หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

พร้อมเพย์ สแกน VS บัตรเครดิต ข้อดี ข้อเสีย แต่ละระบบทั้งผู้บริโภค และผู้ให้บริการ

เนื้อหาโดย News Daily TH x เปิด War

ในยุคดิจิทัลที่การชำระเงินแบบไร้เงินสด (Cashless Society) กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้บริโภคและผู้ประกอบการต่างต้องเผชิญกับทางเลือกที่หลากหลายในระบบการชำระเงิน โดยสองระบบที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย ได้แก่ พร้อมเพย์แบบสแกน (PromptPay QR) และบัตรเครดิต (Credit Card) แต่ละระบบมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป บทความนี้จะวิเคราะห์เจาะลึกถึงรายละเอียด ประโยชน์ ข้อจำกัด และความเหมาะสมของแต่ละระบบ เพื่อให้ผู้อ่านสามารถตัดสินใจเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการ

พร้อมเพย์ (PromptPay) เป็นบริการโอนเงินและรับเงินที่ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้โครงการระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) ของรัฐบาลไทย เริ่มเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2560 โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมธนาคารไทยเป็นผู้ผลักดันหลัก

ประวัติและพัฒนาการของพร้อมเพย์

พร้อมเพย์ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมสังคมไร้เงินสดในประเทศไทย ลดต้นทุนการบริหารจัดการเงินสดของประเทศ และเพิ่มประสิทธิภาพในระบบการชำระเงิน โดยในช่วงแรกเน้นการผูกบัญชีธนาคารกับหมายเลขโทรศัพท์มือถือหรือเลขบัตรประชาชน ต่อมาได้พัฒนาเป็นระบบการชำระเงินด้วย QR Code ที่เรียกว่า "พร้อมเพย์ QR" หรือ "พร้อมเพย์สแกน"

จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ สิ้นปี 2567 มีผู้ลงทะเบียนใช้บริการพร้อมเพย์แล้วกว่า 80 ล้านราย และมีปริมาณธุรกรรมกว่า 20 ล้านรายการต่อวัน คิดเป็นมูลค่าการทำธุรกรรมมากกว่า 100,000 ล้านบาทต่อวัน

กลไกการทำงานของพร้อมเพย์สแกน

พร้อมเพย์สแกนทำงานผ่านมาตรฐาน QR Code ที่เรียกว่า Thai QR Code ซึ่งเป็นมาตรฐานที่พัฒนาโดย ธปท. ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย ระบบนี้ทำงานดังนี้:

  1. ผู้รับเงิน (ร้านค้า) จะแสดง QR Code ที่มีข้อมูลบัญชีรับเงิน
  2. ผู้จ่ายเงิน (ลูกค้า) ใช้แอปพลิเคชันธนาคารของตนสแกน QR Code
  3. การประมวลผล เกิดขึ้นผ่านระบบกลางที่เชื่อมต่อระหว่างธนาคารต่างๆ
  4. การยืนยัน ผู้จ่ายเงินยืนยันการโอนและรหัส PIN (หรือระบบยืนยันตัวตนอื่นๆ)
  5. การเสร็จสิ้น เงินจะถูกโอนจากบัญชีผู้จ่ายไปยังบัญชีผู้รับทันที

ปัจจุบัน พร้อมเพย์สแกนรองรับการชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งในประเทศไทย และยังรองรับ e-Wallet ต่างๆ เช่น TrueMoney Wallet, Rabbit LINE Pay และอื่นๆ

การประยุกต์ใช้พร้อมเพย์สแกนในปัจจุบัน

ระบบพร้อมเพย์สแกนได้รับการนำไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายรูปแบบ:

จากการศึกษาของศูนย์วิจัยกสิกรไทยในปี 2567 พบว่า 92% ของร้านค้าขนาดเล็กในประเทศไทยเปิดรับการชำระเงินผ่านพร้อมเพย์สแกน เนื่องจากค่าธรรมเนียมที่ต่ำและความสะดวกในการใช้งาน

