เที่ยวแบบเด็ก Gen Alpha เด็กยุคใหม่ฉลาดสุดในเผ่าพันธุ์มนุษย์
Gen Alpha เชื่อว่าฉลาดสุดในเผ่าพันธุ์มนุษย์ เพราะเกิดมาในยุคเทคโนโลยีที่ก้าวไกล
ค้นหาข้อมูลใหม่ได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องพึ่งพาพ่อแม่
วันนี้จะมาพูดถึงเรื่องราวของการแบ่งกลุ่มคนแยกตามเจน หรือช่วงอายุและปีที่เกิด สามารถบอกได้ถึงลักษณะต่างๆ ของแต่ละวัยว่ามีความชอบในเรื่องไหน ความสนใจแต่ละช่วงต่างกันอย่างไร ซึ่งจะพุ่งตรงไปที่เจนที่เชื่อว่ามีความฉลาดมากที่สุดในกลุ่มมนุษย์เลย พวกเขานั้นเกิดมาในยุคที่ ก้าวหน้าทางเทคโนโลยี นับตามอายุคือช่วงอายุตั้งแต่ 10 ปีลงมา เขาจะบอกว่าเด็ก Gen Alpha นั้นไม่เคยใช้ชีวิตโดยขาดสมาทโฟน มีพฤติกรรมแสดงออกผ่านโลกออนไลน์ที่รวดเร็ว ความคิดและการกระทำของเด็กเจนนี้จะมีความหลากหลายมิติ อาชีพและการงานจะมีความเปลี่ยนไป
มาในเรื่องของการศึกษานั้นจะมีความเป็นปัจเจก มีความเฉพาะบุคคลเฉพาะกลุ่ม การเรียนรู้ในโลกออนไลน์ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องเรียนรู้แค่ในห้องเรียน ไม่ชอบให้ใครมาตีกรอบนั่นเอง
กิจกรรมในวันหยุดของเด็กเจนนี้ จะต้องมีเพราะว่าเขาจะหากิจกรรมทำอยู่ตลอดเวลาหากว่าไม่มีอะไรทำ เขาจะหาและสร้างกิจกรรมเองไม่ชอบการอยู่นิ่ง จึงได้จัดกิจกรรมพามาปล่อยพลังที่สวนน้ำบ้านไผ่ ซึ่งครั้งนี้จะให้ลงน้ำเล่นคนเดียวเพราะโตขึ้นมากกว่าเดิม คุยรู้เรื่องบ้าง ในเรื่องของการเล่นอย่างปลอดภัย เมื่อมาถึงลงเล่นในน้ำทันทีเลย คงเพราะอากาศร้อน การพูดเพื่อให้หยุดนั้นไม่มีมีแต่เหมือนบอกว่าให้รีบไปอย่างเร็ว
สถานที่แห่งนี้อยู่ห่างจากเขตชุมชน จึงอาจทำให้น้ำดูสะอาด แต่ฝนและพายุอาจจะนำพาเศษใบไม้มาตกลงในน้ำ แต่ในน้ำนั้นมีการสร้างแรงดันเพื่อให้เกิดออกซิเจน ในการเล่นน้ำรอบขอบสระจึงมีน้ำพุ่งช่วยเพิ่มความสนุกในการเล่นน้ำของเด็กๆ
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามที่มาที่นี่ ในช่วงของอากาศร้อนจัด เล่นคนเดียว คุยกันก่อนที่จะมาถึงบอกว่าไม่ให้ไปบริเวณที่น้ำลึกเพราะจะจมน้ำได้ เชื่ออยู่น่าจะกลัว แต่ก็มีบ้างที่แอบไปกับเพื่อนเล่นด้วยกัน ในตอนแรกนั้นที่ลงไปพยายามส่องดูว่าจะหาเพื่อนเล่นด้วยได้ไหม ไม่ถึงนาทีเดินมาหาเพื่อที่อยากจะให้เราลงไปด้วยเพราะบอกว่าไม่มีเพื่อนเล่น ไม่มีใครเล่นด้วย
