ทำความรู้จักผลไม้ไทยโบราณหายาก "ชมพู่น้ำดอกไม้"
ทำความรู้จักผลไม้ไทยโบราณหายาก "ชมพู่น้ำดอกไม้"
ชื่อผลไม้ไทยที่เพิ่งได้ยินชื่อครั้งแรก จะเรียกผลไม้ลูกครึ่งได้หรือไม่?
เนื่องจาก รูปร่างหน้าตาของผลไม้ก็แปลก มีความผสมผสานระหว่างลูกจัน มังคุด และลูกพลับ ผลจะมีสีเหลืองนวล ที่โดดเด่นเลยคือ มีมงกุฎ หรือกลีบใบคล้ายมังคุด มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมือนกลิ่นดอกนมแมว หรือกลิ่นของดอกกุหลาบ
“ชมพู่น้ำดอกไม้” บางครั้งก็เรียกฝรั่งน้ำ หรือชมพู่น้ำ ถ้าหากมองผ่านๆ คงนึกว่าเป็นลูกจัน หรือลูกพลับ แต่มีมงกุฎ ผลของชมพู่น้ำดอกไม้ มีรสชาติหวาน เนื้อมีความฉ่ำน้ำกว่าชมพู่ทั่วไป เนื้อด้านในมีความคล้ายชมพู่มะเหมี่ยว ทำให้ผลไม้ชนิดนี้มีความแปลกไม่เหมือนผลไม้ชนิดใด แถมมีราคาแพงในปัจจุบัน เนื่องจากเริ่มหายาก และไม่ค่อยนำมาปลูก
ชมพู่น้ำดอกไม้ มีดอกที่สวยงามเป็นสีเหลืองนวล ดอกสามารถรับประทานได้ ส่วนผลสดมีสีเขียว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ พอแก่สุกจะเป็นสีเหลืองนวล สามารถนำมารับประทานได้เลย นอกจากนี้ชมพู่น้ำดอกไม้ ยังมีเมล็ดแข็ง กลม สีน้ำตาลขนาดใหญ่ คล้ายชมพู่มะเหมี่ยวอีกด้วย
ชมพู่น้ำดอกไม้ จะเริ่มออกดอก และผลในช่วงปลายฤดูหนาว ประมาณเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายน เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด และการตอนกิ่ง
สรรพคุณของชมพู่น้ำดอกไม้ ผลใช้ปรุงเป็นยาหอม ชูกำลัง บำรุงหัวใจ ใบช่วยลดไข้ แก้ตาอักเสบ เมล็ดแก้โรคบิด สารประกอบในใบมีฤทธิ์ สารสกัดใช้ยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำมาแปรรูป ทำเป็นอาหารคาวและอาหารหวาน เป็นขนมต่างๆ ได้อีกด้วย
ปัจจุบัน ชมพู่น้ำดอกไม้ ถือเป็นพรรณไม้หายาก และได้รับความนิยมนำมาปลูก ต้นพันธุ์ และผลขายได้ และมีราคาแพง

















