The Electric State ผลงานชิ้นล่าสุดของ Netflix!

The Electric State ภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์ฟอร์มยักษ์มูลค่า 320 ล้านเหรียญ ผลงานชิ้นล่าสุดของ Netflix ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว

เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนชื่อเดียวกันของ Simon Stallenhagen กำกับโดยพี่น้อง Russo ผู้กำกับ "Avengers: End Game" โดยนำดาราดังระดับแถวหน้าอย่าง Millie Bobby Brown จาก "Stranger Things" และChris Pratt จาก "Guardians of the Galaxy" มาร่วมงานด้วย

ภาพรวมที่ปรากฏในเรื่องนี้เป็นจุดเด่นอย่างมากของการ

เพลงประกอบก็ถือเป็นข้อดีเช่นกัน โดยมีเสียงอิเล็กทรอนิกส์แบบทุ้มๆ และจังหวะกลองที่ตึงเครียด ก็ช่วยสร้างบรรยากาศได้อย่างลงตัว....

The Electric State เป็นเรื่องราวในโลกอนาคตแบบย้อนยุคในช่วงทศวรรษ 1990 เพื่อสร้างเสริมสวนสนุกที่เพิ่งเปิดใหม่ ดิสนีย์จึงได้พากันพัฒนาหุ่นยนต์อัจฉริยะ หุ่นยนต์เหล่านี้มีความชาญฉลาดและมีความสามารถ และในไม่ช้าก็ถูกผลิตเป็นจำนวนมาก ต่อมาพวกมันกลายมาเป็นกระดูกสันหลังของกำลังแรงงานทั่วโลก

โดยเข้ามาทำหน้าที่แทนงานที่สกปรกและเหนื่อยล้าที่มนุษย์ไม่เต็มใจจะทำอย่างเงียบๆ...หลายปีผ่านไปโดยไม่มีการบ่น และพวกเขายังคงดำเนินการต่อไปวันแล้ววันเล่า

จนกระทั่งวันหนึ่ง ความสงบสุขก็ถูกทำลายลงโดยพวกหุ่นยนต์เริ่มตื่นขึ้นมา พร้อมกับตั้งคำถามถึงชีวิตที่มนุษย์กำหนดไว้ให้และถึงขั้นโหยหาถึงอิสรภาพที่ตนเองต้องได้รับ

พวกเขาหลั่งไหลลงสู่ท้องถนนเพราะก่อการประท้วงเป็นจำนวนมาก เพื่อเรียกร้องชะตากรรมของตนเอง แน่นอน...มนุษย์ไม่ได้คิดเอาไว้อย่างนั้น ในสายตาของพวกเขา หุ่นยนต์เหล่านี้เป็นเครื่องมือที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง

และถ้ามันไม่ทำงาน มันก็ควรถูกส่งกลับไปที่หลุมฝังกลบขยะ แต่...ความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และกลุ่ม Robot Equality Alliance ได้จัดการประท้วงอย่างรุนแรงในห้าเมืองทั่วสหรัฐอเมริกา และสถานการณ์ก็โกลาหลจนควบคุมไม่ได้ งานนี้ประธานาธิบดีประกาศสงครามกับหุ่นยนต์อย่างเด็ดขาด

ในช่วงเวลาหนึ่ง เงาแห่งสงครามปกคลุมโลก และการเผชิญหน้าระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ เวลานี้ ดร. อีธาน(Dr. Ethan) ได้ประดิษฐ์เครื่องสื่อประสาทที่สามารถเชื่อมต่อสมองของมนุษย์เข้ากับร่างกายโดรนจักรกล ทำให้มนุษย์สามารถใช้กำลังกลไกของหุ่นโดรนในการต่อสู้กับหุ่นยนต์ได้

ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ กระแสสงครามก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และผู้นำหุ่นยนต์(นายพีนัท (Mr. Peanut))ก็ถูกบังคับให้ลงนามข้อตกลงหยุดยิงกับประธานาธิบดีทำให้หุ่นยนต์ที่พ่ายแพ้จำนวน 6,000 ตัวถูกเนรเทศไปยังเขตโดดเดี่ยวที่เรียกว่า

