หนึ่งนาทีเดียวกัน
หนึ่งนาทีเดียวกัน
โดย อักษราลัย
"เวลาเพียงหนึ่งนาที อาจสั้น แต่ก็อาจเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิต"
⏳ 07:59 น.
มินมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง พลางถอนหายใจ เธอนั่งติดอยู่ในรถที่การจราจรแน่นขนัด วันนี้เธอมีสัมภาษณ์พนักงานใหม่ เธอควรจะถึงออฟฟิศก่อน 8:30 น. เพื่อเตรียมตัว แต่ดูเหมือนว่าเช้านี้อะไร ๆ ก็ไม่เป็นใจ ตั้งแต่น้ำอุ่นไม่ทำงาน จนถึงรถติด
ทันใดนั้น เธอรู้สึกถึงการสั่นไหวเล็กน้อย รถทุกคันโยกขยับไปมา ขณะมองไปรอบข้าง มินสังเกตเห็นคนในรถคันอื่น มองหน้ากันด้วยความสงสัย เสียงวิทยุในรถประกาศข่าวด่วน "ขณะนี้เกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็ก อาจมีการสั่นสะเทือนในเขตกรุงเทพฯ ขอให้ประชาชนระมัดระวัง"
เธอถอนหายใจยาว มองดูโทรศัพท์มือถือ ควรจะโทรไปบอกเลขาฯ ให้เลื่อนการสัมภาษณ์ออกไปก่อนไหม? หรือควรจะรอดูอีกสักหนึ่งนาที บางทีการจราจรอาจเริ่มขยับ
มินลังเล นิ้วเลื่อนไปที่ไอคอนโทรศัพท์ พลางนึกถึงคำสอนของพ่อที่มักพูดเสมอว่า "การตัดสินใจเร็วเกินไปอาจพลาดโอกาส แต่การรอนานเกินไปก็อาจพลาดได้เช่นกัน" ในชีวิตการทำงานของเธอ การตัดสินใจทุกอย่างต้องรอบคอบ แต่ก็ต้องฉับไว เพราะเวลาเพียงหนึ่งนาทีของเธอ มีมูลค่านับล้านสำหรับบริษัท
⏳ 07:59 น.
ต้นนั่งอยู่บนรถไฟฟ้า กำลังจะถึงสถานีปลายทาง อีกครึ่งชั่วโมงจะถึงเวลานัดสัมภาษณ์งานที่ฝันมานาน ตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายออกแบบที่บริษัทชั้นนำ เขาเตรียมตัวมาอย่างดี แฟ้มผลงานอยู่ในกระเป๋า คำตอบสำหรับคำถามที่คาดว่าจะถูกถามซักซ้อมมาจนขึ้นใจ
ทันใดนั้น รถไฟฟ้าสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มชะลอตัว เสียงประกาศดังขึ้น "ขออภัยในความไม่สะดวก เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็ก รถไฟฟ้าจะหยุดที่สถานีนี้ชั่วคราวเพื่อตรวจสอบระบบความปลอดภัย"
ต้นมองนาฬิกา หากรถไฟหยุดนานเกินหนึ่งนาที เขาอาจจะต้องลงและหาทางเลือกอื่น ไม่อย่างนั้นเขาจะไปสาย... ควรจะรออีกหนึ่งนาที หรือควรจะลงเดี๋ยวนี้?
หยาดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นที่หน้าผาก ต้นเป็นคนที่มีความฝันใหญ่แต่โอกาสน้อย เขาเติบโตมาในครอบครัวที่ไม่ได้ร่ำรวย ต้องทำงานพิเศษระหว่างเรียนเพื่อแบ่งเบาภาระที่บ้าน การสัมภาษณ์ครั้งนี้คือโอกาสทองที่จะเปลี่ยนชีวิตเขา และเขารู้ดีว่าบางครั้ง เวลาเพียงหนึ่งนาทีก็อาจทำให้เส้นทางชีวิตเปลี่ยนไปตลอดกาล แค่หนึ่งนาทีที่สายเกินไป อาจทำให้ความประทับใจแรกพังทลาย
⏳ 07:59 น.