ระบบชำระเงินเครดิตการ์ด

บัตรเครดิต (Credit Card) เป็นระบบการชำระเงินที่มีประวัติยาวนานกว่า 70 ปี โดยเริ่มต้นในประเทศสหรัฐอเมริกาและได้แพร่หลายไปทั่วโลก ในประเทศไทย บัตรเครดิตเริ่มเข้ามามีบทบาทอย่างจริงจังในช่วงทศวรรษ 2530

ประวัติและพัฒนาการของบัตรเครดิตในประเทศไทย

บัตรเครดิตเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกโดยบริษัทบัตรเครดิตต่างประเทศอย่าง American Express และ Diners Club ในช่วงปี พ.ศ. 2510 ต่อมาธนาคารพาณิชย์ไทยจึงเริ่มออกบัตรเครดิตของตนเอง โดยธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารแรกที่ออกบัตรเครดิตในปี พ.ศ. 2530

จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ สิ้นปี 2567 ประเทศไทยมีบัตรเครดิตที่ออกโดยผู้ให้บริการที่ได้รับอนุญาตทั้งสิ้นประมาณ 25 ล้านใบ และมีปริมาณธุรกรรมมากกว่า 50 ล้านรายการต่อเดือน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายรวมประมาณ 200,000 ล้านบาทต่อเดือน

กลไกการทำงานของระบบเครดิตการ์ด

ระบบเครดิตการ์ดทำงานผ่านเครือข่ายการชำระเงินระหว่างประเทศ เช่น Visa, Mastercard, JCB และ UnionPay โดยมีกลไกดังนี้:

  1. ผู้ถือบัตร นำบัตรเครดิตมาชำระเงินที่เครื่อง EDC (Electronic Data Capture) หรือรูดผ่านเว็บไซต์ (สำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์)
  2. เครื่อง EDC ส่งข้อมูลไปยังผู้ให้บริการบัตรเครดิต (Issuer) ผ่านเครือข่ายการชำระเงิน (Payment Network)
  3. การอนุมัติ ผู้ให้บริการบัตรตรวจสอบวงเงิน ความถูกต้อง และส่งผลการอนุมัติกลับมา
  4. การเรียกเก็บเงิน ผู้ให้บริการรับบัตร (Acquirer) จะโอนเงินให้กับร้านค้าหลังหักค่าธรรมเนียม (Merchant Discount Rate: MDR)
  5. การชำระคืน ผู้ถือบัตรจะได้รับใบแจ้งยอดและต้องชำระเงินคืนตามกำหนด

ปัจจุบัน เทคโนโลยีบัตรเครดิตได้พัฒนาไปสู่การใช้ชิป EMV (Europay, Mastercard, Visa) แทนแถบแม่เหล็ก และรองรับการชำระเงินแบบไร้สัมผัส (Contactless Payment) ด้วยเทคโนโลยี NFC (Near Field Communication)

การประยุกต์ใช้เครดิตการ์ดในปัจจุบัน

บัตรเครดิตถูกนำไปใช้ในหลากหลายรูปแบบ:

การศึกษาจาก Visa ในปี 2567 พบว่า กว่า 85% ของร้านค้าขนาดกลางและใหญ่ในประเทศไทยรับชำระเงินผ่านบัตรเครดิต โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและการค้าปลีก

ข้อดี-ข้อเสีย ระบบพร้อมเพย์สแกนและเครดิตการ์ดในมุมผู้ใช้งาน

ข้อดีของพร้อมเพย์สแกนสำหรับผู้ใช้งาน

  1. ความสะดวกรวดเร็ว: การชำระเงินใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที เพียงสแกนและยืนยัน
  2. ไม่มีค่าธรรมเนียม: ผู้ใช้งานไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการโอนเงินหรือชำระเงิน
  3. ความปลอดภัยสูง: ใช้ระบบยืนยันตัวตนของแอปพลิเคชันธนาคาร เช่น PIN, ลายนิ้วมือ หรือการสแกนใบหน้า
  4. ไม่ต้องพกบัตรหรือเงินสด: ใช้เพียงสมาร์ทโฟนในการชำระเงิน
  5. ติดตามรายการใช้จ่ายง่าย: ธุรกรรมแสดงทันทีในแอปพลิเคชันธนาคาร
  6. วงเงินตามยอดเงินในบัญชี: ไม่มีความเสี่ยงในการใช้จ่ายเกินตัว