"Electric Fantasy Kingdom" ซึ่งเป็นพื้นที่ต้องห้ามในทะเลทรายที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูง และเรือนจำหุ่นยนต์หลังสงคราม

ตอนนี้ สังคมมนุษย์ดูเหมือนจะกลับคืนสู่ความสงบสุข และเทคโนโลยีโปรเจ็กเตอร์สื่อประสาทก็ถูกใช้ประโยชน์จากการใช้งานทางทหารมาสู่การใช้งานทางพลเรือน กลายเป็นอุปกรณ์(ติดหัว)ที่เปลี่ยนวิถีชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง มันทำให้ผู้คนสามารถทำงานและเสพความบันเทิงได้ในเวลาเดียวกัน และสมองของพวกเขาสามารถดำรงอยู่ทั้งในโลกความจริงและเสมือนได้ในเวลาเดียวกัน ทำให้ชีวิตสะดวกสบายกว่าที่เคย

อย่างไรก็ตาม ตัวเอกมิ เชลล์ (Michelle)กลับ มีชีวิตที่แตกต่างออกไป พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเด็ก และน้องชายของเธอก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เช่นกัน

พ่อบุญธรรมของเธอก็ดันเสพติดเครื่องฉายภาพสมองทุกวัน และสนุกไปกับโลกเสมือนจริง เธอเกิดมาแบบพิเศษและสมองของเธอไม่ได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีประเภทนี้เลย แต่เธอมักฝันถึงฉากที่พี่ชายเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์และไม่เคยลืมเรื่องนั้นได้

แต่ มิเชลล์กลับต้องอาศัยอยู่ในยุคที่ต้องสวมหมวกนิรภัยด้านระบบประสาทแม้กระทั่งในชั้นเรียน จนกระทั่งคืนหนึ่ง เธอได้ยินเสียงประหลาดๆข้างนอกบ้าน และความอยากรู้ของมิเชลล์ก็เกิดขึ้น เมื่อเธอออกไป เธอก็พบว่ามีคนบุกรุกเข้าไปในห้องเอนกประสงค์ เธอรู้สึกกลัวมาก จึงรีบวิ่งกลับห้องไปปลุกพ่อบุญธรรมของเธอ แต่เขากลับจมอยู่กับโลกเสมือนจริงจนไม่สามารถตอบสนองใดๆ ได้เลย

ต่อมาก็มีเสียงหน้าต่างแตก มิเชลล์ตกใจและหยิบมีดผลไม้ขึ้นมาซ่อนใต้เตียงและตัวสั่น ทันใดนั้น แขนเครื่องกลทั้งสองข้างก็ผลักประตูให้เปิดออก และเดินเข้าไปอย่างช้าๆหลังจากนั้น มิเชลล์ก็ยกมีดขึ้นอย่างกล้าหาญ ตรงไปเพื่อสอบถามหุ่นยนต์ที่บุกรุกเช้ามา แต่หุ่นยนต์ก็ไม่ได้โจมตีอะไร กลับชี้มาที่ตัวเอง ราวกับว่าต้องการสื่ออะไรบางอย่างและนั่นเป็นเพราะโมดูลภาษาของมันเสีย และมิเชลล์ก็พยายามอย่างหนักที่จะช่วยให้มันพูดได้ แต่สิ่งที่สื่อออกมาก็เป็นเพียงบทพูดจากการเคลื่อนไหว

ซึ่งทำให้เธอสับสนอยู่พักใหญ่ เมื่อหุ่นยนต์ชี้ไปที่รูปถ่ายของพี่ชายที่ติดอยู่บนผนัง จากนั้นก็ชี้ไปที่ตัวเอง

แน่นอนว่า ความคิดประหลาดๆ ผุดขึ้นมาในหัวของมิเชลล์ หุ่นยนต์ตัวนี้ถูกควบคุมโดยจิตสำนึกของพี่ชายหรือเปล่า?