ประสบการณ์จะสอนเขาเอง เราเองถามว่าทำไมเขาถึงไม่เล่นกับเรา เราไปทำอะไรเขาไหม ให้คุยกันดีๆ ไม่ทำร้ายเขาแล้วจะมีคนเล่นด้วย ไม่ยอมใจอ่อนลงไปเล่นด้วย อยากให้เขาลองใช้ชีวิตเองโดยที่ไม่มีเราคอยอยู่ข้าง
ผ่านไปประมาณห้านาที ก็ยังเล่นคนเดียว ต้องจับตาอยู่ตลอดเพราะว่าเรานั้นไม่ได้ลงไปในน้ำด้วย กลัวว่าจะจมน้ำแล้วไม่มีใครเห็นรอบสระมีคนมานั่งค่อนข้างเยอะ แต่เราก็จะไม่คลาดสายตาไป เห็นเริ่มที่จะไปหาเพื่อนคุยกับคนอื่นบ้างแล้ว แต่คงด้วยว่าแปลกหน้าจึงไม่เล่นด้วย ดูท่าเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายไปเล่นกับพี่ที่โตกว่า
เริ่มที่จะคุยและเข้าหาเพื่อน อยากเล่นด้วยเพราะว่าพี่เขาเล่นเหมือนกันกับการลากแพ คนหนึ่งลากคนหนึ่งคอยดูด้านหลังช่วยพยุง ในน้ำลึกนั้นมากกว่าสองเมตร แม้เด็กที่โตยังต้องลอยน้ำ เริ่มที่จะเรียนรู้วิธีเล่นกับเพื่อนแล้ว
มีเพื่อนประมาณ ห้าคนที่เล่นด้วยกัน เวลาที่เขาเล่นและอยู่กับคนอื่นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ดื้อและไม่ฟังเหมือนที่อยู่กับเรา เล่นและเข้ากับเพื่อนได้ เวลาที่เล่นเขาจะเล่นกับเพื่อนรอบสองรอบแล้วต่อจากนั้นจะแวะไปเล่นคนเดียวแล้วกลับมาเล่นด้วยอีก
ความฉลาดเล่นของเด็กกลุ่มนี้เขาจะรู้และเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ ได้เอง โดยการเรียนรู้ในครั้งแรกอย่างเช่นเมื่อแพลอยไปข้ามสะพานจะต้องก้มหัวลงเพื่อที่จะไม่ให้โดนหัวของตนเอง หมอบลง เมื่อพ้นก็จะกระโดดลงเมื่อรู้ว่าพื้นที่นี้ไม่ได้น้ำลึก
พื้นที่สวนน้ำนี้เปรียบก็เหมือนสังคมที่มีอันตรายอยู่รอบด้าน การเอาตัวรอดจากการใช้ชีวิต ทักษะต่างๆ นั้นจะต้องนำมาใช้ เมื่อไหร่ที่ไม่มีคนที่คอยอำนวยความสะดวกหรือดูแลจะต้องทำอย่างไร การพูดคุยจึงได้เกิดขึ้น
การผจญภัยในการเล่น ที่หลากหลาย เรียนรู้ในการเล่น ว่าการที่จะลงได้นั้นจะต้องโยนสิ่งของที่เป็นภาระออกจากตัว ถึงจะเล่นเครื่องเล่นชนิดนี้ได้ น้ำคือสิ่งที่อันตรายสำหรับเด็กก็จริง แต่ในความเป็นจริงเด็กลอยอยู่ในน้ำในท้องของแม่จึงคุ้นเคยกับการเล่นน้ำ
