ผลกรรมของการลาออกทั้งที่งานยังค้าง
อยากทราบว่าการลาออกจากงานเพราะทนแรง
กดดันไม่ไหว โดยทีงานยังค้างคาไม่เสร็จเรียบร้อย
จะมีผลกรรมใหญ่ตามมาไหมครับ?
ถ้าลาออกจากงานขณะกำลังมีอารมณ์ กำลังโกรธหรือของขึ้นแค่นั้นก็นับว่าเป็นเรื่องใหญ่แล้วครับ เพราะเป็นบ่อเกิดของนิสัยหุนหันพลันแล่น ความอดทนต่ำ เจ้าคิดเจ้าแค้น ผมมองว่านิสัยด้านเสีย
ที่ติดตัวไปแบบแก้ยากพรรค์นี้นั่นแหละ เป็นผลกรรมที่เห็นชัดทันตา
เพราะคุณอาจวู่วามได้กับทุกสถานการณ์ อะไรๆก็ช่างมัน อยากปล่อยปละละเลย หรือผลักภาระให้คนอื่นรับผิดชอบแทนเรา นิสัยชนิดนี้เมื่อเพาะชำจนรากงอกกับจิตใจของเรา ยึดติดแน่นหนาอยู่กับเราแล้ว ชีวิตที่เหลือแทบลืมเรื่องความสุขกายสบายใจไปได้เลย เพราะจะดูเหมือนคุณต้องเผชิญกับปัญหาแก้ไม่ตกอยู่เรื่อย และทำให้เสียความนับถือตัวเองลงทุกที
เท่าที่เห็นมา ยุคนี้ทุกคนมีความเซ็ง เหน็ดหน่ายกับความจำเจหรือปัญหาซ้ำซากในที่ทำงาน จนบ่นอยากลาออกวันละสองหนสามหนกันทั้งนั้นแหละครับ ถ้าทนไม่ไหวจริงๆเพราะแรงกดดันซ้ำซากมันยากเกินจะรับ อย่างนั้นจะออกก็ออกเถอะ แต่ขอให้กัดฟันสะสางการงานในความรับผิดชอบให้เรียบร้อยก่อน ส่งมอบงานให้คนใหม่เขาเข้ามารับช่วงดีๆก่อน อย่าออกทั้งที่รู้ว่าเดี๋ยวจะมีคนเดือดร้อนแทนคุณ
คุณแค่รับรู้อย่างเดียวว่าไม่เอาแล้ว บ๊ายบาย ฉันไปก่อนล่ะ จะอ้างว่าไม่รับเงินเดือนงวดสุดท้าย ก็ไม่ได้เป็นการยุติธรรมอะไรเลยนะครับ คนเราไม่ใช่ทำงานแลกเงินเดือนอย่างเดียว ตัวงานเองคือการก่อกรรมชนิดต่างๆมากมายเหลือคณานับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรรมในด้านความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
ผมเคยเห็นนะครับ กลุ่มลูกจ้างไม่พอใจเจ้านาย ก็นัดแนะกันลาออก คือปรึกษากันแล้วเห็นชัดว่าถ้าแกล้งกอดคอลาออกอย่างพร้อมเพรียง บริษัทฉิบหายแน่ หรือเจ้านายต้องวิ่งวุ่นเหน็ดเหนื่อยขาขวิดแน่ๆ แบบนี้ผลกรรมในอนาคตจะต้องเป็นผู้เหนื่อยแทบกระอักเลือด เป็นผู้ที่คุมคนไม่ได้ และจะต้องแบกภาระหลายด้านพร้อมกัน ทำอันนี้ไม่ทันเสร็จก็มีอันโน้นเพิ่มทับเข้ามา บางคนคิดอย่างนี้นะครับ คือฉันไม่แคร์ว่าจะต้องพึ่งใครล่ะไม่ง้อใครต่อล่ะ ฉันพึ่งตัวเองได้ เพราะฉะนั้นฉันจะลาออกไปเป็นนายตัวเอง
อันนี้ขอบอกว่าถ้ามีเงินเก็บ มีทุนหนา หรือมีสายป่านยาวก็ดูเหมือนใครๆจะเป็นนายตัวเองกันได้จริง แต่แนะอย่าง หากคุณทํางานเป็นลูกน้องคนอื่นแล้วยังปราบพยศในตนเองไม่ได้ ยังดับนิสัยหุนหันพลันแล่นไม่ได้ ก็อย่าเสี่ยงทีเดียวครับ อย่าเพิ่งตัดสินใจเป็นนายตัวเองหรือคิดเป็นนายคนอื่น เพราะคุณสามารถปิดบริษัทได้เพียงด้วยเหตุผลเล็กๆเช่น เบื่อแล้ว เซ็งแล้ว ขี้เกียจทำต่อแล้ว ไม่อยากอดทนกับความกดดันต่างๆแล้ว และนั่นก็จะเป็นความเดือดร้อนของลูกน้องคุณถ้วนหน้า โดยที่ตัวคุณยังมีฟูกรองรับสบายๆ
ต้องมีวงเล็บไว้นิดหนึ่ง เดี๋ยวจะหาว่าเข้าข้างฝ่ายเจ้านายท่าเดียว ผมเคยเห็นอีกเหมือนกัน บริษัทที่มีนายมหาโหดราวกับผู้คุมนักโทษด่าว่าพนักงานด้วยนิสัยดุร้ายอันธพาล พูดจาหยาบคายยิ่งกว่าปากตลาด ทั้งที่มีการศึกษาสูง แม้จะเดินไปเข้าห้องน้ำก็เหล่แล้วเหล่อีก และหนักกว่าอะไรคือใช้งานคนเยี่ยงทาส ให้กลับดึกดื่นๆเป็นประจําโดยไม่มีโอที ไม่สนว่าผู้หญิงกลับค่ามืดจะมีอันตรายแค่ไหน
แบบนี้ต้องใช้ดุลยพินิจว่าเขาทำเกินไปหรือเปล่า ถ้าเกินไปแบบผิดผู้ผิดคนจริงๆ คุณลาออกมากะทันหันก็ไม่เป็นไรครับ
ถ้าเครียดเหมือนสติจะแตก ขอลาพักร้อนก็ไม่ได้ งานการประดังรุมเร้าเข้ามาไม่หยุดหย่อนด้วยภาวะความจำเป็นของบริษัท อันนี้ก็อาจต้องเอาตัวรอดเหมือนกัน ไม่งั้นเดี๋ยวไปลงเอยที่โรงพยาบาลบ้า ถ้าคุณกำยาหลายๆชุดพร้อมหน้าดำๆไปแสดงเป็นหลักฐาน เขาก็คงให้ออกด้วยความเห็นใจ ขออย่างเดียวอย่างแกล้งตกแต่งหลักฐานขึ้นมาทั้งรู้แก่ใจก็แล้วกัน
อยากสรุปคือวิธีลาออกอย่างปลอดภัยในทางธรรมจริงๆนั้นคือหัดปราบพยศในตนเองให้ราบคาบเสียก่อน แน่ใจแล้วว่าขณะตัดสินใจลาออกนั้น จิตใจคุณไม่เคืองแค้นอาฆาตใคร ไม่ทำไปเพื่อความสะใจหรือคิดประชดใครให้เขาผูกเจ็บ แต่ทำไปด้วยเหตุผลตามสมควรอย่างแท้จริง และไม่มีสิ่งใดติดค้างอยู่อีก
อ้างอิง : เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว 2 ดังตฤณ














