ที่มาของขนมจีนที่คุณยังไม่เคยรู้
สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ วันนี้ดิฉันอยากชวนทุกคนมารู้จักกับ "ขนมจีน" อาหารคู่ครัวไทยที่อยู่กับเรามายาวนาน หลายคนอาจเคยสงสัยว่า "ขนมจีน" แท้จริงแล้วมาจากไหน ทำไมถึงเรียกว่า "ขนม" ทั้ง ๆ ที่เป็นอาหารคาว และที่สำคัญ ขนมจีนไม่ได้มีแค่ในไทยเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีในหลากหลายประเทศในเอเชียด้วย
แม้ชื่อจะมีคำว่า "จีน" แต่ขนมจีนไม่ได้มีต้นกำเนิดจากประเทศจีนนะคะ มีการสันนิษฐานว่าคำว่า "ขนมจีน" มาจากคำว่า "ขะนอมจิน" ในภาษามอญ ซึ่งหมายถึง "เส้นหมัก" เพราะกรรมวิธีการทำเส้นขนมจีนแบบดั้งเดิมนั้นจะต้องนำข้าวมาหมักก่อนนำมาทำเส้น
และถ้าพูดถึงขนมจีนในประเทศไทยก็มีหลากหลายสูตรตามแต่ละภูมิภาค เช่น
ภาคเหนือ มี "ขนมจีนน้ำเงี้ยว" ซุปหอมเครื่องเทศใส่กระดูกหมูและมะเขือส้ม รสชาติเข้มข้น
ภาคอีสาน นิยม "ขนมจีนน้ำยาใส" หรือ "ขนมจีนน้ำปลาร้า" รสแซ่บ เผ็ดนัว กินกับผักสด
ภาคกลาง มี "ขนมจีนน้ำยากะทิ" หอมมันจากกะทิและเครื่องแกง
ภาคใต้ มี "ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้" รสจัดจ้าน เครื่องแกงเข้มข้น ใส่ลูกชิ้นปลาหรือเนื้อปลา
นอกจากนี้ ขนมจีนยังนิยมกินกับแกงไตปลา แกงเขียวหวาน หรือแม้แต่กินกับน้ำพริกก็อร่อยไปอีกแบบ
ไม่ใช่แค่ไทยที่มีขนมจีนนะคะ ประเทศเพื่อนบ้านของเราก็มีอาหารประเภทเส้นที่คล้ายขนมจีนอย่างเช่น
ลาว เรียกว่า "ข้าวปุ้น" กินกับน้ำยาแบบลาวที่มีรสชาติเข้มข้นและใส่ผักเยอะ ๆ
กัมพูชา มี "Nom Banh Chok" (นมบันโชก) คล้ายขนมจีนน้ำยา แต่ใส่สมุนไพรและมีรสชาติออกเปรี้ยวนิด ๆ
เวียดนาม มี "Bún" (บุ๋น) ซึ่งเป็นเส้นสดคล้ายขนมจีน นิยมกินกับน้ำซุปหรือทำเป็นเมนูบุ๋นหมี่ต่าง ๆ
ขนมจีนไม่ใช่แค่อาหารธรรมดา แต่เป็นอาหารที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินของผู้คนในแต่ละพื้นที่ ความแตกต่างของน้ำยาและเครื่องเคียงในแต่ละภูมิภาคหรือแต่ละประเทศ แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายและเสน่ห์ของอาหารจานนี้
เพื่อน ๆ ชอบขนมจีนแบบไหนกันบ้างคะ. แล้วเคยลองขนมจีนของประเทศอื่น ๆ หรือยัง มาแบ่งปันกันได้นะคะ
