ตั้มบีบแตรอีกครั้ง ไม่ได้ผล การจราจรติดขัดราวกับเป็นที่จอดรถ เขาพยายามมองหาทางออก แต่ดูเหมือนไม่มี ผู้โดยสารในรถเริ่มมีอาการกระวนกระวาย หญิงสาวในชุดทำงานที่นั่งอยู่ด้านหลัง
"ลุงคะ ฉันต้องไปให้ถึงสำนักงานภายในแปดโมงครึ่ง มีทางลัดไหมคะ?" เธอถาม เสียงเริ่มสั่น
ตั้มกำลังจะตอบ แต่ทันใดนั้น ทั้งเขาและผู้โดยสารต่างรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน วิทยุในรถประกาศว่าเกิดแผ่นดินไหวขนาดเล็ก เขามองออกไปนอกหน้าต่าง ป้ายจราจรและสายไฟแกว่งไหวจนสังเกตได้
"เกิดอะไรขึ้นคะ?" ผู้โดยสารถามด้วยความกังวล
"แผ่นดินไหวครับ แต่คงเป็นแค่แรงสั่นสะเทือน" ตั้มตอบ ขณะมองไปตามถนน มีซอยเล็ก ๆ ด้านซ้ายข้างหน้าที่อาจจะพอใช้เป็นทางลัดได้ แต่เขาไม่คุ้นเส้นทางนั้นดีนัก หากเลือกไปแล้วพบว่าเป็นทางตัน จะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง
"รอสักนาทีนะครับ บางทีรถอาจเริ่มขยับ หรือไม่ถ้าแผ่นดินไหวรุนแรงขึ้น เราอาจต้องหาที่ปลอดภัย" เขาบอก แต่ในใจเริ่มคิดว่าควรจะเสี่ยงเลี้ยวเข้าซอยนั้นดีหรือไม่
ตั้มเคยเป็นวิศวกรมาก่อน แต่บริษัทปิดตัวลงกะทันหัน ทำให้เขาต้องหันมาขับแท็กซี่หาเลี้ยงครอบครัว ลูกสาวของเขากำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ทุกบาททุกสตางค์มีค่า ทุกนาทีที่เขาเสียไปโดยเปล่าประโยชน์คือรายได้ที่หายไป เขารู้ดีว่า หนึ่งนาทีอาจดูเหมือนเวลาสั้น ๆ แต่การตัดสินใจผิดพลาดในหนึ่งนาทีนั้น อาจทำให้เขาพลาดรายได้ทั้งวัน และในกรณีที่แย่ที่สุด อาจสร้างความไม่พอใจให้ผู้โดยสารจนได้รับคะแนนแย่ ๆ
⏳ 07:59 น.
น้ำเดินเร็ว ๆ เธอเพิ่งเสร็จจากกะดึก และกำลังจะกลับบ้าน แต่ได้ยินเสียงประกาศว่ามีผู้ป่วยฉุกเฉินเพิ่งมาถึง และขณะนี้ทีมพยาบาลกำลังขาดคน
"ผู้ป่วยบาดเจ็บจากแผ่นดินไหวกำลังทยอยเข้ามา ขอความร่วมมือบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่อยู่ในโรงพยาบาล" เสียงประกาศดังต่อเนื่อง
เธอชั่งใจ ร่างกายเหนื่อยล้าหลังทำงานติดต่อกันมา 12 ชั่วโมง และที่บ้าน ลูกชายวัย 5 ขวบกำลังรอเธออยู่กับคุณยาย
แต่นี่เป็นเรื่องของชีวิตคน
น้ำมองนาฬิกา ถ้าเธออยู่ต่ออีกหนึ่งนาทีเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น เธออาจจะต้องอยู่ต่ออีกหลายชั่วโมง... แต่ถ้าเป็นเหตุฉุกเฉินจริง ๆ ทุกวินาทีก็มีค่า
น้ำเคยสูญเสียพ่อในอุบัติเหตุตอนเธออายุเพียง 15 ปี เพราะการช่วยเหลือมาไม่ทันเวลา นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจเป็นพยาบาล เธอรู้ดีว่าในวงการแพทย์ หนึ่งนาทีคือความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตาย คำพูดที่อาจารย์พยาบาลเคยสอนยังก้องในหัว "เวลาเพียงหนึ่งนาที อาจสั้นสำหรับคุณ แต่อาจยาวนานเป็นชั่วชีวิตสำหรับคนไข้และครอบครัวเขา" แม้จะเหนื่อยล้า แต่หัวใจของเธอยังมุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือผู้อื่น
⏳ 07:59 น.
ปอตัดสินใจไม่เข้าเรียนคาบแรก เพื่อนชวนไปเที่ยวผับเมื่อคืน และเขาตื่นสายมาก เขารู้ว่าอาจารย์จะไม่พอใจ แต่วันนี้เป็นเพียงบรรยายทั่วไป ไม่มีการสอบหรือส่งงาน
เขาเปิดแอพพลิเคชั่นดูหนัง กดเล่น แล้วนอนลงบนเตียง ไม่ทันรู้สึกถึงแรงสั่นไหวเล็กน้อยที่เกิดขึ้น ขณะที่หน้าจอโทรศัพท์กำลังแสดงอีเมลที่ยังไม่ได้เปิดอ่าน จากอาจารย์ที่ปรึกษา หัวข้อ: "การสัมภาษณ์ทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ - ด่วน"
ถ้าเขารีบลุกขึ้นมาเช็คอีเมลตอนนี้...
