ประวัติย่อๆของ OnlyFans แอพขวัญใจชายหนุ่ม
ประวัติย่อของ OnlyFans
OnlyFans เปิดตัวในปี 2016 โดย Tim Stokely ชาวอังกฤษ ในฐานะแพลตฟอร์มคอนเทนต์พรีเมียมที่ผู้ใช้จ่ายเงินเพื่อดูเนื้อหาพิเศษจากอินฟลูเอนเซอร์ โดยเริ่มแรกมีเป้าหมายเป็นที่รวมตัวของผู้ติดตามและแฟชั่นอินฟลูเอนเซอร์
ในปี 2018 Leonid Radvinsky เจ้าของเว็บไซต์ MyFreeCams ได้เข้าซื้อหุ้น 75% ของ OnlyFans ทำให้แพลตฟอร์มเปลี่ยนทิศทางมาเป็นแพลตฟอร์มสำหรับผู้ใหญ่ที่เน้นเนื้อหาเชิงอีโรติกและเพศสัมพันธ์
ปี 2021 Stokely ลาออกจากตำแหน่ง CEO และ Ami Gan อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารและการตลาดเข้ามารับตำแหน่งแทน ปัจจุบัน Keily Blair เป็น CEO ของบริษัทหลังจากที่ Gan ลาออก
วิธีการทำงานของ OnlyFans
ผู้ใช้ต้องมีอายุมากกว่า 18 ปีและไม่มีประวัติอาชญากรรมทางเพศในการสมัครสมาชิก ทั้งนี้ผู้ใช้ต้องตรวจสอบว่าในประเทศของตนสามารถเข้าร่วมและดูเนื้อหาของแพลตฟอร์มได้
ผู้ติดตามสร้างบัญชีฟรีเพื่อดูเนื้อหา แต่ต้องสมัครสมาชิกแบบเสียค่าบริการรายเดือนเพื่อเข้าถึงเนื้อหาของครีเอเตอร์ นอกจากนี้ยังสามารถรับข้อความแบบเสียเงินและขอเนื้อหาแบบส่วนตัวได้โดยต้องจ่ายเพิ่ม
ครีเอเตอร์ใน OnlyFans
ครีเอเตอร์ต้องสร้างบัญชีฟรี ยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนและภาพเซลฟี่ และตั้งค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิก จากนั้นก็สามารถอัปโหลดเนื้อหาและรับรายได้ ครีเอเตอร์จะได้รับ 80% ของรายได้ ส่วนที่เหลือ 20% ใช้สำหรับการประมวลผลการชำระเงินและบริการอื่น ๆ ราคาสมัครสมาชิกอยู่ระหว่าง $4.99 ถึง $49.99 และรายได้จากข้อความเสียเงินหรือทิปอาจเพิ่มขึ้นอีก
ดาราอเมริกัน Bella Thorne ทำรายได้หนึ่งล้านดอลลาร์ใน 24 ชั่วโมงแรกที่เปิดตัวในแพลตฟอร์มและมีผู้ติดตามมากกว่าล้านคน ปัจจุบันมีครีเอเตอร์ประมาณ 3.2 ล้านคนทั่วโลก
อีกมุมของ OnlyFans
การเติบโตของ OnlyFans ได้รับความสนใจและมีความขัดแย้งมากมาย บางคนมองว่าเป็นงานที่ถูกต้องและเป็นอิสระ ในขณะที่คนอื่นเห็นว่าแพลตฟอร์มนี้เป็นการเชื่อมโยงกับการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ โดยเฉพาะกับคนหนุ่มสาวที่อาจมองว่าเป็นวิธีหาเงินง่าย
นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรี Mabel Lozano กล่าวในสัมภาษณ์ว่า OnlyFans สนับสนุนการค้าประเวณีและความไม่เท่าเทียมทางเพศ บทความใน Grazia เล่าประสบการณ์การใช้ OnlyFans ที่เริ่มต้นด้วยความรู้สึก "ทรงพลัง" แต่ต่อมา "รู้สึกเปราะบาง" เนื่องจากแรงกดดันจากผู้ใช้คนอื่น
คำถามสำคัญคือ การตัดสินใจแสดงร่างกายเพื่อรับรายได้เป็นการตัดสินใจที่แท้จริงหรือไม่ และถ้ามีวิธีอื่นในการหารายได้ ครีเอเตอร์จะเลือกทำเนื้อหาแบบนี้หรือไม่ คุณคิดเห็นอย่างไร?