป เพราะถ้าเป็นแนวนั้น ทุกคน ย่อมมีอุดมการณ์ที่ตรงกัน มีทิศทางการใช้ชีวิตที่คล้ายๆกัน แต่นี่มันไม่ใช่ครับ เพราะเสือมเหศวร เสือดำ และเสือใบ ต่างก็มีความคิดและวิถีการใช้ชีวิตที่ต่างกัน

เสือมเหศวร ก็อยากจะกลับไปอยู่ในสังคม อยากจะช่วยเหลือพวกพ้องให้กลับบ้าน โดยที่ตัวเองพร้อมที่จะมอบตัว หากมีการไต่สวนคดีกับเขาอย่างเป็นธรรม ด้วยตัวเขาเองนั้น ไปเขียนข่าวโจมตีนักการเมืองรายหนึ่ง จนทำให้เขาโดยใส่ร้ายเกี่ยวกับคดีฆ่าภรรยาตนเอง เขาจึงหนีและผันตัวเองกลายเป็นโจร โดยลึกๆ ก็แค่อยากจะได้ความยุติธรรมกับชีวิต

 

ส่วนเสือดำ ก็เกิดมาเป็นโจรโดยสันดาน ชีวิตมีแต่ปล้น ฆ่า ยิ่งโดนขุนพันธ์ฆ่าลูกฆ่าเมียของตน แม้จะไม่จงใจก็ตาม แต่มันกลับยิ่งตอกย้ำให้เขาไม่สามารถกลับมาเป็นคนธรรมดาได้

และเสือใบ อดีคโจรที่เคยฆ่าเมียตัวเอง เพราะอยากจะช่วยเมียแต่ยิงพลาด พอมีเมียคนที่สอง ก็ต้องมาตายด้วยกระสุนของตัวเองอีก เสือใบเลยหมดศรัทธากับตนเอง จะมีแค่พวกพ้องที่คอยทำให้เสือใบเป็นผู้เป็นคน โดนที่เสือใบนั้น ก็ยังลังเล กับฝ่ายที่ถูก และฝ่ายที่ผิด พร้อมจะฆ่าตำรวจ หรือฆ่าคนทุกคน หากนั้นทำเพื่อช่วยพวกพ้อง แต่ถ้าจะให้ยอมรับความผิดและเข้าสู่กระบวนการทางกฏหมาย เสือใบก็พร้อมยินดี ขอแค่ให้ความยุติธรรมกับเขาก็พอ

ดังนั้น เสือทั้ง 3 ล้วนมีปมที่ต่างกัน แล้วจะมาร่วมกับขุนพันธ์ ที่เป็นตำรวจน้ำดี ตรงฉิน มันก็จะบอกว่าคล้ายอเวนเจอร์รวมทีมก็คงไม่ได้ น่าจะเป็นการเอาตัวเองให้รอดในสถานกาณณ์ดังกล่าว กับคำโบราณที่เราได้ยินกันเสมอว่า ศัตรูของศัตรู ก็คือมิตรนั่นเอง

 

ส่วนเวทที่ขุนพันธ์นำมาเซอร์ไพร์ ผมดูแล้วคล้ายกับคาถา "สัมพเวศรีคืนชีพ" ในการ์ตูนนารูโตะซะมากกว่า ซึ่งในนารุโตะเราจะพบกว่า การใช้คาถาต้องห้าม อย่างสัมพเวศรีคืนชีพนั้น ผู้ใช้ จะต้องมีเลือด หรือ อะไรสักอย่างของผู้ที่ตายไปแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่คือการเก็บศพของผู้ตาย ไม่ก็เก็บเนื้อเยื้อ เอามาเพาะร่างโคลนเพื่อใช้คาถา แต่สำหรับขุนพันธ์ เขาได้เก็บของไว้ 2 อย่างติดตัวแบบที่เราคาดไม่ถึง สิ่งแรก คือยาสูบของเสือฝ้าย ที่พกติดตัวไว้

กับกริชของฮัลฮาวียะลู

จึงเป็นอุปกรณ์ที่ใช้อันเชิญในคาถา สัมพเวศรีคืนชีพ นั่นเอง ซึ่งไม่ใช่แค่ดึงวิญญาณมาใช้ แต่วิญญาณเหล่านั้น กับยังใช้เวทของตนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างเสือฝ้าย ก็มีคาถาหยุดกระสุน ส่วนฮัลฮาวียะลู ก็มีคาถาดูดกลืนของ เรียกได้ว่า เป็นคาถาที่โคตรเซอร์ไพร์ในภาพยนต์เรื่องนี้สุดๆ ไปเลย