งานวิจัยจาก PwC Thailand ในปี 2566 พบว่า 78% ของผู้บริโภคชาวไทยรู้สึกพึงพอใจกับความสะดวกของพร้อมเพย์สแกน และ 65% ระบุว่าการไม่มีค่าธรรมเนียมเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เลือกใช้บริการนี้

ข้อเสียของพร้อมเพย์สแกนสำหรับผู้ใช้งาน

  1. ต้องมีอินเทอร์เน็ต: ไม่สามารถใช้งานได้หากไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต
  2. ต้องมีแบตเตอรี่: หากโทรศัพท์หมดแบตเตอรี่ จะไม่สามารถชำระเงินได้
  3. ไม่มีวงเงินสินเชื่อ: ใช้ได้เฉพาะเงินที่มีในบัญชีเท่านั้น
  4. ไม่มีระบบการคุ้มครองผู้บริโภค: หากเกิดปัญหากับสินค้าหรือบริการ การเรียกร้องเงินคืนทำได้ยากกว่า
  5. ยังไม่รองรับการใช้งานทั่วโลก: ระบบพร้อมเพย์ยังรองรับการใช้ในประเทศน้อย มีเพียง Pay Now ของสิงค์โปรเท่านั้นที่รองรับการสแกนและเงินเข้าทันทีเหมือนใช้ที่ประเทศไทย (PromptPay-PayNow) ส่วนการโอนเข้าประเทศ PromptPay Cross-Border ยังมีฟังก์ชั่นพื้นฐานต่างกันบ้างเล็กน้อย รองรับประเทศ สิงคโปร์, มาเลเซีย อินโดนีเซีย, เวียดนาม, ลาว, กัมพูชา, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น
  6. ไม่มีสิทธิประโยชน์พิเศษ: ไม่มีระบบคะแนนสะสมหรือส่วนลดเหมือนบัตรเครดิต

การสำรวจโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยในปี 2567 พบว่า 42% ของผู้ใช้งานพร้อมเพย์สแกนระบุว่าการไม่มีระบบสินเชื่อและสิทธิประโยชน์เป็นข้อจำกัดสำคัญของระบบนี้


บทความที่น่าสนใจ by News Daily TH
✪ รู้หรือไม่? ปัจจุบันประเทศฝรั่งเศสมีพรรคคอมมิวนิสต์อย่างเป็นทางการอยู่

✪ โกลด์แมน แซคส์ เคยกว้านซื้อหนี้คนไทยช่วงวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง


ข้อดีของเครดิตการ์ดสำหรับผู้ใช้งาน

  1. วงเงินสินเชื่อ: สามารถใช้จ่ายก่อนและชำระเงินภายหลัง
  2. การแบ่งชำระ: มีบริการผ่อนชำระสินค้าและบริการแบบ 0% หรือดอกเบี้ยต่ำ
  3. สิทธิประโยชน์มากมาย: คะแนนสะสม ส่วนลด สิทธิพิเศษต่างๆ
  4. การคุ้มครองผู้บริโภค: สามารถปฏิเสธการจ่ายเงิน (Chargeback) ได้หากสินค้าไม่ได้มาตรฐาน
  5. ประกันภัยการเดินทาง: บัตรเครดิตหลายประเภทมีประกันภัยการเดินทางในต่างประเทศ
  6. ใช้งานได้ทั่วโลก: รองรับการใช้งานในต่างประเทศผ่านเครือข่ายระหว่างประเทศ

การศึกษาจาก Mastercard ในปี 2567 พบว่า 67% ของผู้ถือบัตรเครดิตในประเทศไทยให้ความสำคัญกับสิทธิประโยชน์และระบบคะแนนสะสม และ 58% ใช้บริการแบ่งชำระ 0% อย่างน้อย 2 ครั้งต่อปี

