แปรงฟันทุกวัน แต่ทำไมยังปากเหม็น? เรื่องจริงที่ฟังแล้วอาจต้องรีบส่องกระจก
เคยไหม... แปรงฟันสะอาดเอี่ยมทุกเช้า-เย็น แต่คนรอบข้างยังขยับตัวห่าง หรือเพื่อนสนิทแอบยื่นหมากฝรั่งให้แบบมีนัยยะ หรือแม้แต่ตัวเองยังรู้สึก “เอ๊ะ...ปากเรากลิ่นอะไรเนี่ย?”
ถ้าใช่ บทความนี้คือสิ่งที่คุณควรอ่านให้จบ เพราะกลิ่นปากไม่ใช่แค่เรื่องของฟัน แต่อาจเป็นเสียงเตือนจากร่างกายลึก ๆ ก็ได้
แปรงฟันแล้ว... กลิ่นมาจากไหนกันแน่?
ความเข้าใจผิดอันดับหนึ่งคือคิดว่า “กลิ่นปากเกิดจากฟันเท่านั้น” ทั้งที่ความจริงแล้วมี “หลายจุดในร่างกาย” ที่สามารถปล่อยกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมาได้ เช่น...
ลิ้น
บนลิ้นของเราคือแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่ใหญ่ที่สุดในช่องปาก โดยเฉพาะบริเวณโคนลิ้น ถ้าไม่ขูดลิ้นหรือทำความสะอาดให้ดี กลิ่นเหม็นจากของเสียที่หมักหมมตรงนั้นจะฟุ้งออกมาแม้ฟันจะสะอาดแค่ไหนก็ตาม
เหงือกและร่องฟัน
หากมีคราบจุลินทรีย์หรือหินปูนสะสม จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของเหงือก (เหงือกบวม มีเลือดออก) ซึ่งเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรียส่งกลิ่นอีกเช่นกัน
ฟันผุ
รูเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็นก็เป็นที่ซ่อนของเศษอาหารและเชื้อโรคได้ดีมาก โดยเฉพาะหากผุในซอกฟันหรือใกล้เหงือก กลิ่นจะยิ่งรุนแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ช่องปากแห้ง
น้ำลายมีหน้าที่ล้างปากและควบคุมเชื้อแบคทีเรีย ถ้าคุณนอนอ้าปาก ดื่มน้ำน้อย หรือกินยาบางชนิดที่ทำให้ปากแห้ง กลิ่นปากจะชัดขึ้น เพราะไม่มีน้ำลายคอย “ทำความสะอาดตามธรรมชาติ”
ไซนัสอักเสบ / ต่อมทอนซิล
หากมีกลิ่นปากเรื้อรังและแปรงฟันก็ไม่ช่วย อาจมาจากหนองในไซนัส น้ำมูกไหลลงคอ หรือก้อนหนองเล็ก ๆ ที่ติดอยู่ในร่องของต่อมทอนซิล ซึ่งมักมีลักษณะเป็นจุดขาว ๆ และกลิ่นแรงมาก
โรคทางระบบภายใน
ในบางกรณี กลิ่นปากอาจเกี่ยวข้องกับโรคระบบ เช่น เบาหวาน (กลิ่นคล้ายผลไม้บูด), โรคไต (กลิ่นคล้ายปัสสาวะ), หรือโรคกระเพาะอาหารเรื้อรัง
วิธีป้องกันกลิ่นปากที่ได้ผลจริง
-
แปรงลิ้นทุกวัน ใช้แปรงหรือที่ขูดลิ้นโดยเฉพาะ (อย่าใช้แรงมาก เดี๋ยวลิ้นถลอก!)
-
ใช้ไหมขัดฟัน ขจัดเศษอาหารในซอกฟันที่แปรงเข้าไม่ถึง
-
ใช้น้ำยาบ้วนปากแบบไม่มีแอลกอฮอล์ เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรียโดยไม่ทำให้ปากแห้ง
-
ดื่มน้ำให้เพียงพอ โดยเฉพาะหลังตื่นนอน และระหว่างวัน
-
งดอาหารมีกลิ่นแรง เช่น กระเทียม หอมใหญ่ ชา กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
-
พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจหาฟันผุหรือหินปูนที่ต้องขูดออก
ถ้าป้องกันแล้วยังมีกลิ่น ต้องรักษาแบบเจาะจุด
-
กลิ่นจากเหงือกอักเสบหรือฟันผุ: ต้องขูดหินปูน รักษาเหงือก และอุดฟัน
-
กลิ่นจากทอนซิลหรือไซนัส: อาจต้องพบหมอหูคอจมูกเพื่อประเมินหนองหรืออักเสบเรื้อรัง
-
กลิ่นจากระบบภายใน: พบแพทย์เพื่อเช็กสุขภาพร่างกายโดยรวม อาจเป็นสัญญาณของโรคที่ต้องดูแลจริงจัง
กลิ่นปากไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะมันส่งผลต่อความมั่นใจ ความสัมพันธ์ และการเข้าสังคม ยิ่งเราคิดว่า “แปรงทุกวันแล้วไม่ต้องห่วง” ยิ่งอาจปล่อยปัญหาไว้โดยไม่รู้ตัว
ถ้าอยากให้ปากหอม สดชื่นจริง ๆ ต้องใส่ใจมากกว่าแค่แปรงฟัน
เริ่มวันนี้...แค่ลองส่องลิ้น เช็กเหงือก และเติมน้ำเปล่าสักแก้ว แล้วค่อยคุยกับคนข้าง ๆ ว่ายังได้กลิ่นอยู่ไหมนะ?
