ในการเล่นน้ำที่นี่นั้นสิ่งที่ต้องคอยระวังคือ เขาได้มีข้อปฏิบัติบอกชัดเจนแล้วว่าหากเกิดอะไรขึ้นจะไม่มีการร้บผิดชอบอะไรทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นต้องช่วยสอดส่องดูแลความปลอดภัย
การหลบภัยอันตรายจากธรรมชาติ ในการเล่นนั้นมีทั้งฝนและแดด เขาจะต้องรู้ว่าเมื่อมีฝนตกหนักจะต้องรีบหลบเข้ามาในร่มที่ฝนไม่โดนตัวเอง และเมื่อแดดส่องเต็มที่ความร้อนจะทำให้กลับเข้ามาบัง
ของเล่นชิ้นใหม่ แม้ไม่ได้มานานรู้และจำได้ว่า สิ่งนี้ไม่เคยมีตอนที่มาในครั้งนั้น ในการพาเด็กมาเที่ยวสวนน้ำไม่ต้องกังวล เราสามารถที่จะนั่งเฝ้าและทานอาหารที่นี่ได้เลย และนั่งมองเด็กในสระได้ทั่วรอบเพราะสระน้ำที่เด็กเล่นจะอยู่ตรงกลางไม่ว่าจะเดินไปในตรงไหนจะอยู่ในสายตาของเรา และสามารถที่จะพูดคุยเรียกขึ้นมาได้ไม่ยาก
ความอิสระในตัวเอง ในการเล่นเราไม่สามารถที่จะไปจัดเขาว่าต้องเล่นอย่างนั้น ทำแบบนี้นะ จะไม่มีเพราะเขาจะไม่เชื่อและไม่ฟัง เวลานี้เขาจะเล่นในแบบของเขา ใช้ชีวิตเอง อยากไปตรงไหนอยากเล่นตรงไหนทำได้ ระยะเวลาประมาณห้าชั่วโมงนั้นไม่ยอมหยุดเล่น แต่ไม่ได้เล่นตลอด มีขึ้นมานั่งเล่นในเครื่องเล่น นั่งเล่นในแพที่พี่ลากพาไปรอบสระ ไม่ได้เล่นน้ำตลอดเวลา แต่ก็ได้ปล่อยพลังไปค่อนข้างเยอะ
โดยรอบสระจะมีตัวการ์ตูนยืนอยู่ตามขอบสระ มีบ้างที่เดินขึ้นมาแล้วเดินขี่ตัวนั้นตัวนี้ สุดท้ายแล้วก็เดินลงมาเล่นน้ำหมุนไปเรื่อยๆ อย่างนี้ คงเป็นความสุขของเด็ก บางคนพ่อแม่ต้องการกลับบ้านไม่ยอมขึ้น พอขึ้นมาก็ร้องไห้ไม่อยากกลับบ้าน การเล่นนั้นมีขีดขั้นเสมอ หากว่ามากเกินไปเด็กเขาจะพอเองไม่ต้องไปบังคับ หรือก่อนที่จะลงเราจะทำข้อตกลงกันก่อนว่าจะไม่อย่างนั้นอย่างนี้ ตามที่เราจะตกลง
สุดท้ายแล้วไม่ว่าเราจะเลี้ยงหรืออยู่กับเจนไหน สิ่งที่เขาต้องการคือความรัก ความเอาใจใส่ดูแล ต้องการใช้ชีวิตที่เขาเลือกในบางครั้ง และบางครั้งก็ต้องการที่จะให้อยู่ข้างๆ เหมือนเด็กเจน Alpha ที่ใครบอกว่าเป็นเจนที่ฉลาดที่สุด แต่การฉลาดของเขาก็จะต้องมีขอบเขตที่แน่นอน สิ่งที่ควรทำไม่ควรทำเขาควรรู้ มารยาทในการอยู่ร่วมกัน อย่าให้แต่สมาทโฟนสอนอย่างเดียว เพราะว่าสุดท้ายแล้วเขาจะไม่มีความเป็นคน อ่อนน้อมถ่อมตน ช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเมตตา เขาจะไม่เข้าใจการใช้ชีวิตในโลกของความเป็นจริง






