ข้อเสียของเครดิตการ์ดสำหรับผู้ใช้งาน

  1. ดอกเบี้ยสูง: หากไม่ชำระเต็มจำนวน จะมีดอกเบี้ย 15-20% ต่อปี
  2. ค่าธรรมเนียมรายปี: บัตรเครดิตส่วนใหญ่มีค่าธรรมเนียมรายปี
  3. ความเสี่ยงเรื่องหนี้สิน: อาจนำไปสู่การใช้จ่ายเกินตัวและปัญหาหนี้สิน
  4. เงื่อนไขซับซ้อน: มีเงื่อนไขและข้อกำหนดจำนวนมาก
  5. ความปลอดภัย: มีความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมข้อมูลบัตร
  6. การอนุมัติ: ต้องผ่านเกณฑ์การอนุมัติ เช่น มีรายได้ขั้นต่ำ มีประวัติเครดิตดี

จากข้อมูลของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ในปี 2567 พบว่ามีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับบัตรเครดิตกว่า 3,000 กรณี โดย 45% เป็นเรื่องดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม และ 25% เกี่ยวกับปัญหาหนี้บัตรเครดิต

ข้อดี-ข้อเสีย ระบบพร้อมเพย์สแกน และเครดิตการ์ด ในมุมผู้ให้บริการ

ข้อดีของพร้อมเพย์สแกนสำหรับผู้ให้บริการ

  1. ค่าธรรมเนียมต่ำ: อัตราค่าธรรมเนียม (MDR) เพียง 0.55-0.80% ต่ำกว่าบัตรเครดิต
  2. รับเงินทันที: เงินเข้าบัญชีร้านค้าทันที ไม่ต้องรอเคลียร์รายการ
  3. ต้นทุนเริ่มต้นต่ำ: ไม่จำเป็นต้องมีเครื่อง EDC เพียงพิมพ์ QR Code ก็สามารถรับชำระได้
  4. ไม่มีความเสี่ยงเรื่องเช็คเด้ง: ได้รับเงินจริงทุกรายการ ไม่มีเช็คเด้งหรือเงินปลอม
  5. บริหารสภาพคล่องง่าย: เงินเข้าบัญชีทันที ช่วยให้บริหารกระแสเงินสดได้ดีขึ้น
  6. เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น: รองรับลูกค้าที่ไม่ได้ถือบัตรเครดิต

การศึกษาของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยในปี 2567 พบว่า 89% ของผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ที่เปิดรับพร้อมเพย์สแกนรายงานว่าค่าธรรมเนียมที่ต่ำเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจ

ข้อเสียของพร้อมเพย์สแกนสำหรับผู้ให้บริการ

  1. วงเงินจำกัด: ลูกค้าสามารถใช้จ่ายได้เท่าที่มีเงินในบัญชี ทำให้อาจเสียโอกาสในการขาย
  2. ไม่สามารถเรียกเก็บอัตโนมัติ: ไม่มีระบบการเรียกเก็บเงินแบบรายเดือนหรือตามรอบบิล
  3. ข้อจำกัดทางเทคนิค: บางครั้งอาจเกิดปัญหาการสแกนหรือการเชื่อมต่อ
  4. ใช้งานได้เฉพาะในประเทศ: ไม่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
  5. ขาดข้อมูลลูกค้า: ไม่มีระบบการเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้า
  6. ไม่มีระบบ Loyalty Program: ขาดระบบสะสมคะแนนหรือส่วนลดแบบอัตโนมัติ

รายงานจากสมาคมผู้ค้าปลีกไทยในปี 2567 ระบุว่า 37% ของผู้ประกอบการที่รับชำระผ่านพร้อมเพย์สแกนมองว่าการไม่มีระบบ Loyalty Program และข้อมูลลูกค้าเป็นข้อเสียสำคัญของระบบนี้.

ข้อดีของเครดิตการ์ดสำหรับผู้ให้บริการ

  1. ยอดขายสูงขึ้น: ลูกค้าสามารถใช้จ่ายได้มากกว่าเงินที่มีในบัญชี
  2. การแบ่งชำระ: สามารถเสนอโปรแกรมผ่อนชำระ 0% เพื่อดึงดูดลูกค้า
  3. เข้าถึงลูกค้าต่างชาติ: รองรับลูกค้าจากทั่วโลกผ่านเครือข่ายบัตรระหว่างประเทศ
  4. ระบบส่งเสริมการขาย: มีโปรแกรมส่งเสริมการขายร่วมกับผู้ให้บริการบัตร
  5. ข้อมูลลูกค้า: เข้าถึงข้อมูลพฤติกรรมการใช้จ่ายเพื่อวางแผนการตลาด
  6. ความน่าเชื่อถือ: สร้างภาพลักษณ์ของธุรกิจที่น่าเชื่อถือและทันสมัย