ผมกำลังคิดว่า ถ้าภาค 4 เกิดขึ้น มันจะมีอะไรมาให้เดือดกว่านี้ ก็คงต้องติดตามรับชมกัน เพราะผมเองก็ไม่เข้าใจ ว่าก่อนที่ภาพยนต์จะฉาย ทำไม ผู้กององอาจ ถึงถูกนำมาพูดถึงกันมากมาย ไอ้เราก็เลยพลอยคิดว่า ผู้กององอาจ อาจจะเป็นตัวละครลับ ที่จะปรากฏในเรื่อง หรือกลุ่มโจรที่เรียกตัวเองว่า เสือซุ่ม ที่เอามือออกจากกระเป๋าเมื่อไหร่ ต้องมีคนตายเมื่อนั้น เรียกได้ว่า เป็นมีมที่มาถี่มากๆ จนทำให้อดคิดไม่ได้ว่า น่าจะเกี่ยวอะไรกับขุนพันธ์นั่นเอง

ผมเองก็ได้คิดเล่นๆ ตอนชมภาพยนต์ว่า หากจะมีตัวละครลับๆ ที่จะทำให้ความเดือดมันทวีมากขึ้น ก็น่าจะมาจากภาพยนตร์ชุด มือปืนโลกประจันทร์ ไม่ว่าจะเป็น เป๋ไรเฟิล คิส ไซเลนเซอร์ เป๋ปืนควาย เอ๋อเอลวิส ก็น่าจะสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว

เอาละครับ เดี๋ยวจะหาว่าอวยเกินไป จุดแย่ๆ ของภาพยนตร์ก็มี ไม่ใช่ว่าไม่มี จะหาว่าบูลี่เหรอวะ ก็น่าจะใช้ เพราะมันดูแล้วมันขัดใจมากๆ จะมีอยู่ประมาณ 3-4 ฉากด้วยกัน

ฉากแรกที่ผมดูแล้วร้องออกมาว่า "อีหยังวะ" คือตอนที่ขุนพันธ์ทราบว่า การจะไปที่ซุ้มเสือสูทรดำที่อยู่บนเขา จะต้องไปทางแม่น้ำ เนื่องจากมีการพบศพของตำรวจลอยมาตามน้ำ ดังนั้น เลยจะไล่ตามสายน้ำไปหาต้นตอของหมู่บ้าน... แต่เริ่มต้น ด้วยการล่องแพรเนี้ยนะ... ฮาโหล.. ของใช้พิจารณาญาณกันสักนิด ศพลอยน้ำมานะครับ นั้นคือ น้ำจะต้องไหลมาจากที่สูง ลงมาที่ต่ำ นั้นหมายถึง ตำรวจอาจจะถูกฆ่า แล้วโยนลงน้ำเพื่อให้ไหลลงมา... แต่การล่องแก่ง มันคือการล่องจากธารน้ำที่สูงลงมาที่ต่ำ มันก็เลยมองว่า.. เฮ้ย.. เองล่องแก่งทวนน้ำขึ้นไปเหรอวะ มันไม่ใช่.. หรือจะคิดอีกแง่.. ก็น่าจะเลือกที่จะขึ้นไปด้านบนต้นน้ำ แล้วไหลลงมา.. แต่หนังมันบอกว่า ต้องขึ้นไปทางนี้ ก็เลยพาลให้งง

ฉากที่ 2 ฉากที่กำลังชุลมุนในที่หลบภัยใต้ดิน ตอนที่คุณหมอสาวโดนจรเข้งาบขาจะไปแดรก แต่ก็รอดกลับมาได้ จนเอาระเบิดปาใส่ปากจรเข้ตาย แล้วพวกผู้ร้ายก็ได้ยินเสียงระเบิด เลยจะลงมาดูที่ที่หลบภัยใต้ดิน เสือมเหศวร ก็เลยบอกว่า ตนเองจะขึ้นไปจัดการตรงทางเข้า เพราะหาพวกมันเข้ามาในนี้ ทุกคนจะแย่เอา... คือซีนนี้เข้าใจครับว่า ตัวของมาริโอจะขึ้นไปช่วยป้องกันให้ แต่ที่ไม่เข้าใจ คือมีคนอยู่คนนึง น่าจะเป็นเอ็กตร้าที่เล่นบทเป็นชาวบ้าน ที่ยืนกอดอกฟังมาริโอ้พูดนั้น คือมันไม่ใช่เว้ย ผมว่าภาษากายมันสำคัญ แม้จะเห็นแค่ 2 วินาที ไม่เกินนี้ แต่มันกลับติดตาแบบ ห๊ะ กอดอกทำไม.. ในสถานการณ์ขับคัน หรือเกิดเหตุร้าย ผมไม่เคยเห็นใครยืนกอดอก ฟังคืนอื่นนะ... เช่นแบบ พวกผู้ร้ายกำลังมา พวกเราจะเอายังไงดี.. คนฟังอาจจะจับปืน ก้มหมอบ หรือทำอะไรก็ได้ ที่มันไม่ใช่กอดอกเว้ย... ไม่รู้คนอื่นจะมองยังไง อาจจะมองผ่านๆ ไป แต่มันติดตาผมไง คือฟิวในตอนนั้นกำลังเดือด มึงยืนกอดอกเนี้ยนะ แม้จะดูเล็กๆ น้อยๆ มองข้ามไปบ้างก็ได้... ก็เนี้ยไง ผมพยายามจะเสนอให้มาตรฐานหนังไทยให้มันดีขึ้น ดูหนังมาหลายสิบเรื่อง ไม่มีจริงๆ นะครับ สถานกาณณ์คับขัน แล้วมีคนยืนกอดอกฟัง การยืนกอดอกฟัง คือมันต้องยืนคุยกันแบบผ่อนคลายในระดับหนึ่ง หรืออย่างน้อยๆ ก็เป็นในแนวปรึกษาหารือ ไม่ใช่ว่าลูกปืนจะเข้ากบานอยู่แล้ว มายืนกอดอก มันไม่ใช่

