ตำนานของ "การช่วยตัวเอง"..ที่หลายคนไม่เคยรู้!
ตำนานของ "การช่วยตัวเอง"..ที่หลายคนไม่เคยรู้! อาจจะดูเป็นเรื่องไร้สาระแต่ว่าเรื่องนี้มันมีที่มาที่ไป ทั้งนี้ข่าวเรื่องการสำเร็จความใคร่หรือช่วยตัวเองในที่สาธารณะให้คนอื่นดูนั้น มันก็มีการนำเสนอข่าวกันอยู่บ่อยๆ เลยทำให้เรารู้สึกว่าการสำเร็จความใคร่นั้นเป็นเรื่องสกปรกและไม่ควรทำอย่างยิ่ง
การสำเร็จความใคร่ (หรือ Masturbation) สำหรับคนที่ถือพรหมจรรย์มาทั้งชีวิตตั้งแต่ตอนยังเป็นเด็กแล้ว ก็ไม่น่ามีใครไม่เคยแตะต้องตัวเองเลย โดยความหมายที่ใช้แบบไทยๆ นั้นก็มักใช้คำว่า ชักว่าวหรือตกเบ็ด ทั้งนี้การสำเร็จความใครก็มีมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์แล้ว มีการพบภาพเขียนสีบนผนังถ้ำทั่วโลก ซึ่งตีความได้ว่าเป็นการสำเร็จความใคร่ด้วยตัวเองในอารยธรรมแรกเริ่มของโลก โดยมีหลักฐานบ่งบอกว่าคนในสมัยนั้นมองการสำเร็จความใคร่เป็นเรื่องธรรมดาๆ
ถ้าจะว่าไปแล้ว การสำเร็จความใคร่เริ่มเป็นเรื่องที่ต้องห้ามในช่วงศตวรรษที่ 18 หรือ 19 นี่เอง เพราะในยุคนี้ นักเทววิทยาและแม้กระทั่งแพทย์ ก็เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ดี น่ารังเกียจ เป็นเรื่องที่ต้องห้าม ไม่ใช่แค่เฉพาะผู้หญิงเท่านั้น แต่ผู้ชายเองก็ไม่ควรที่จะพึงกระทำด้วย เนื่องจากจะทำให้อ่อนแอ และต้องตกอยู่ใต้อำนาจของผู้หญิงเมื่อโตขึ้น
ถ้าเราลองย้อนกลับไปดูตำนานโบราณ ก็จะพบว่ามีหลายตำนานโดยเฉพาะตำนานการกำเนิดมนุษย์ มักจะมีเรื่องการสำเร็จความใคร่ของพระเจ้าแทรกปนอยู่ด้วย ไม่ใช่แค่ตำนานของชาวยิวเท่านั้น แต่รวมไปถึงศาสนาและความเชื่อเก่าแก่จากหลายๆ ที่ด้วย ทั้งนี้จึงเชื่อกันว่าการสำเร็จความใคร่นี่แหละ คือ ตัวการที่ก่อให้เกิดกำเนิดโลก ดังนั้น การสำเร็จความใคร่ของผู้ชายในอียิปต์จึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆ เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ก่อกำเนิด หรือสร้างสรรค์โลก
อย่างไรก็ดี ความคิดเรื่องการสำเร็จความใคร่ มันเป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย จากยอมรับได้มาเป็นยอมรับไม่ได้ แล้วก็กลับไปกลับมายอมรับได้อีก ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเวียนวนจนเป็นวัฏจักรไปเรื่อยๆ การเรียนรู้เรื่องการสำเร็จความใคร่ของผู้คน จึงไม่ได้แค่ทำให้เรารู้เรื่องทางเพศเท่านั้น แต่มันยังสะท้อนถึงวิธีคิด วัฒนธรรม ความเชื่อ และสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในแต่ละสังคมด้วย โดยส่วนใหญ่ที่ยอมรับไม่ได้ก็น่าจะมีเพียงเหตุผลเดียว นั่นก็คือการสำเร็จความใคร่ให้คนอื่นดู โดยเฉพาะถ้าคนอื่นๆ เหล่านั้นเค้าไม่ได้อยากจะดู!