ผลสำรวจจาก Visa Business Research ในปี 2567 พบว่า ร้านค้าที่รับชำระผ่านบัตรเครดิตมียอดขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 12-15% เมื่อเทียบกับร้านค้าที่รับเฉพาะเงินสด และ 72% ของผู้ประกอบการมองว่าระบบผ่อนชำระ 0% ช่วยเพิ่มยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ

ข้อเสียของเครดิตการ์ดสำหรับผู้ให้บริการ

  1. ค่าธรรมเนียมสูง: อัตราค่าธรรมเนียม (MDR) ประมาณ 1.5-3.5% ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจ
  2. การรอรับเงิน: มักใช้เวลา 1-3 วันทำการในการเคลียร์ยอดและรับเงิน
  3. ต้นทุนอุปกรณ์: ต้องลงทุนในเครื่อง EDC และระบบที่เกี่ยวข้อง
  4. ความเสี่ยงเรื่อง Chargeback: ลูกค้าสามารถปฏิเสธการจ่ายเงินได้ภายหลัง
  5. ขั้นตอนซับซ้อน: มีกระบวนการสมัคร ตรวจสอบ และรายงานที่ซับซ้อน
  6. การทุจริต: มีความเสี่ยงจากบัตรปลอมหรือการใช้บัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต

จากข้อมูลของสภาธุรกิจตลาดทุนไทยในปี 2567 พบว่า 65% ของผู้ประกอบการ SMEs มองว่าค่าธรรมเนียมที่สูงเป็นอุปสรรคสำคัญในการรับชำระผ่านบัตรเครดิต และ 38% กังวลเรื่องการเคลียร์เงินที่ล่าช้า

ข้อควรระวังของแต่ละระบบ

การเลือกใช้ระบบการชำระเงินทั้งสองแบบมีข้อควรระวังที่แตกต่างกัน ผู้บริโภคและผู้ให้บริการควรตระหนักถึงความเสี่ยงเหล่านี้

ข้อควรระวังของระบบพร้อมเพย์สแกน

  1. การฉ้อโกงผ่าน QR Code ปลอม: มิจฉาชีพอาจสร้าง QR Code ปลอมเพื่อหลอกให้โอนเงิน
    • คำแนะนำ: ตรวจสอบชื่อบัญชีผู้รับเงินทุกครั้งก่อนยืนยันการโอน
  2. การสแกนผิดร้านค้า: โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีร้านค้าหลายร้านใกล้กัน
    • คำแนะนำ: ตรวจสอบจำนวนเงินและชื่อร้านค้าให้ถูกต้องก่อนยืนยัน
  3. ปัญหาการเชื่อมต่อ: ในบางพื้นที่อาจมีสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร
    • คำแนะนำ: เตรียมวิธีการชำระเงินสำรองไว้เสมอ
  4. การรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัว: การใช้แอปพลิเคชันบางประเภทอาจเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล
    • คำแนะนำ: ใช้แอปพลิเคชันจากธนาคารที่เชื่อถือได้ และอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
  5. ข้อจำกัดวงเงินการโอน: ธนาคารแต่ละแห่งมีการกำหนดวงเงินการโอนต่อครั้ง/วัน
    • คำแนะนำ: ตรวจสอบและปรับวงเงินให้เหมาะสมกับความต้องการใช้งาน

จากสถิติของศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงินในปี 2567 พบว่ามีการแจ้งเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการฉ้อโกงผ่าน QR Code ปลอมประมาณ 500 กรณี คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท

ข้อควรระวังของระบบเครดิตการ์ด

  1. การรั่วไหลของข้อมูลบัตร: ข้อมูลบัตรอาจถูกขโมยเมื่อใช้ในเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย
    • คำแนะนำ: ใช้บริการเฉพาะเว็บไซต์ที่มีระบบความปลอดภัย (https) และมีการยืนยันตัวตนแบบ 3D Secure
  2. ดอกเบี้ยและค่าปรับ: หากชำระล่าช้าหรือชำระขั้นต่ำจะมีดอกเบี้ยสูง
    • คำแนะนำ: ตั้งการแจ้งเตือนวันครบกำหนดชำระ และพยายามชำระเต็มจำนวนทุกครั้ง
  3. เงื่อนไขโปรโมชันที่ซับซ้อน: โปรโมชันบัตรเครดิตมักมีเงื่อนไขมากมาย
    • คำแนะนำ: อ่านเงื่อนไขให้ละเอียดก่อนตัดสินใจใช้โปรโมชัน
  4. การใช้จ่ายเกินตัว: บัตรเครดิตอาจทำให้ใช้จ่ายมากเกินไป
    • คำแนะนำ: กำหนดงบประมาณและติดตามการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ
  5. ค่าธรรมเนียมแฝง: เช่น ค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน ค่าธรรมเนียมการถอนเงินสด
    • คำแนะนำ: ศึกษาตารางค่าธรรมเนียมของบัตรให้เข้าใจก่อนใช้งาน

ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ในปี 2567 พบว่า มีการร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาบัตรเครดิตกว่า 4,000 กรณี โดย 60% เป็นเรื่องค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ พร้อมเพย์ และเครดิตการ์ด

1. ระบบไหนปลอดภัยกว่ากัน ระหว่างพร้อมเพย์สแกนกับเครดิตการ์ด?

ทั้งสองระบบมีมาตรการความปลอดภัยที่แตกต่างกัน พร้อมเพย์สแกนมีความปลอดภัยสูงเนื่องจากต้องยืนยันตัวตนทุกครั้งผ่านระบบของธนาคาร (PIN, ลายนิ้วมือ หรือใบหน้า) และไม่มีการเปิดเผยข้อมูลบัญชีแก่ร้านค้า

ส่วนบัตรเครดิตมีระบบป้องกันการฉ้อโกงและสามารถปฏิเสธการจ่ายเงินได้ (Chargeback) แต่มีความเสี่ยงจากการที่ข้อมูลบัตรอาจรั่วไหล โดยเฉพาะในการใช้งานออนไลน์

จากการศึกษาของ Cybersecurity Research Center ในปี 2567 พบว่า อัตราการฉ้อโกงในระบบพร้อมเพย์อยู่ที่ประมาณ 0.002% ของจำนวนธุรกรรมทั้งหมด ขณะที่บัตรเครดิตมีอัตราการฉ้อโกงประมาณ 0.07%

2. ระบบไหนมีต้นทุนต่ำกว่าสำหรับร้านค้า?

พร้อมเพย์สแกนมีต้นทุนต่ำกว่าอย่างชัดเจน ทั้งในแง่ของค่าธรรมเนียมและการลงทุนเริ่มต้น โดยค่าธรรมเนียม (MDR) ของพร้อมเพย์อยู่ที่ 0.55-0.80% เทียบกับบัตรเครดิตที่ 1.5-3.5%

นอกจากนี้ พร้อมเพย์ไม่จำเป็นต้องมีอุปกรณ์พิเศษ เพียงแค่พิมพ์ QR Code ติดไว้ก็สามารถรับชำระเงินได้ ขณะที่บัตรเครดิตต้องมีเครื่อง EDC ซึ่งมีค่าเช่าหรือค่าซื้อ

การศึกษาของสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยในปี 2567 พบว่า ร้านค้าที่เปลี่ยนจากการรับชำระผ่านบัตรเครดิตมาเป็นพร้อมเพย์สแกนสามารถลดต้นทุนการรับชำระได้ 60-70%

3. ลูกค้าสูงอายุควรเลือกใช้ระบบไหน?