ส่วนฉากที่ 3 ก็น่าจะตัวร้ายอย่างผู้กองเทพอะไรนั่น ไม่ได้มีคาถาอะไรกับเขา ยิงปืนก็ไม่ค่อยจะแม่น ของดีติดตัวก็ไม่มี แต่อึดชิบหาย พระเอกเราเวลายิงผู้ร้าย นัดเดียวจอด เข้าหัวทุกนัด เข้าตัวก็จุดตายละวะ แต่ยิงใส่ผู้กองเทพ ยิงแมร่งโดนแต่เกราะกันกระสุน จะกี่นัดๆ ก็ยิงโดนเกราะนั่นแหละ.. จนเสือใบใช้กระสุนคต ยิงไซด์โค้งไปเข้าคอ ... เดี๋ยว..ยิงโดนคอนะเว้ย ไม่ใช่หู.. ผู้กองเทพ ก็ฉีกเสือมาพันคอห้ามเลือดมาสู้ต่อได้เฉย... เดี๋ยว ตั้งสติก่อนมึง... การจะห้ามเลือดตรงจุดที่โดนยิง คือมึงต้องรัดให้แน่น ให้แผลมันปิดเพื่อห้ามเลือด แต่ยิงโดนคอ กูก็งง ว่ารัดยังไง ให้หายใจได้วะ แถมห้ามเลือดได้เฉย แล้วพอคุณพันยิงระเบิดตูมตาม เมิงที่อยู่ใกล้ๆ ก็ยังจะรอดอีก.. รอดอีกยังไม่พอ หนีเข้าป่า ไปเจอยมทูตเอานิ้วกรีดคอจนฉีก.. กุก็แบบ ตายๆ ได้สักที.. ยั๊ง...กุยังไม่ตาย ได้เลือกเป็น สส.เฉย ถ้านี่คือหนังขุนพันธ์ นี่ก็คงเป็นต้นตำหรับของวิชามหาอุต อุตแผลที่คอยังไงถึงไม่ตายได้

ส่วนฉากที่ 4 เล็กๆ น้อย ที่ไม่เข้าใจ ผมดูกี่ทีมันก็ตลกมากๆ กับตอนที่ระเบิดแล้วมีคนอยู่ใกล้ๆ จะต้องตีลังกา เข้าใจว่าเป็นหนังเพื่อความบันเทิง และหนังแอ็กชั่น แต่มันก็ไม่ต้องตีลังกาทุกจังหวะของชีวิตก็ได้ การที่ระเบิดตกอยู่ใกล้ๆ แค่กระเด็นไปซ้ายขวาแล้วนอนตายนอนเจ็บ ก็น่าจะเพียงพอ แต่ระเบิดตกใกล้ๆ พอตูมแล้วตีลังกาม้วนหน้าลงมาตาย ผมนึกไม่ออกจริงๆ ว่ามันเป็นระเบิดแรงอัดอากาศแบบไหน น่าจะเป็นระเบิดแบบ ระเบิดตูม ดูดอากาศต่ำๆ แถวพื้นแบบรุนแรง ทำให้กระชาขาของคนที่อยู่ใกล้ๆ จนทำให้ดูเหมือนตีลังกา เพื่อให้ลงมากระแทกพื้นให้เจ็บหนักกว่าเดิมจนตายได้...แบบนั้นเหรอ ไม่เข้าใจจริงๆ

 

อันนี้ก็เป็นเล็กๆ น้อยๆ แค่ถ้าถามว่าคะแนนให้เท่าไหร่ ผมให้ 9.5/10 ครับ หนังสนุกดี ไม่ได้ดูหนังไทยสนุกๆ มานานแล้ว แม้เรื่องจะมีการจั๊พไปจั๊พมา กับเนื้อหาที่มันเยอะมากๆ ในเวลาที่จำกัด และฉากแอ็กชั่นที่เยอะมากๆ มากจนคิดว่า ยิงกันขนาดนี้ เป็นหนังสงครามเลยก็ได้นะ แต่ 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็การันตีความสนุกของภาพยนต์ได้ดีจริงๆ หวังว่า คงจะมีภาค 4 กันนะครับ... ผมนี่รอติดตามรับชมเลย หากคลิปนี้สปอยหนักไป มีเนื้อหาและคำพูดไม่ถูกใจ ก็ช่างแมร่งเหอะ ไว้เจอกันใหม่ในคลิปหน้าก็แล้วกัน

 

 

สำหรับวันนี้ สวัสดีครับ... ฝากกดถูกใจ กดติดตามกันด้วยนะครับ