ปอเติบโตมาในครอบครัวชนชั้นกลาง มีชีวิตสุขสบาย ไม่ต้องดิ้นรนหรือทำอะไรรีบเร่ง พ่อแม่คอยช่วยเหลือทุกอย่าง ทำให้เขาไม่เคยตระหนักถึงคุณค่าของเวลา สำหรับเขา หนึ่งนาทีที่ผ่านไปเหมือนกับอีกหนึ่งนาทีทั่วไป ไร้ความหมายพิเศษ เขามักผัดวันประกันพรุ่ง เพราะคิดเสมอว่ายังมีพรุ่งนี้ ยังมีโอกาสครั้งต่อไป แต่ไม่เคยคิดว่า บางโอกาสอาจมาเพียงครั้งเดียวในชีวิต และหนึ่งนาทีที่ตัดสินใจผิดอาจเปลี่ยนเส้นทางชีวิตไปตลอดกาล
⏳ 07:59 น.
เอรู้สึกถึงการสั่นไหวแรกทันที เธอเป็นวิศวกรโครงสร้างและเคยผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวมาก่อน สัญชาตญาณบอกว่านี่ไม่ใช่การสั่นไหวธรรมดา
"แผ่นดินไหว! ทุกคนออกจากตึกเดี๋ยวนี้!" เธอตะโกน ขณะที่กำลังประชุมอยู่กับทีมงานบนชั้น 15 ของอาคารสำนักงาน
บางคนมองเธอด้วยความสงสัย บางคนลังเล แต่เอไม่รอช้า เธอรู้ดีว่าทุกวินาทีมีค่า
"เราต้องออกไปเดี๋ยวนี้ รอแค่หนึ่งนาทีอาจสายเกินไป" เธอย้ำอีกครั้ง มือกำโทรศัพท์แน่น ไม่แน่ใจว่าควรโทรหาใครก่อน ครอบครัว? หน่วยกู้ภัย? หรือควรวิ่งลงบันไดหนีไฟทันที?
แผ่นดินเริ่มสั่นรุนแรงขึ้น...
เอหอบพกความเจ็บปวดมาตลอดชีวิต เมื่อครั้งเป็นเด็ก เธอเคยสูญเสียเพื่อนสนิทในเหตุการณ์ตึกถล่มหลังแผ่นดินไหว จุดเปลี่ยนนั้นทำให้เธอเลือกเรียนวิศวกรรมโครงสร้างและทุ่มเททำงานด้านความปลอดภัย คำสอนของอาจารย์ที่เธอไม่เคยลืมคือ "ในภาวะวิกฤติ เวลาเพียงหนึ่งนาทีอาจมีค่ามากกว่าทั้งชีวิต การลังเลคือความเสี่ยง" เอไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย และเธอรู้ว่าเธอมีเวลาเพียงหนึ่งนาทีที่จะทำให้ทุกคนปลอดภัย
⏳
~ มิน กดโทรออก ขณะที่รถเริ่มขยับ เธอวางสายทันที ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
~ ต้น ตัดสินใจลงจากรถไฟฟ้า วิ่งขึ้นบันไดเพื่อหาแท็กซี่
~ ตั้ม เลี้ยวรถเข้าซอย ทำให้ผู้โดยสารของเขายิ้มด้วยความโล่งใจ
~ น้ำ ตัดสินใจเดินกลับไปที่แผนก เพื่อช่วยดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินอีกสักครู่
~ ปอ พลิกตัวและหลับไป ไม่รู้เลยว่าโอกาสครั้งสำคัญกำลังผ่านเลยไป
~ เอ ตัดสินใจไม่รอให้คนอื่นตัดสินใจ เธอกดสัญญาณเตือนภัยและนำทีมงานวิ่งลงบันไดหนีไฟทันที จากนั้นไม่กี่วินาที อาคารเริ่มสั่นรุนแรงจนโคลงเคลง
⏳
...หนึ่งชั่วโมงต่อมา...
มินเดินออกจากห้องสัมภาษณ์ พร้อมรอยยิ้ม เธอเพิ่งสัมภาษณ์ชายหนุ่มที่มีความสามารถอย่างมาก ถึงเขาจะมาสายไปห้านาที แต่ความกระตือรือร้นและความคิดสร้างสรรค์ของเขาทำให้เธอประทับใจ
ต้นนั่งรถแท็กซี่ กำลังจะถึงสถานที่สัมภาษณ์ช้ากว่ากำหนดห้านาที แต่คนขับแท็กซี่ใจดีคนนี้ช่วยพาเขามาตามเส้นทางลัดที่ทำให้เขามาไม่สายเกินไป
ตั้มส่งผู้โดยสารถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ได้รับคำขอบคุณและทิปงาม ทำให้วันของเขาเริ่มต้นอย่างดี
น้ำกำลังช่วยทีมแพทย์ช่วยชีวิตผู้ป่วยอุบัติเหตุที่เพิ่งถูกส่งตัวมา - ชายวัยกลางคนที่หมดสติหลังจากรถชน หากเธอไม่อยู่ที่นี่ตอนนี้...