คำตอบขึ้นอยู่กับความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีของแต่ละบุคคล ผู้สูงอายุที่คุ้นเคยกับสมาร์ทโฟนอาจพบว่าพร้อมเพย์สแกนใช้งานง่ายกว่า เนื่องจากไม่ต้องจำรหัส และมีขั้นตอนที่ชัดเจน

ในทางกลับกัน ผู้สูงอายุที่คุ้นเคยกับบัตรเครดิตอยู่แล้วอาจรู้สึกสะดวกกับการใช้บัตรมากกว่า โดยเฉพาะในร้านค้าที่มีพนักงานคอยช่วยเหลือ

จากการสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ในปี 2567 พบว่า 62% ของผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) ที่ใช้สมาร์ทโฟนเลือกใช้พร้อมเพย์สแกนเป็นวิธีการชำระเงินหลัก ขณะที่ 35% ยังคงนิยมใช้บัตรเครดิต

4. หากต้องการสะสมคะแนนหรือรับส่วนลด ควรเลือกระบบใด?

บัตรเครดิตมีข้อได้เปรียบชัดเจนในด้านการสะสมคะแนนและรับส่วนลด โดยผู้ให้บริการบัตรเครดิตมักมีโปรแกรมสะสมคะแนน ส่วนลดร้านค้า และสิทธิพิเศษต่างๆ มากมาย

พร้อมเพย์สแกนไม่มีระบบสะสมคะแนนโดยตรง แต่ปัจจุบันรัฐบาลมีโครงการสนับสนุนบางโครงการ เช่น "คนละครึ่ง" หรือ "เราชนะ" ที่ต้องใช้การชำระผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" ซึ่งใช้ระบบพร้อมเพย์

การศึกษาของ Nielsen Thailand ในปี 2567 พบว่า 78% ของผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับการสะสมคะแนนและส่วนลดเลือกใช้บัตรเครดิตเป็นวิธีการชำระเงินหลัก

5. ระบบใดเหมาะกับการใช้งานในต่างประเทศ?

บัตรเครดิตเหมาะกับการใช้งานในต่างประเทศมากกว่า เนื่องจากระบบพร้อมเพย์ใช้ได้เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น บัตรเครดิตสามารถใช้ได้ทั่วโลกผ่านเครือข่าย Visa, Mastercard, JCB หรือ UnionPay

นอกจากนี้ บัตรเครดิตยังมีบริการเสริมสำหรับการเดินทาง เช่น ประกันการเดินทาง บริการห้องรับรองที่สนามบิน และอัตราแลกเปลี่ยนที่แน่นอน

อย่างไรก็ตาม ควรแจ้งธนาคารก่อนการใช้บัตรในต่างประเทศ และระวังค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงิน (Foreign Exchange Fee) ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 2.5% ของยอดใช้จ่าย

6. ระบบไหนดีกว่าสำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์?

ทั้งสองระบบสามารถใช้สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์ได้ แต่มีข้อแตกต่าง:

บัตรเครดิตเป็นวิธีที่แพร่หลายกว่าและรองรับเว็บไซต์จากทั่วโลก มีระบบคุ้มครองผู้บริโภคในกรณีที่ไม่ได้รับสินค้าหรือสินค้าไม่ตรงตามที่โฆษณา ผ่านกระบวนการ Chargeback

พร้อมเพย์สแกนเริ่มมีการใช้งานในเว็บไซต์ออนไลน์มากขึ้น โดยเฉพาะเว็บไซต์ในประเทศไทย แต่ยังไม่รองรับเว็บไซต์ต่างประเทศ และไม่มีระบบคุ้มครองผู้บริโภคโดยตรง

การสำรวจของ Ipsos ในปี 2567 พบว่า 72% ของผู้บริโภคชาวไทยเลือกใช้บัตรเครดิตสำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์จากเว็บไซต์ต่างประเทศ ขณะที่ 65% เลือกใช้พร้อมเพย์หรือการโอนเงินสำหรับเว็บไซต์ในประเทศ

7. ธุรกิจขนาดเล็กควรเลือกใช้ระบบใด?

สำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่มีเงินทุนจำกัด พร้อมเพย์สแกนมักเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า เนื่องจาก:

อย่างไรก็ตาม หากธุรกิจต้องการขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง หรือลูกค้าต่างชาติ การรับบัตรเครดิตก็เป็นสิ่งจำเป็น

การสำรวจของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในปี 2567 พบว่า 85% ของธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้น (Startup) เลือกใช้พร้อมเพย์สแกนเป็นระบบการชำระเงินหลักในช่วงแรก

8. ระบบใดมีแนวโน้มเติบโตมากกว่าในอนาคต?