แต่พี่ชายของฉันไม่ได้ตายไปนานแล้วไม่ใช่เหรอ? ในตอนนั้น ในที่สุดพ่อบุญธรรมของเธอก็ตื่นขึ้น เมื่อเห็นมิเชลล์อยู่กับหุ่นยนต์ เขาก็โกรธมากจนกระโดดโลดเต้นไปทั่ว และตะโกนว่าการเลี้ยงหุ่นยนต์เป็นความผิดอาญา และเขาต้องการที่จะสอนบทเรียนให้มิเชลล์ แต่กลับถูกหุ่นยนต์ขวางทางไว้และเขาก็ไม่มีพลังที่จะต่อสู้ตอบโต้ได้

เมื่อสบโอกาส พ่อบุญธรรมจึงต้องการโทรเรียกตำรวจ มิเชลล์เกิดความวิตกกังวลจึงใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า ช็อตพ่อบุญธรรมของเธอจนหมดสติ

จากนั้นจึงวิ่งออกจากบ้านพร้อมหุ่นยนต์ แม้มิเชลล์ไม่สามารถช่วยซ่อมหุ่นยนต์ได้ แต่พยายามที่จะถามเรื่องเกี่ยวกับพี่ชายของเธอ หุ่นยนต์ทำท่าทางเหมือนแว่นตาและหมอ มิเชลล์จำได้ทันใดว่าเมื่อเธอตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาลหลังจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์

เป็นหมอที่ใส่แว่นตาที่บอกกับเธอว่าพี่ชายของเธอจากไปแล้ว เธอหยิบแผนที่ออกมาและพยายามหา แต่หุ่นยนต์ก็ชี้ไปที่เขตโดดเดี่ยว "Electric Fantasy Kingdom" ในทะเลทรายทางตะวันตกพื้นที่กักกันเป็นเหมือนคุกกล สถานที่ ๆ หุ่นยนต์ไม่สามารถหลบหนีได้เลย

ในเมื่อเป็นสถานที่กักกัน พวกมันจะเข้ามาได้ยังไง? แต่แล้ว มิเชลล์นึกขึ้นได้ทันใดว่าพ่อบุญธรรมของเธอเคยได้รับพัสดุด่วนจากเขตกักกัน

เนื่องจากสามารถส่งของออกไปได้ มันจะต้องมีทางเข้าไปได้ และบริษัทจัดส่งก็อยู่ในนิวเม็กซิโก

เธอและหุ่นยนต์จึงตัดสินใจเดินทางข้ามสหรัฐอเมริกาเพื่อค้นหาเบาะแส ระหว่างทางพวกเธอก็ต้องผ่านทะเลทรายอันรกร้าง ถนนบนภูเขาที่สูงชัน เมืองร้าง และทิวทัศน์เบื้องหน้าก็ช่างน่าตกใจ

เพื่อไปที่นิวเม็กซิโก และติดรถพัสดุเข้าไปในเขตหวงห้าม.... พวกเธอเดินผ่านทางหลวง ที่ครั้งหนึ่งเคยพลุกพล่านถูกกลืนหายไปด้วยพายุทราย ซากหุ่นยนต์ที่เหลือจากสงครามถูกกระจัดกระจายอยู่ข้างถนน และในบางครั้งคุณจะเห็นนักเดินทางที่หลงใหลกับโปรเจ็กเตอร์สื่อประสาท

ในนิวเม็กซิโก พวกเธอซ่อนตัวอยู่ในความมืดตอนกลางคืนเพื่อรอคนส่งของ ในที่สุดมิเชลล์และหุ่นยนต์ก็แอบเข้าไปในรถบรรทุกของคนส่งของเข้าจนได้ โดยหวังว่าจะได้นั่งรถไปสืบหาเบาะแสของพี่ชายที่เขตกักกัน แต่พวกเธอกลับไม่รู้เลยว่ากำลังจะเดินทางไปหาอันตราย...