ปอตื่นขึ้นมาตอนเที่ยง ตรวจดูโทรศัพท์และพบอีเมลจากอาจารย์ มันเป็นโอกาสที่จะได้รับทุนเต็มจำนวนไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ แต่การสัมภาษณ์เริ่มเวลา 9:00 น. เช้านี้...
เอยืนอยู่ด้านนอกอาคาร มองดูทีมงานของเธอที่ออกมาได้อย่างปลอดภัย ขณะที่บางส่วนของอาคารเริ่มทรุดตัว เมื่อเหลือบมองนาฬิกา เธอพบว่าเวลาผ่านไปเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงหลังจากแผ่นดินไหว แต่ชีวิตของทุกคนเปลี่ยนไปแล้วตลอดกาล รวมถึงเธอเองที่กลายเป็นฮีโร่ประจำออฟฟิศโดยไม่ทันตั้งตัว
⏳
...หนึ่งปีต่อมา...
บางครั้ง การตัดสินใจในหนึ่งนาทีก็เปลี่ยนเส้นทางชีวิตได้ตลอดกาล
มินได้เลื่อนตำแหน่งหลังจากที่แผนกของเธอทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพนักงานใหม่อย่างต้นที่นำความคิดสร้างสรรค์มาสู่ทีม
ต้นกลายเป็นดาวรุ่งของบริษัท โครงการที่เขาริเริ่มได้รับความสนใจจากลูกค้าใหญ่หลายราย
ตั้มตัดสินใจเรียนคอร์สออนไลน์เกี่ยวกับเส้นทางในกรุงเทพฯ ทำให้เขาสามารถนำผู้โดยสารไปยังจุดหมายได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยเสมอ
น้ำได้รับรางวัลพยาบาลดีเด่น หลังจากช่วยชีวิตผู้ป่วยหลายราย รวมถึงชายจากอุบัติเหตุวันนั้น ซึ่งปัจจุบันฟื้นตัวเต็มที่แล้ว
ปอยังคงเรียนอยู่ที่เดิม พลาดโอกาสครั้งสำคัญไป แต่เขาเริ่มปรับเปลี่ยนตัวเอง ตั้งใจเรียนมากขึ้น เพราะเข้าใจแล้วว่าบางครั้งโอกาสอาจมาเพียงครั้งเดียว และเวลาเพียงหนึ่งนาทีก็มีค่ามากเพียงใด เขาเรียนรู้จากความผิดพลาด และกำลังมองหาโอกาสครั้งใหม่
เอได้รับยกย่อง และได้รับตำแหน่งหัวหน้าทีมความปลอดภัยของบริษัท หลังการตัดสินใจฉับไวในวันนั้นช่วยชีวิตเพื่อนร่วมงานไปได้กว่าสามสิบชีวิต เธอได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรพิเศษสอนเรื่องการรับมือกับภัยพิบัติ โดยเน้นย้ำเสมอว่า "ในภาวะวิกฤต หนึ่งนาทีคือความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตาย"
⏳
คืนหนึ่งของปีถัดมา พวกเขาทั้งหกคนมานั่งอยู่ในร้านกาแฟเดียวกันโดยบังเอิญ
~ มินและต้นกำลังประชุมเรื่องงาน
~ น้ำแวะมาซื้อกาแฟก่อนเข้ากะ
~ ตั้มเพิ่งส่งผู้โดยสารและแวะพัก
~ ปอนั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบ
~ เอกำลังเตรียมสไลด์สำหรับการบรรยายเรื่องความปลอดภัยในภาวะฉุกเฉิน
ไม่มีใครรู้ว่า ชีวิตของพวกเขาเคยตัดกันในช่วงเวลาสั้น ๆ เมื่อหนึ่งปีก่อน ในหนึ่งนาทีที่เปลี่ยนทุกสิ่ง
เอเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาบนผนังร้าน มองเห็นเข็มวินาทีกำลังเคลื่อนผ่าน 07:59 น. ไปสู่ 08:00 น. เธอยิ้มเล็กน้อย นึกถึงวันนั้น วันที่เธอตัดสินใจในเสี้ยววินาที
และนั่นเป็นพยานเงียบๆ ถึงความจริงที่ว่า...
บางครั้งหนึ่งนาทีก็มีค่ามากพอที่จะเปลี่ยนชีวิตได้ทั้งชีวิต ... ⏳