ทั้งสองระบบมีแนวโน้มเติบโตต่อไป แต่ในอัตราและรูปแบบที่แตกต่างกัน:

พร้อมเพย์สแกนมีอัตราการเติบโตสูงมากในประเทศไทย โดยคาดว่าจะมีการใช้งานเพิ่มขึ้น 25-30% ต่อปีในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้รายย่อยและร้านค้าขนาดเล็ก

บัตรเครดิตจะยังคงเติบโตในอัตราที่ช้ากว่า (5-7% ต่อปี) แต่จะยังคงครองส่วนแบ่งตลาดในด้านมูลค่าธุรกรรมโดยรวม โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าและบริการที่มีมูลค่าสูง

การวิเคราะห์จาก Boston Consulting Group ในปี 2567 คาดการณ์ว่าภายในปี 2572 สัดส่วนการชำระเงินผ่านระบบ QR Code และ Mobile Payment (รวมพร้อมเพย์สแกน) จะเติบโตถึง 45% ของธุรกรรมการชำระเงินทั้งหมดในประเทศไทย ขณะที่บัตรเครดิตจะอยู่ที่ประมาณ 20%

สรุปบทความ พร้อมเพย์ VS เครดิตการ์ด ข้อดี ข้อเสีย ของแต่ละระบบ

ระบบการชำระเงินทั้งพร้อมเพย์สแกนและบัตรเครดิตมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป การเลือกใช้ระบบใดขึ้นอยู่กับความต้องการและบริบทของผู้ใช้งาน

สำหรับผู้บริโภค:

สำหรับผู้ให้บริการ:

แนวโน้มในอนาคต ทั้งสองระบบจะยังคงเติบโตและพัฒนาควบคู่กันไป โดยพร้อมเพย์สแกนอาจมีการพัฒนาให้รองรับการใช้งานระหว่างประเทศมากขึ้น ขณะที่บัตรเครดิตจะพัฒนาด้านความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน

ท้ายที่สุด การชำระเงินแบบไร้เงินสดไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตามช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการเงินสด เพิ่มความปลอดภัย และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ ผู้บริโภคและผู้ให้บริการควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียของแต่ละระบบ เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการและบริบทที่แตกต่างกัน


บทความที่น่าสนใจ by News Daily TH

✪ ประเทศที่มีการเก็บค่าถุงพลาสติกร้านค้ามีประเทศอะไรบ้าง? อัตราอยู่ที่เท่าไร?

✪ หุ้นโรงพยาบาลเอกชนไทยขึ้นเกือบทุกปี ปัญหาค่ารักษาและประกันที่เริ่มเข้าถึงยากขึ้น

✪ คอนโดมิเนียม กับเพนท์เฮ้าส์ ต่างกันยังไง?

หากอ่านแล้วบทความมีประโยชน์ กดโหวต ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️ ให้ด้วยนะคะ

เนื้อหาโดย: News Daily TH
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
News Daily TH x เปิด War's profile


โพสท์โดย: News Daily TH x เปิด War
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
15 VOTES (5/5 จาก 3 คน)
VOTED: News Daily TH x เปิด War, phenpiram, paktronghie
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สูตรคำนวณงวด 1/6/68อีกภาพของถนนธนาลัย จังหวัดเชียงราย ในอดีต – ความทรงจำก่อน พ.ศ. ๒๕๐๐ กับร้าน “ซีเปียว” ที่เคยมีอยู่จริงขายสนุกเกินไป? หนุ่มไอศกรีมตุรกีเจอเจ้าหน้าที่บุก หลังไวรัลบนถนนข้าวสาร
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ตำนานคำสาปเจ้าหญิงเลือดขาวแห่งเกาะลังกาวี เรื่องจริงหรือนิทาน?
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ทั่วไป
พิษรักแรงทุกข์บานไม่รู้โรยป่าผักโขมยักษ์ ผักพื้นบ้าน“เสรีภาพในการตาย” สิ่งที่เราควรมีหรือไม่
ตั้งกระทู้ใหม่